top of page
40_ดอกเบี้ยออนไลน์-603-x-230.jpg
image.png

ส่องธุรกิจ Solar Cell หลังเจอภาษีโหด


ree

เหตุอเมริกาขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์จากไทย เวียดนาม มาเลย์ กัมพูชา แบบพุ่งกระฉูด โดยไทยถูกขึ้นภาษีสูงสุดถึง 375% มาจากหวังกระทบชิ่งโรงงานแผงโซลาร์เซลล์จากจีนที่มาลงทุนใน 4 ประเทศนี้และส่งออกไปอเมริกาเป็นหลัก คาด...โรงงานโซลาร์เซลล์จากจีนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ไม่ย้ายฐานการผลิตจากไทย เพราะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ เงินลงทุนสูง โดยคงปรับแผนการตลาดและแผนการผลิตเพื่อขายในไทยให้มากขึ้น รวมทั้งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง ยุโรปบางประเทศ และไต้หวัน แจง...ในตลาดแผงโซลาร์เซลล์ไทยเป็น User มากกว่าเป็น Producer ที่ผ่านมาจะนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์มาจากอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เพิ่งจะเริ่มมีการผลิตของโรงงานไทยเองเมื่อไม่นานมานี้ และระยะหลังจะเปลี่ยนมานำเข้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่เพราะคุณภาพมาตรฐานดีขึ้น และราคาถูกกว่านำเข้าจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งถูกกว่าซื้อจากโรงงานจีนที่ผลิตในไทย

Interview : คุณซัพมนต์ จันทรพงศ์พันธุ์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

สถานการณ์อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของไทย

ตอนนี้ที่เราตื่นเต้นกันในเรื่องที่ Tariff มันขึ้นว่ามันมีผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมเราหรือไม่ ผมอยากให้มองเป็น 2 มุม มุมที่ 1 เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั้งหลายที่มีในไทยเป็นโรงงานที่จีนมาลงทุนในประเทศไทย เพื่อผลิตและส่งออกไปสหรัฐหรือส่งออกไปในภูมิภาคอื่นในโลก ซึ่งส่วนใหญ่โรงงานของจีนเขารู้อยู่แล้วว่าเขามาลงทุนที่ไทยเพื่อการหนีภาษีหรือหนี Tariff ที่เป็นภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด หรือ Anti-Dumping ซึ่งเขารู้ตัวกันมาหลายปีแล้วเขาถึงได้ Move การผลิตจากต้นทางที่ประเทศเขามากระจายอยู่ในประเทศไทยบ้าง อินโดนีเซียบ้าง เวียดนามบ้าง แล้วก็มาสวมเสื้อเป็นชุดไทย มาสวมเสื้อเป็นชุดเวียดนาม เพื่อส่งไปในยุโรป ในสหรัฐ เพราะฉะนั้นถ้ามองปฏิกิริยาของ Time Administration ครั้งนี้ผมไม่ได้ถือว่าผู้ผลิตเหล่านี้ในไทยจะประสบปัญหาที่แก้ไม่ได้

ในมุมของผมในความรู้ที่เราเช็กมาจากกลุ่มสมาชิกทั้งสมาชิกของกลุ่มอุตสาหกรรมเราแล้วก็สมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ส่วนใหญ่จะเป็นประมาณนี้

มุมที่ 2 คือผลกระทบเกิดอะไรขึ้น วันนี้ผลกระทบที่เห็นได้ชัดกับผู้ผลิตแน่นอนว่าเขาก็จะมีปัญหาในการที่จะส่งออกไปสหรัฐจาก Tariff ผู้ผลิตจริงๆ คือเป็นแบรนด์จีน ที่ตั้งโรงงานในไทยส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งมียอดส่งออกปี 2567 อยู่ที่ประมาณเกือบ 11 กิกะวัตต์ หรือประมาณ 10,000 กว่าเมกะวัตต์ ส่วนที่ส่งออกจากเวียดนามไปก็ประมาณ 15 กิกะวัตต์ หรือประมาณ 15,000 เมกะวัตต์ ยอดส่งออกนั้นเป็นยอดก่อนที่จะมี Tariff เขาก็ยังขายไปในสหรัฐและขายไปในภาคพื้นอื่นๆ ของโลกได้ แต่วันนี้ Tariff นี้เกิดขึ้นแน่นอนว่าจะมีผลกระทบกับการส่งออก แต่ผลกระทบนั้นถามว่าเป็นผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยไหมผมคิดว่าไม่ เพราะว่าโดยหลักการรวมๆ แล้วประเทศเราจริงๆ เราก็เป็น User เราไม่ใช่ Producer เป็นผู้ใช้แผงมากกว่าเป็นผู้ผลิตแผง

