top of page
485823.jpg

ปลุกส่งออกกุ้งไทยแสนล้าน/ปี....เสนอยกระดับการแก้ปัญหากุ้งเป็นวาระแห่งชาติ


ree

คุณภาพกุ้งไทย โดยเฉพาะจากบ่อเลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีได้มาตรฐานอันดับหนึ่งในเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มาตรฐานการเลี้ยงที่ยั่งยืนต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม แรงงาน และการันตีปลอดสารตกค้างทุกบ่อเลี้ยง ทำให้กุ้งไทยเป็นกุ้งเกรดพรีเมียมที่ดีที่สุดในโลก เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน รวมทั้งสามารถส่งออกไปได้ในทุกประเทศบนโลกนี้ แต่อุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้งไทยกลับมีปัญหาที่แก้ไม่ตกมากว่า 12-13 ปีในเรื่องโรคในกุ้งโดยเฉพาะโรคกุ้งด่างขาว โรคตายด่วนในกุ้ง ทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งออกจากธุรกิจ จนพื้นที่เลี้ยงกุ้งลดจาก 5 แสนไร่ เหลือเพียง 2 แสนไร่ และผลผลิตกุ้งลดลงจาก 6.4 แสนตันต่อปี เหลือเพียงประมาณ 3 แสนตันต่อปี กระทบยอดส่งออกกุ้งที่เคยสูงถึงปีละ 1 แสนล้าน ลดวูบเหลือปีละ 5 หมื่นล้าน ซึ่งนอกจากทำให้เสียแชมป์การเป็นผู้ส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของโลกแล้ว ยังทำให้รายได้จากส่งออกกุ้งในรอบ 12 ปีหายไปมากถึง 5-6 แสนล้าน  ล่าสุด ทางเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและเครือข่ายยื่นของบ 5.4 พันล้านจากรัฐบาลเพื่อมาใช้ในการวิจัยแก้ปัญหาโรคในกุ้ง รวมทั้งเพาะพันธุ์ลูกกุ้งคุณภาพดี การพัฒนาระบบการเลี้ยงกุ้ง ฯลฯ ซึ่งผู้เลี้ยงกุ้งมั่นใจว่างบ 5.4 พันล้าน ถือว่าคุ้มมากที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งให้สามารถทำรายได้จากการส่งออกกุ้งให้กลับมาเป็นปีละ 1 แสนล้านบาท และกลับมาเป็นผู้ส่งออกกุ้งเกรดพรีเมียมอันดับ 1 ของโลกได้เหมือนเมื่อกว่าสิบปีก่อน

 

Interview : คุณเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย


สถานการณ์การเลี้ยงกุ้งของไทยเป็นอย่างไรบ้าง

             

ตอนนี้ไทยเรามีผลผลิตของการเลี้ยงกุ้งค่อนข้างที่จะลดลงจากเดิมมาก โดยเฉพาะในปี 2555 ที่เรามีผลผลิตมากที่สุด 6.4 แสนตันต่อปี ต่อมาหลังจากที่มีปัญหาเรื่องโรคในกุ้ง ทำให้ผลผลิตลดลงจาก 6.4 แสนตัน จนวันนี้เหลือประมาณ 3 แสนตัน ส่วนนี้ก็เป็นผลกระทบของภาคการผลิตกุ้งของเราในวงกว้าง แน่นอนว่าเกษตรกรก็ต้องได้รับความเดือดร้อนจากที่เลี้ยงกุ้งแล้วได้รับผลจากโรคต่างๆ ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ และเราได้เรียกร้องไปทั้งกรมประมงและทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้รับทราบว่าเรายังติดกับดักเรื่องโรคอยู่ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้ผลผลิตเราหายไปครึ่งหนึ่ง

           

ทั้งนี้ กุ้งที่ไทยเคยส่งออกไปมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทเอง ถือว่ามาถึงตอนนี้หายไป 5-6 แสนล้านบาทแล้วในรอบ 10 ปีมานี้ ผมมีเพื่อนๆ ที่เลี้ยงกุ้งต้องออกจากธุรกิจนี้ไปมากเลยทีเดียว และจากพื้นที่เลี้ยงกุ้งประมาณ 5 แสนไร่ ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 2 แสนกว่าไร่เท่านั้นเอง วันนี้เราเสียหายเรื่องนี้จริงๆ

           

