ไทยเหยียดจีนเทาเป็นเหตุ นักท่องเที่ยวจีนลดฮวด
- Dokbia Online
- 8 hours ago
- 2 min read

ท่องเที่ยวไทยโคม่า นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดฮวบ จากเหตุสังคมไทยเหยียดจีนเทา ลามไปกระทบถึงคนจีนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ สุดท้ายอินฟลูฯ ในจีนทั้ง Key Opinion Leader และ Key Opinion Customer ตีข่าวไทยเหยียดจีน และข่าวลบที่ไม่ดีของไทย ทำให้ภาพพจน์ที่ดีระหว่างไทย-จีนที่มีมาหลายสิบปี พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ กระทบนักท่องเที่ยวจีนที่หันไปเที่ยวเวียดนาม-ญี่ปุ่นแทน จี้...ทางการไทยต้องให้สังคมไทยเข้าใจและแยกแยะระหว่างจีนเทาและนักธุรกิจจีนที่ดี ส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีนให้กลับมาเหมือนเดิม รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการให้แรงจูงใจบริษัททัวร์ในจีนจัดเหมาลำเครื่องชาร์เตอร์ไฟลต์มาไทยให้มากขึ้น ย้ำ...นักท่องเที่ยวจีนแม้จะใช้จ่ายต่อหัวไม่มากเท่านักท่องเที่ยวชาติอื่น แต่เป็นการใช้จ่ายที่กระจายตัวไปยังชุมชน พ่อค้าแม่ขายรายทาง ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่โรงแรม 5 ดาว โรงพยาบาล-ร้านอาหาร-ห้างหรู
Interview : คุณสุรวัช อัครวรมาศ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สหรัฐอเมริกากับจีน เริ่มจะหันมาคุยกัน
ถือเป็นมุมที่ดี ขณะที่การท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขตกเยอะในช่วงนี้ คือเป็นช่วงโลว์ซีซันของพวกตลาดรัสเซีย ถือเป็นเรื่องธรรมดา แล้วจะมาบูมอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมแถบๆ ทะเลอันดามัน ผมเพิ่งกลับจากภูเก็ตมา สังเกตว่าตลาดรัสเซียยังพอได้ บางโรงแรมไม่ได้ลดไปเยอะ แสดงว่ายังพอมีอยู่บ้าง
สำหรับตลาดจีนถือว่าน่าเป็นห่วง ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เราพูดตลอดว่าเราต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ทางจีนก็มองเราเป็นเพื่อน เหมือนกับเป็นญาติ ไทยจีนเป็นครอบครัวเดียวกัน มันฝังอยู่ในความรู้สึกของคนจีนมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันบ้านเรามีข่าวไม่ค่อยดีออกมาเยอะ เข้าใจว่ามันเยอะจนเกินไป ในมุมเทาบ้างล่ะ จีนมาไม่ดีบ้างล่ะ เป็นข้อมูลที่พูดออกไปเยอะๆ
ปัจจุบันพวกสื่อต่างๆ ของจีนเองตีข่าว ซึ่งจีนเป็นประเทศที่เขาทำสื่อเองเยอะ มีสื่อประเภทหนึ่งคือ KOL (Key Opinion Leader) คล้ายๆ กับอินฟลูเอนเซอร์ของเรา คือมีผู้นำทางด้านต่างๆ มาให้ข้อมูลอะไรพวกนี้ ตรงนี้ก็อีกมุมหนึ่ง และอีกมุมหนึ่งก็คือ KOC (Key Opinion Customers) พวกนี้เป็นกลุ่มที่ทำข่าวกันเองแล้วก็กระจายข่าวกันไป เรื่องนี้น่าเป็นห่วง ถ้าเขาเอาข่าวที่คนไทยไม่เอาคนจีน ต่อต้านคนจีน มองคนจีนเป็นลบไปหมด ทำให้เขาไม่พอใจก็จะไม่เป็นผลดีต่อไทย ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วง