หมายความว่าอย่าไปตกใจ ไม่ต้องไปตื่นเต้น เพราะว่าภาษีโซลาร์เซลล์ที่สหรัฐขึ้นมาเป็น 375.19% ไปจนเกือบถึง 1,000% เขาเก็บจากผู้ผลิต ซึ่งจริงๆ แล้วโรงงานเหล่านี้เป็นธุรกิจจีน ทั้งนี้ไม่ทราบว่าส่วนใหญ่บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่เข้ามาลงทุนผ่านกระบวนการผ่าน BOI มาถูกต้องไหม

ถูกต้อง ซึ่งการขึ้นภาษีนี้กลับเป็นผลดีกับไทย ขออธิบายจะให้เห็นภาพอย่างนี้ คือในประเทศเราจริงๆ อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์หรือเซลล์แสงอาทิตย์ของเราเติบโตมาตลอด เราเติบโตในมุมของการติดตั้ง ความหมายคือ เราเป็น User มากกว่าเป็น Producer เราเอาแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้ติดตั้งในประเทศไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์โฟลตติ้ง โซลาร์รูฟท็อป แล้วก็ผลิตไฟทั้งใช้เองที่เป็นอาคาร บ้านเรือน โรงงาน เพื่อผลิตไฟ เพื่อประหยัดไฟฟ้า ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้พวกโรงไฟฟ้าอย่างผมอยู่ในธุรกิจที่ทำโรงไฟฟ้า คือเอาแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากอเมริกา จากยุโรปก็มี จากญี่ปุ่นก็มี เพราะในยุค 10 กว่าปีที่แล้ว แน่นอนว่าคนไม่ค่อยเชื่อจีนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะรักที่จะซื้อแผงจากญี่ปุ่นบ้าง จากยุโรปบ้าง จากอเมริกาบ้าง แต่มาใน 8-9 ปีหลัง จีนพัฒนาจนกระทั่งแผงโซลาร์เซลล์มีคุณภาพเบอร์ต้นๆ ของโลก เราก็หันมาซื้อจากจีนกัน

เพราะฉะนั้นกำลังจะบอกว่าไทยเป็นผู้นำเข้ามากกว่าเป็นผู้ส่งออก การส่งออกมันเกิดขึ้นในช่วงหลังเนื่องจากว่าผู้ผลิตจีนที่ต้องการหนีกำแพงภาษีเหล่านี้ก็เลยกระโดดมาซื้อที่ดินในไทย ซึ่งเขาก็ซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเป็นที่มาให้เกิดการทบทวนภาษี Anti-Dumping เกิดขึ้น

จริงๆ ต้องพูดว่ามีการมีพิจารณาในเรื่องนี้กันมา 2 ประธานาธิบดีแล้ว คือตั้งแต่ยุคไบเดนมาถึงทรัมป์ เพราะว่าปัญหานี้มันเกิดอยู่แล้วทำให้เงินลงทุนของจีนไหลเข้ามาในไทยในแบบที่มาสร้างโรงงาน ซื้อที่นิคมอุตสาหกรรมของไทย ขอ BOI ลงทุนในระดับหลายพันล้านถึงเป็นหมื่นล้านเพื่อสร้างโรงงานประกอบแผงโซลาร์เซลล์เพื่อส่งออกไปในส่วนต่างๆ ของโลก วันนี้หลังจากที่เปลี่ยนรัฐบาลของอเมริกามาเป็นทรัมป์แล้วเราเฝ้าติดตามมาโดยตลอดจนขึ้นภาษี Anti Dumping เราก็ยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงต่อคนไทย ในมุมของผู้ที่ยังซื้อแผงมาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโรงงานต่างๆ ตรงกันข้ามมันกลายเป็นผลบวกเพราะการขึ้นภาษีทำให้โรงงานจีนที่ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในเวียดนาม ตั้งอยู่ในอินโดนีเซีย หรือแม้แต่โรงงานในจีนมีปัญหาในการส่งของไปขายในยุโรปหรืออเมริกามันถูกกีดกัน กลายเป็นว่าคนไทยได้ซื้อแผงโซลาร์เซลล์ รวมทั้งอุปกรณ์ที่เป็นส่วนควบของระบบแผงโซลาร์เซลล์มาใช้ในราคาที่ดีกว่าเดิมถูกลงกว่าเดิม ซึ่งมันถูกลงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนทรัมป์เข้ามาสาบานตนด้วยซ้ำไป มันก็เป็นช่วงที่มีการปรับตัวอะไรกัน แล้วก็มี Oversupply ทำให้ดีมานด์ในประเทศเรา พอเวลาไปขอซื้อหรือสั่งซื้อมันก็ได้ในราคาที่ดีในฐานะผู้ซื้อ

