top of page
312345.jpg

ไทยเกินดุลทองคำ..ส่งผลบาทแข็ง


เงินทุนไหลออกตลอด 8 เดือน แต่บาทแข็งโป๊ก เป็นผลจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับขึ้น จนทำให้ดุลการค้าของไทยเกินดุลทั้งที่เศรษฐกิจหดตัว การส่งออกติดลบ ชี้สาเหตุจากไทยส่งออกทองคำมากว่านำเข้า จนดุลการค้าทองคำเกินดุล คาดเงินทุนยังไหลอก ราคาทองยังเพิ่มขึ้นอีก และส่งผลย้อนมาที่ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าต่อไป

ทีมวิเคราะห์วิจัย แบงก์กสิกรไทย ประเมิน ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องยังสร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกสินค้า และธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาแล้ว 7.4% นับตั้งแต่ต้นปี 2562 และเป็นการแข็งค่าเมื่อเทียบกับทั้งสกุลเงินหลักที่เป็นคู่ค้าและสกุลเงินในภูมิภาคที่เป็นคู่แข่ง ทั้งนี้ความกังวลดังกล่าวได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ตราบเท่าที่เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงอย่างมากจากความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้า และ Brexit ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยถึงต้นปี 2563 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยากที่จะกำหนดทิศทางและอยู่นอกเหนือการควบคุมของทางการไทย

ในขณะที่การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ยังเป็นปัจจัยอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อค่าเงินบาท

ทั้งนี้จะเห็นว่า ท่ามกลางดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ติดลบในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 สะท้อนการไหลออกของเงินทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ละตลาดหุ้นไทย ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ แต่บาทกลับแข็งเพราะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังอยู่ในระดับสูงจากการเกินดุลทั้งดุลการค้า และดุลบริการที่รวมการท่องเที่ยวของไทย ส่งผลให้มีความต้องการสภาพคล่องเงินบาทอยู่มาก และหนุนให้ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยย้ำว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางการส่งออกของไทยที่หดตัวในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 ที่ -2.2% แต่ดุลการค้ากลับยังเกินดุลอยู่ในระดับสูง

สาเหตุของการเกินดุลการค้ากว่าครึ่งมาจากการเกินดุลทองคำ โดยนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2562 ที่ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทำให้ไทยมีการส่งออกทองคำมากกว่าการนำเข้า ซึ่งหากหักผลของการส่งออก-นำเข้าทองคำแล้วดุลการค้าในบางเดือนจะขาดดุลด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ การเกินดุลทองคำในระดับสูงของไทย น่าจะปรากฏต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตราบเท่าที่ราคาทองคำในตลาดโลกยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มว่าราคาทองคำจะยังสูงต่อไป เนื่องจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกหนุนความต้องการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนทั้งจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ยังมองว่าจะเป็นประเด็นยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไปยังปีหน้า แม้ว่า ณ ขณะนี้จะมีความคืบหน้าจากการเจรจาของผู้แทนทั้งสองฝ่ายในการหาข้อยุติทางการค้า แต่มาตรการทางภาษีที่สหรัฐ ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงการเก็บภาษีในวงเงินสุดท้าย 3 แสนล้านดอลลาร์ ก็ยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณที่จะยกเลิก ทำให้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ายังคงมีอยู่

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษที่ยังมีความเสี่ยงของการออกแบบไม่มีข้อตกลงในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นี้ จะนำมาซึ่งการถดถอยของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอังกฤษและสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นปัจจัยซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจโลกอีกต่อหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยังมีความต้องการของทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และกดดันราคาทองคำให้อยู่ในทิศทางขาขึ้น

“ทิศทางราคาทองคำขึ้นอยู่กับทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยราคาทองคำในตลาดโลกยังมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดโลก ตราบเท่าที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจากทั้งประเด็นสงครามการค้าและ Brexit ยังไม่ผ่อนคลายลง โดยจุดเปลี่ยนคงอยู่ที่มุมมองของเฟดต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐ สะท้อนจากการส่งสัญญาณการยุติการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งอย่างเร็วที่สุดคาดว่า น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563

ในกรณีดังกล่าว แรงกดดันต่อราคาทองคำคงทยอยลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยลดแรงกดดันค่าเงินบาทจากการเกินดุลการค้าทองคำที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด ในกรณีที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยยังมีอยู่สูง เฟดคงต้องดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายโดยการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำให้อยู่ในระดับสูงยาวนานขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ต้องติดตามว่า ไทยจะมีประกาศใช้มาตรการอย่างไรในการดูแลการนำเข้าและส่งออกทองคำต่อจากนี้ หรือไม่

18 views
bottom of page