ส่วนอีกเรื่องมีข้อมูลที่น่าสนใจมากก็คือคนจีนที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศที่เขามีการวิเคราะห์ว่าการไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ลดลงจากปีช่วงที่เกิดโควิด พูดง่ายๆ ว่าคนที่ไปเที่ยวต่างประเทศของเขาไม่ได้ลดลง แต่ที่บ้านเรากลับหายไปหมด ตรงนี้คือตัวเลขที่น่าเป็นห่วง
นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวที่ไหน
ประเด็นคือวิเคราะห์ข่าวน่าจะมีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปนิดนึง ที่เราไปบอกว่าคนจีนช่วงหลังไม่เที่ยวทัวร์แล้ว เที่ยวกันเอง ทีนี้เท่าที่เช็กข้อมูลพบว่าคนจีนไปเที่ยวเวียดนาม ญี่ปุ่น ก็เยอะนะ แต่ไม่มาไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องวิเคราะห์ น่าเป็นห่วง แต่ประเด็นก็คือไม่เป็นแบบนั้น ผมทำตลาดจีนมานาน 10-20 ปีที่ผ่านมา เจอปัญหากระทบท่องเที่ยวมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก สึนามิ จะมีมาเป็นช่วงๆ แล้วเขาก็กลับมาเที่ยวไทยในเวลาที่เร็ว แต่ครั้งนี้ไม่เป็นแบบนั้น พวกเราก็เลยมองว่าไม่ดีแล้ว คือถึงขนาดนายกสมาคมหนึ่งบอกว่าไอซียูแล้วนะ แต่ผมกลับมองว่าไม่ใช่ไอซียู แต่โคม่าแล้วสำหรับตลาดจีน คือไอซียูยังอาจจะไม่ได้วิกฤต ยังมีความหวังอยู่
ปัญหาคือวิธีแก้ปัญหาอย่างในอดีตที่ผ่านมาเราทำน้อยไป ยกตัวอย่าง วิธีการที่เอาทัวร์นักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปเข้ามาไทย เราต้องไปช่วยในเรื่องของการลดต้นทุนของเอเยนต์ ในเรื่องตั๋วเครื่องบิน ความสะดวกในการบินเข้ามา แต่ครั้งนี้เราไม่ได้เข้าไปดูตรงนี้เลย แล้วเอเยนต์จีนเขาก็ไม่ขายทัวร์ไทย อันนี้น่าเป็นห่วง ซึ่งทัวร์จีนเขาเห็นว่าคนจีนไม่เที่ยวไทย ไปเที่ยวเวียดนาม เขาก็เปลี่ยนจากขายไทยไปขายเวียดนาม เรื่องนี้จึงน่าเป็นห่วงสำหรับการท่องเที่ยวเรา
ขณะที่เวียดนาม ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นักท่องเที่ยวจีนเข้าเวียดนามมากกว่ามาเมืองไทย ตัวเลขหลอกใครไม่ได้ ฉะนั้น ก็หวังว่าภาครัฐต้องหาวิธีไปย้อนดูในอดีตว่าทำกันอย่างไรให้เอเยนต์ทัวร์จีนกลับมาขายทัวร์ไทย คือยังมีทัวร์กรุ๊ปจากจีนไปเที่ยวประเทศอื่นๆ แต่ว่าไม่มาไทย