อย่างไรก็ตาม สมาคมกุ้งไทยเองกับทางพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย 19 องค์กร เราได้ร่วมปรึกษาหารือกับทางกรมประมง เพื่อประสานไปทางรัฐบาลว่าเรื่องกุ้งถือเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้มีการส่งออกไปปีละ 5 หมื่นกว่าล้านบาท เท่ากับช่วง 12-13 ปีมานี้ เสียรายได้ไป 5-6 แสนล้านบาทแล้ว ดังนั้น รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญและความสนใจกับภาคการผลิตที่เป็นภาคเกษตร และผู้ที่มีส่วนได้เสียซึ่งเป็นพี่น้องเกษตรกรในหมู่บ้าน ตำบล และภาคพื้นที่มีการเลี้ยงกุ้งมากกว่า 2 ล้านคน เลยทำให้เดือดร้อนไปตามๆ กัน

 

อยากให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรบ้าง

           

เราได้เสนอไปเพื่อที่จะให้ทางกรมประมง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากอธิบดีกรมประมง ก็ได้มีการ

มีการดำเนินการไปทั้งหมด 11 โครงการ 5.4 พันล้านบาท โดยเป็นการแก้โครงสร้างการผลิตในเรื่องโรค ซึ่งจะมีการหาลูกกุ้งคุณภาพดี เรื่องแนวทางการป้องกันโรค รวมทั้งให้ความรู้เกษตรกรเพื่อเลี้ยงกุ้งออกมาให้รอดปลอดภัย การใช้อาหารคุณภาพสูง ฯลฯ ก็เป็นความหวังของเกษตรกรที่อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญ

           

ในช่วง 12 ปีมานี้ ตั้งแต่ปี 2555 พวกเราเกษตรกรมีการต่อสู้ด้วยตัวเองกันมาตลอด คิดว่าเราทำทุกทางแล้ว ในอดีตที่ผ่านมาจะมีโรคกุ้งมากมาย ตั้งแต่ปี 2530 มีโรคกุ้งด่างขาว หัวเหลือง เรายอมเปลี่ยนสายพันธุ์กุ้งจากการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมาเลี้ยงกุ้งพยาบาล (กุ้งขาว) ในปัจจุบันนี้ แต่วันนี้เป็นเวลา 12 ปี พวกเราจนปัญญา นอกจากเราจะเสนอรัฐบาลเรื่องพันธุ์กุ้ง เรื่องระบบการเลี้ยงกุ้ง เรื่องการใช้จุลินทรีย์มาต่อสู้ และขอให้รัฐบาลรวบรวมหน่วยงานวิจัยทั้งหมดในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในหน่วยงานวิจัยต่างๆ ให้มาช่วยกัน มาร่วมกันหาทางออก แก้ปัญหาโรคในกุ้งให้กับเกษตรกร

           

อย่าลืมว่า เราเคยส่งออกมากกว่า 1 แสนล้านบาทเช่นเดียวกับทุเรียน โดยปี 2555 กับ 2556 ไทยเราส่งออก 1 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงที่สุด และหลังจากนั้นตั้งแต่เจอเรื่องโรคมา การส่งออกของเราหายไป 5 หมื่นล้านบาทติดต่อกันเป็นเวลา 13 ปี คิดเป็นเงิน 5-6 แสนล้านบาท แทนที่จะเอามาพัฒนาประเทศ ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยของเกษตรกร ทำให้ในชนบท ในหมู่บ้าน ในตำบล ที่มีการเลี้ยงกุ้งนั้นมีการจับจ่ายใช้สอย ถ้างบ 5.4 พันล้านบาทที่ใช้ในการยกระดับการแก้ไขปัญหาเรื่องโรคกุ้งของไทยที่คาราคาซังมา 10 กว่าปี สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ เราก็อาจสามารถกลับมาเป็นผู้ส่งออก 1 ใน 3 ของโลกได้ ในอดีตเราเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก แต่ตอนนี้ร่วงไปอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

 

ภาษีสหรัฐอเมริกา 19% ส่งผลกระทบมากไหม

           

ตอนแรกที่ยังไม่มีตัวเลข 19% ซึ่งตัวเลขยังอยู่ที่ 36% เราค่อนข้างจะตกใจมาก เพราะเวียดนามอยู่ที่ 20% เราแทบจะไม่มีโอกาสในการแข่งขัน ตลาดสหรัฐอเมริกาเราแทบจะสูญสลาย เพราะปัจจุบันนี้มันก็ค่อนข้างยากอยู่แล้ว แต่พอมีความชัดเจน มีการประกาศว่าตัวเลขภาษีอยู่ที่ 19% ใกล้เคียงเวียดนามที่ 20% และใกล้เคียงกันกับตัวเลขของภูมิภาคนี้ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และอีกหลายประเทศ ซึ่งคิดว่าตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ไทยน่าจะได้เปรียบ เนื่องจากทั้งอินโดนีเซียและเวียดนามโดนภาษีทุ่มตลาด ส่วนไทยเราหลุดจากการแก้ข้อกล่าวหาเรื่องการอุดหนุนผู้ส่งออกกุ้ง เราหลุดตัวนี้มา ฉะนั้นเรื่องภาษีทุ่มตลาดของเราเป็นศูนย์