ส่วนประเด็นต่อมา คือไม่ได้ว่าใครนะ คือ ณ วันนี้ อย่าเพิ่งไปมองเรื่องคุณภาพ ต้องเอาคนเข้ามาก่อน ส่วนตัวไม่เคยทำทัวร์ศูนย์เหรียญนะ ที่ผ่านมาทำแต่ทัวร์ที่มีมาตรฐาน แต่วันนี้ผมกลับมองว่าต้องให้นักท่องเที่ยวเข้ามากัน เพราะถ้าปริมาณไม่เข้ามา เครื่องบินก็ไม่กล้าขาย คือถ้าเห็นนักท่องเที่ยวไม่พอ เขาก็ไม่ขายทัวร์ แล้วมันก็แพงด้วย ดังนั้น ต้องทำอย่างไรให้เอเยนต์ขายพวกชาร์เตอร์ไฟลต์ที่มาแต่ละเมืองบินเข้าเมืองไทย เพราะจีนเขาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก ไม่ได้มาจากเซี่ยงไฮ้อย่างเดียว ไม่ได้มาจากกวางโจวหรือปักกิ่งอย่างเดียว ยังมีเมืองมณฑลเล็กๆ ที่ไม่ได้มีสายการบินตรงเข้าไทย เราต้องไปส่งเสริมให้เขาทำชาร์เตอร์ไฟลต์เข้ามา มันถึงจะมีปริมาณ
แต่เราก็ไม่ไปแตะนะว่าเราต้องการปริมาณหรือคุณภาพ ไม่ต้องไปพูดถึง คือขอให้คุณเข้ามาก่อน ซึ่งภาพของเมืองไทยที่เป็นภาพลบที่มีกับคนจีนในสายตาคนจีน คุณต้องใช้ปริมาณของคนเป็นคนกลับไปเล่าให้เขาฟังว่าเมืองไทยไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แล้วคนที่ทำข่าวออนไลน์ของเขาก็จะทำไปเรื่อยๆ ก็จะเยอะ ทุกคนก็จะเชื่อ คือคนจีนเดี๋ยวนี้นะ ชั่วโมงนี้มีปัญหา เป็นเรื่องลึกๆ ที่หลายคนไม่ได้พูดถึง อินฟลูเอนเซอร์จีนคนไหนที่ไปเขียนว่าประเทศไทยดีเขาจะถูกด่า ว่ารัฐบาลไทยจ้างคุณหรือเปล่า โดนเละเลย เขาเลยไม่กล้าเขียน
หากสมมุติว่าทุกคนเขาเขียนมันก็จะสร้างความรู้สึกที่ดี เป็นเรื่องที่หลายคนไม่เข้าใจในมุมนี้ของสังคมจีน อย่างมีคนถามว่าไทยเราปลอดภัยหรือไม่ แล้วเราตอบว่าปลอดภัย ก็จะมีคนถามอีกว่ามีคนจ้างคุณหรือไม่ มันจะเกิดความรู้สึกนี้ เพราะเขายังได้ข้อมูลว่าคนไทยยังไปด่าเขาอยู่ นี่คือยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด
อีกเรื่องที่มีบอกว่าไปแต่งตั้งคนจีนเป็นที่ปรึกษาก็ถูกด่า ผมก็ไม่รู้จักเขานะ ผมก็ต้องคิดว่าเขาตั้งคนจีนเป็นที่ปรึกษาแล้วมันมีความผิดหรือ มองว่าก็ไม่น่าจะผิด เพราะตลอดที่ผ่านมาก็มี คนต่างชาติเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ก็ไม่น่าจะแปลกอะไร แต่ที่ทุกคนเป็นห่วงก็กลัวว่าคนนี้เป็นทุนเทา เป็นคนจีนแล้วมาลงทุนเป็นทุนเทา ก็เลยออกมุมนั้นไปเลย ก็เป็นเรื่องที่ฟังแล้วงงๆ คือมันไม่ได้ผิดอะไร แล้วทำไมผู้ว่าฯ ต้องถูกตำหนิก็เลยไปถามว่าคนนี้เป็นทุนเทาจริงหรือไม่ ซึ่งเขาก็ลงทุนหลายพันล้านในจีน แล้วเขาก็มาเรียนหลักสูตรในบ้านเรา คือพูดไทยอะไรชัดหมด
ทั้งนี้เราต้องเข้าใจว่าคนจีนหรือคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย แล้วก็อยากอยู่เมืองไทยก็เยอะ อย่างไต้หวันมาลงทุนในไทย ไม่มีใครว่า ญี่ปุ่นมาไทยก็สร้างอะไรให้เราไว้เยอะ เราก็เห็นประโยชน์ ฝรั่งก็เข้ามาเยอะ แต่กับจีนเรากลับกลัวว่าเป็นสีเทา เราก็มองเป็นเรื่องเดียวกันตลอด จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง
แต่ก็เกิดหลายเรื่อง ตั้งแต่ตึก สตง.ที่ถล่ม เรื่องวัสดุก่อสร้าง เรื่องคอลเซ็นเตอร์
คือมีภาพลบเยอะ แต่เราก็ต้องให้ความยุติธรรม เขาก็เข้ามาเยอะ อะไรที่ไม่ดีเราก็เห็นๆ ไม่ว่ากัน คือทำพวกผิดกฎหมายกันเยอะ เราก็เห็นๆ อยู่ เพียงแต่ว่าอย่าไปใส่ข้อมูลจนทุกคนเป็นอย่างนั้นไปหมด มันจะเป็นการไม่เป็นมิตรกันทั้งสองประเทศ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าไม่เกิดเป็นมิตร เขาก็ไม่คิดอยากมาเที่ยว ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง แต่เท่าที่ทราบมาช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะมีโครงการที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะไปเชิญผู้ประกอบการจีนมา เอาอินฟลูเอนเซอร์รวมเกือบ 500 ชีวิตมาไทย แล้วเปิดในงานหนึ่ง ก็ไม่แน่ใจว่าจะไปได้มุมไหน
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้ทำเลย คือเรื่องภาพยนตร์ เราเคยมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ทำให้คนจีนมาเที่ยวไทย เยอะมากคือเรื่อง Lost in Thailand ทั้งๆ ที่พูดถึงมุมที่ไม่ดีของไทยด้วยซ้ำ เกี่ยวกับเนื้อหาที่มาเมืองไทยแล้วโชคร้าย แต่ก็ยังเห็นอะไรสวยๆ เยอะ คนจีนมาเที่ยวเต็มไปหมด หนังเรื่องนี้ทำรายได้มาก ช่วงนั้นเป็นเบอร์หนึ่งของจีนด้วยซ้ำไป
ขณะที่เราเองก็มีหนังเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ดังมาก แต่เราไม่เคยอาศัยเอาไปทำตลาด คือเรื่องหลานม่า ซึ่งได้เข้าประกวดออสการ์ด้วย เป็นหนังเอเชียที่เข้าประกวด ซึ่งมันมีน้อยมาก อยากบอกว่าหนังเรื่องนี้ในมุมความรู้สึกของคนจีนที่มีต่อคนจีนในไทย ความผูกพันที่ดีมาก ผมเอาหนังเรื่องนี้มาเล่าให้กับเพื่อนๆ คนจีนฟัง เขาซาบซึ้งมาก นี่คือคนจีนที่อยู่เมืองไทย เขาไม่เคยรู้ว่าคนจีนในเมืองไทยวิธีคิดและวัฒนธรรมที่ยังเหมือนคนจีนอยู่ ซึ่งเอามาเปรียบเทียบแล้วจีนตอนนี้เขาพยายามที่จะให้กลับไปคิดถึงคนแก่ที่บ้าน น่าจะเอาหนังเรื่องนี้มาสร้างความรู้สึกช่วย ถ้าเป็นไปได้ ทำให้มันดังที่จีน คือหนังนี้จีนมีเอาเข้าไปแล้ว แต่เข้าไปด้วยเอกชน เราน่าจะส่งเสริม ผมว่าหนังเรื่องนี้น่าจะช่วยผูกความสัมพันธ์เราให้กลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง แล้วคนไทยเองก็อย่าไปต่อว่าเขาเยอะจนเกินไป คืออะไรไม่ถูกก็คือไม่ถูก แต่ของที่พูดแล้วมันไม่ได้ประโยชน์ ไม่มีข้อมูลจริง ก็อย่าไปสื่อสารต่อ มันอันตราย
ถ้าจะดึงนักท่องเที่ยวจีนตอนนี้ ควรทำอย่างไร