           

ดังนั้นตัวเลข 19% ของเรา เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมีความหมายในสหรัฐอเมริกา ที่เวียดนามและอินโดนีเซียโดนทั้งเอวีและซีบีดี โดนเข้าไปอ่วม เข้าใจว่าน่าจะมากกว่า 5% ขึ้นไป คิดว่าไทยเราน่าจะได้เปรียบในตัวเลข 19% นี้

           

อีกประเทศหนึ่งที่เป็นผู้ส่งออกกุ้งอย่างอินเดีย ที่ส่งไปสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับหนึ่งคือมากถึง 37% เขาโดนภาษี 50% โดยตอนแรกโดน 25% และต่อมา โดนัลด์ ทรัมป์เองไม่พึงพอใจก็โดนไปอีก 25% เป็น 50% แล้ว ตัวเลขส่งออกกุ้ง 37% ของอินเดีย ไม่แน่ใจเรื่องจำนวนตัน แต่มาร์เก็ตแชร์ของอินเดีย 37% ตัวนี้ เมื่อโดนภาษี 50% คิดว่าอินเดียไม่สามารถจะแข่งขันได้ในตลาดนี้ ส่วนไทยเราคิดว่าแข่งขันได้ ซึ่งตอนนี้คิดได้อย่างเดียวคือจะผลิตอย่างไรให้ได้ ให้ตัวเลขกลับมาใกล้กับที่ 6.4 แสนตัน ซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่ 2.7-2.8 แสนตันเอง

           

อย่างไรก็ดี ตอนนี้เราก็ไม่มีของขายเขา คือผลิตไม่ได้ โดยงบ 5.4 พันล้านบาทที่ทางสมาคมกุ้งไทย รวมทั้งองค์กรผู้เลี้ยงกุ้งในประเทศไทยที่เสนอขอรัฐบาลนั้นหวังว่าทางรัฐบาลน่าจะเจียดเงินเข้ามาเพื่อใช้ในงานวิจัย การพัฒนาสายพันธุ์กุ้ง พัฒนาระบบการเลี้ยง ฯลฯ คิดว่าเงินจำนวน 5.4 พันล้านบาทแลกกับเงิน 5 แสนล้านบาทที่เสียไป มันคุ้มค่ามาก และเป็นการแก้ไขโครงสร้างการผลิตของอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องปรับ เราเพิ่งปรับตัวโครงสร้างอุตสาหกรรมมามากกว่า 30 ปีแล้ว การได้การสนับสนุนมาเพื่อที่จะทำให้โครงสร้างปรับระบบการเลี้ยง ลดต้นทุนการผลิต มาตรฐานการผลิต ทำให้สินค้ากุ้งไทยเป็นสินค้าพรีเมียมอยู่ในตลาด ซึ่งวันนี้ยังเป็นพรีเมียมอยู่ เพียงแต่ว่าผลิตไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน

 

การเลี้ยงกุ้งที่สุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นที่เลี้ยงกุ้งที่ใหญ่ที่สุด

           

ถูกต้อง โดยสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงกุ้งได้มากที่สุดของประเทศไทย นอกจากมากสุดแล้ว ยังเป็นสินค้าเกรดพรีเมียมของโลกเลย ได้มาตรฐานทุกมาตรฐาน ทั้งทางด้านความยั่งยืนต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแรงงาน เรามีมาตรฐานที่สูงมากในสุราษฎร์ธานี ในมาตรฐานนี้เรารับรองว่าปลอดสารตกค้างทุกบ่อการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่กล้าทำยกเว้นสุราษฎร์ธานี เราสามารถขายได้ทุกตลาดบนโลกใบนี้ ในขณะที่เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย ก็ยังไม่สามารถวางตำแหน่งกุ้งที่เป็นพรีเมียมเท่ากับกุ้งไทยที่มาจากสุราษฎร์ธานี โดยกุ้งไทยสามารถบริโภคได้อย่างสะดวกใจ ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่จะส่งออกหมด โดยส่งออกไปยังตลาดที่มีการตรวจตราเข้มงวดทางด้านความปลอดภัยของอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ทั้ง 3 ประเทศนี้ เป็นตลาดใหญ่ที่รับกุ้งจากไทย เพียงแต่เราผลิตไม่ได้มาก เพราะยังเผชิญปัญหาเรื่องโรค ก็อยากฝากไปยังรัฐบาลให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้วย

 

 
 
 

Comentários


bottom of page