แบบเดิมที่เคยทำมาก่อนตั้งแต่ยุคก่อนๆ คือมีรองผู้ว่าฯ ท่านหนึ่ง ขอเอ่ยนามคือรองสรรเสริญ ลองไปดูวิธีการทำงานช่วงนั้นของท่าน คือท่านช่วยเอาชาร์เตอร์ไฟลต์ของจีนเข้ามา ไปช่วยเป็นลำๆ เลย ไปช่วยลดต้นทุนเลยเป็นลำๆ ที่บินตรงเข้ามา ก็เอาเงินไปช่วยให้เขายอมขายทัวร์ คือถ้ามณฑลนี้อยากมาเที่ยวไทยแล้วไม่มีเครื่องบิน เขาก็จะไปออกจากมณฑลอื่น ส่วนมณฑลอื่นที่พูดถึงก็จะมีบริษัททัวร์ที่จะรองรับเอาชาร์เตอร์ไฟลต์บินเข้ามาบ้าง อย่างไรก็ต้องทำ ถ้าเกิดเราไม่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาบ้านเรา คือคนไม่มา พอไม่มา ก็ไม่ขาย มันจบนะ ทั้งนี้ มันจะอันตรายมากพอไม่ขาย
แต่อย่าเพิ่งไปกำหนดว่าต้องมาแล้วต้องมีคุณภาพดีอย่างโน้นอย่างนั้น อย่าเพิ่งไปกำหนด เพราะพวกเราซึ่งเป็นคนไทยเราก็อยากทำตัวดีอยู่แล้ว แต่ประเด็นก็คือคุณจะปกป้องธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นของคนไทยอย่างไร ภาครัฐ คนของรัฐเอง ส่งเสริมคนที่เป็นคนไทย ที่ทำตัวดีๆ อยู่แล้ว เป็นอย่างไร ระบบแบบนี้ที่เราต้องเข้ามาช่วยกันดู ตรงนี้อาจจะพูดในฐานะการทำทัวร์จีนตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศเลย จนวันนี้ก็เห็นหลายๆ อย่างที่ภาครัฐเป็นคนนำ ที่เหลือคือเอกชนเก่งหมด
อย่างไรก็ดี ท่องเที่ยวที่มีวันนี้ทุกๆ ตลาดเริ่มจากเอกชนทั้งหมด แต่ถ้ารัฐมีส่วนในการส่งเสริมและช่วยประคับประคองไปให้เขาเชื่อถือก็จะดี ส่วนเรื่องของความปลอดภัยเห็นว่าภาครัฐเขาพยายามทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท่องเที่ยว หรือทุกภาคส่วนก็ทำกันอยู่
หากไม่ทำอะไรเลย แนวโน้มจากนี้จะเป็นอย่างไร
คนที่เข้ามาด้วยฟรีวีซ่า จะมีกลุ่มใหญ่ๆ เข้ามาทำธุรกิจ มาเป็นแรงงาน แล้วก็จะถูกฟรีวีซ่าในบางส่วน แต่ก็ดีใจเรื่องหนึ่งก็คือเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่มีคนต่อว่ารัฐบาลจะไปทำออนไลน์ให้มันไม่สะดวก ซึ่งตรงนี้ตัดทิ้งได้เลย เพราะการเข้าเมืองด้วยการต้องสแกนอะไรก่อนเพื่อให้ติดตามตัวได้มันต้องทำกันมาแล้ว ซึ่งเราเพิ่งเริ่มทำวันที่ 1 พฤษภาคม อย่างไรก็เป็นเรื่องดี คือเราไปหลายประเทศก็ต้องทำ คนที่มาท่องเที่ยวก็รู้อยู่ว่าต้องทำระบบออนไลน์ ตรงนี้ไม่มีปัญหา ฉะนั้น คนที่ไปต่อว่าอย่าไปฟัง เพราะผมไปมัลดีฟส์ก็สแกนอยู่ตั้งนานเหมือนกัน ไปสิงคโปร์ ไปเกาหลี ก็ต้องสแกน ดังนั้น เราสแกนน่ะถูกแล้ว เพราะการที่เราสแกนทำให้คนอื่นเขามีความรู้สึกว่า ไทยเราสนใจเรื่องความปลอดภัย ไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาได้ อันนี้มุมที่เป็นบวกก็ขอให้ทำไปเลย ส่งเสริม แล้วอยากบอกว่าขอบคุณที่เราทำเป็นสเต็ป เป็นระเบียบ เป็นระบบ
อย่างญี่ปุ่นจะเป็นอะไรที่เราพูดตลอด คนไทยไปญี่ปุ่นเยอะมากเลย ไม่ใช่ราคา ราคาไม่ได้ถูก คือที่นักท่องเที่ยวจีนไปญี่ปุ่นไม่ใช่เหตุผลคือถูก ไปง่ายจริง บินใกล้กว่า แต่ราคาแพงกว่ามาเมืองไทย ฉะนั้น ราคาไม่ใช่ตัวตั้ง แต่เรื่องระบบ การจัดการ ความมั่นใจ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
บางคนบอกที่เขาไปเวียดนาม เพราะถูก ส่วนมาไทยแพงกว่า
อย่างที่บอก แล้วเวลาไปญี่ปุ่นทำไมไม่อ้างว่าแพง เพียงแต่ว่าการจัดการเราแพง แต่เราดี ถ้าเกิดแพงแล้วดีขึ้น อันนั้นไม่มีปัญหา คือปัญหาของเราคือราคามันก็สูงขึ้นจริง เพราะค่าครองชีพบ้านเราก็สูงขึ้น แต่การดูแล การบริการของเรา เราบวกไปตามราคาที่แพงขึ้นหรือไม่ ทีนี้ถามว่าเวียดนามเขาทำได้ถูกกว่าเรามากจริงหรือไม่ ก็บางส่วน แต่เวียดนามเขามีแหล่งท่องเที่ยวที่คนสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรหลายที่ของเวียดนามเขาทำได้ดีมาก เขาทำในช่วงโควิด แต่ช่วงโควิดเราไม่ได้ทำอะไร
ทั้งนี้ จุดขายของเราในช่วงโควิดคือชุมชน กลุ่มชุมชนท่องเที่ยวเราดีขึ้นเยอะ แต่เราไม่ได้ไปขายสิ่งเหล่านี้ คือถ้าจำกันได้พอเปิดประเทศ คนไปเที่ยวเวียดนามจำนวนมากเลย ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือ ต้องยอมรับว่าเขาก็ทำเยอะ และดึงดูดพอสมควร ซึ่งหากเราไปคุยเฉพาะราคาอย่างเดียว คือเราลดราคาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะยิ่งลดลงไป ยิ่งจะลำบากมากขึ้น ดังนั้น อย่าไปอิงเรื่องราคาเป็นหลัก
แล้วอีกอย่าง คนที่ไปเขียนเรื่องราคาแพง มันก็เป็นแค่ความรู้สึกของคนบางกลุ่ม คือเขาไปเขียนว่าแพงขึ้นคือพวกคนที่อยู่เมืองไทยมาก่อนก็รู้สึกว่ามันแพงขึ้น ก็เรื่องจริงนะ เรื่องแพงขึ้น แต่แพงขึ้นบริการดีขึ้น ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก ขณะที่คนไทยตอนนี้ไปเที่ยวจีนก็เยอะมาก คนไทยไปเที่ยวคุนหมิงเพิ่ม 2 เท่าตัว แล้วถามว่าเขาถูกลงหรือไม่ ก็ไม่ได้ถูกลง ค่าครองชีพจีนก็ยังมีอยู่ฉันใดก็ฉันนั้น ท่องเที่ยวมันเป็นอะไรที่ไปแล้วมีความสุข มีความพึงพอใจ
เรื่องการสู้รบระหว่างอินเดียกับปากีสถาน จะกระทบท่องเที่ยวไทยหรือไม่
อินเดียก็ยังมาเยอะขึ้น แต่ตอนนี้เราก็กำลังมองอยู่ว่าถ้าเขารบกัน เขาอยากมาอยู่กับเรามั้ย เพียงแต่ตลาดอินเดียในเรื่องการใช้จ่ายก็ไม่ได้ดีเหมือนตลาดจีน ซึ่งดีอยู่อย่างเดียวคือจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย แต่บางทีเราไปมองจากตัวเลขรวมของนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ เพราะอย่างกลุ่มอาหรับมาใช้เงินแสนบาทต่อคน แล้วคิดว่าดี แต่เงินมันไปกระจุกอยู่ที่โรงพยาบาล ไปกระจุกอยู่ที่โรงแรม 5 ดาว มันไม่กระจาย
ขณะที่จีนดีตรงที่ว่า จีนเขาซื้อของเยอะ ยาหม่องก็ซื้อ คือรายทางซื้อหมด ซื้อทุกอย่าง ฉะนั้น ถึงแม้ค่าใช้จ่ายต่อคนอาจจะน้อยกว่า แต่ได้ประโยชน์มากกว่า
Comments