ในแง่ของการที่ไทยเป็นฐานการผลิตของโรงงานที่มาตั้งในไทยเมื่อมีการขึ้นภาษี Anti-Dumping ทำให้ของที่ผลิตและส่งออกจากไทยแพงขึ้นมากกว่ามาเลเซีย เวียดนาม อย่างนี้มันจะถึงขั้นที่ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไหม

อันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ ก็ลองคิดดูเร็วๆ ตอนนี้ผมห่วงอย่างนี้มากกว่า ผมห่วงว่าโรงงานที่ผลิตในไทยหลักๆ คือ เขาผลิตเพื่อส่งออก แต่ว่าวันนี้พอเขาส่งออกไม่ได้มันก็จะมีปัญหาว่าเขาอาจจะต้องชะลอการผลิตหรือยุติการผลิตไหม แต่เรื่องย้ายฐานเท่าที่ผมสืบ ลองเช็กกระทั่งบริษัทใหญ่ๆ ที่เรารู้จัก เป็นแบรนด์ที่ลงทุนและมีโรงงานขนาดใหญ่ในมิคมอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของไทย ถามกับ Country Manager และ Country Director ล่าสุดเขาก็บอกว่าเขาน่าจะถอยยากเพราะว่าเขาลงทุนไปเยอะ เขามาลงทุนไม่ใช่เป็นแค่การเช่าที่แต่เป็นการซื้อที่เป็นปริมาณที่เขาก็พร้อมที่จะต้องขยายต่อและทำงานต่อ เพียงแต่เขาก็ต้องปรับตัว เขาตอบผมว่าในมุมหนึ่งเขาคงจะต้องหาตลาดใหม่ หมายถึงว่าเขาก็มีตลาดที่ตอนนี้ก็เป็นตลาดที่เจอปัญหากับสหรัฐเหมือนกันแล้วเขาก็ยังเป็นตลาดที่ยังมี Consumption หรือความต้องการใช้แผงโซลาร์เซลล์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเซลล์แสงอาทิตย์ทั้งหมดยังมีปริมาณความต้องการอยู่ เนื่องจากวันนี้โลกเราพยายามเดินหน้าไปสู่ Net Zero เรื่อง Climate Change ที่เรากำลังปรับตัว ยังไงก็ต้องยอมรับว่าแผงเซลล์แสงอาทิตย์หรือโปรดักต์นี้เป็นโปรดักต์ที่ยังไงมันก็มี Growth ของความต้องการไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นพวกผู้ผลิตพวกนี้เขาก็จะมุ่งกลับมามองว่าเขาสามารถเอาไลน์ผลิตบางไลน์มาทำ มอก.ของไทยเพื่อขายในประเทศด้วยไม่ใช่แค่การส่งออกจะดีไหมโดยที่ขออนุญาต BOI ในมุมที่ว่าเขาต้องปรับตัว หรือ 2. หาตลาดส่งไปในภูมิภาคอื่น เช่น ในทางฝั่งแอฟริกา ทางฝั่งตะวันออกกลาง หรือส่งไปในยุโรปบางประเทศที่เขาสามารถส่งได้และยังไม่มีกำแพงภาษีทำให้ยังผลิตและส่งไปได้

อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ใช้งานในไทยส่วนใหญ่มักจะไม่ซื้อจากโรงงานกลุ่มนี้อยู่แล้ว ผู้ใช้งานที่เป็นคนไทยบริษัทไทยส่วนใหญ่ก็จะอิมพอร์ตจากจีนด้วยซ้ำไป เพราะว่าเทียบราคากัน แผงที่ผลิตในไทยเพื่อการส่งออกกับแผงที่จีนส่งเข้ามาขายไทยปรากฏว่าเราซื้อจากจีนถูกกว่า ในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างนี้มาหลายปี

บริษัทจากจีนที่ตั้งโรงงานผลิตในไทยก็อาจจะต้องปรับตัวที่จะทำตลาดขายในไทยแข่งกับที่มาจากจีนเอง  

ใช่ เท่าที่ทราบเขาให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูลนี้

ธุรกิจนี้ที่มาลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะเป็นจีนจากแผ่นดินใหญ่หรือเป็นจีนไต้หวัน

อันนี้เป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นไชน่า แต่โรงแผงของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผลิตในไทย ในเวียดนาม ก็ยังย้อนส่งกลับไปไต้หวันได้ เขาก็เอ่ยชื่อเหมือนกันว่าไต้หวันก็เป็นเป้าหมายหนึ่งที่จะส่งไปขาย คือไต้หวันซื้อแผงกับจีนตรงๆ ไม่ได้ แต่เขาซื้อแผงที่ผลิตจากเวียดนามและซื้อแผงจากไทยซึ่งเป็นแบรนด์จีนนั่นแหละอย่างนี้เขาซื้อได้

ที่ผลิตในไทย คือส่วนใหญ่เป็นการนำชิ้นส่วนจากข้างนอกมาประกอบในไทย เราไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนอันไหนในไทยเลยใช่ไหม

ถูกต้อง คือจริงๆ แล้วส่วนประกอบของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ หลักๆ มันคือตัวเซลล์ ตัว Wafer หรือตัวเซลล์ที่เป็นตัวหลักในการผลิตไฟ อันนี้ผลิตและส่งมาจากจีนแน่นอน แต่มันจะมีส่วนควบ เช่น ตัวอะลูมิเนียมเฟรมที่เป็นเฟรมเป็นขอบของแผงวงจรที่เป็นแผ่นพลาสติก หรือเดี๋ยวนี้อาจจะเป็น Double Glass คือเป็นกระจกข้างหน้าและหลัง เหล่านี้อาจไม่ได้ส่งจากจีน จะมี Supply Chain ในไทย อันนี้ Supply Chain เป็นของไทยที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาษี Anti-Dumping ด้วย ถ้าเขาผลิตน้อยลง

แล้วพวกแรงงานธุรกิจนี้ใช้แรงงานเยอะไหม หรือว่าเป็นแรงงานที่ต้องใช้ทักษะพิเศษไหม

ส่วนใหญ่โรงงานพวกนี้เท่าที่ทราบมันไม่ใช่ Labor Intensive เพราะว่ามันเป็นโรงงานที่เป็น High Tech แล้ว มันใช้โรบอตเป็นหลัก แล้วลูกจ้างส่วนใหญ่ตามที่ขอบัตรส่งเสริมหรือขอการส่งเสริมจาก BOI ทำให้เขาก็ต้องมีการจ้างงานคนไทยในปริมาณตามที่เขา Commit ไว้ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเขาไม่ได้เอาหัวที่เป็นหรือแรงงานเทคนิคที่เป็นจีนมาทั้งหมด เขาใช้แค่ผู้ชำนาญการหรือว่าหัวหน้างานที่เป็นจีน แต่ว่าคนงานในไลน์ผลิตก็ยังเป็นคนไทย แต่แค่จำนวนหรือว่าการลงทุนขนาดใหญ่แค่ไหนมันเป็นธุรกิจที่ใช้คนไม่เยอะเพราะว่าส่วนใหญ่มันใช้ออโตเมติกไลน์หรือว่าเป็นการผลิตแบบโรบอตเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้กระทบแรงงานมาก

หลายปีที่ผ่านมาการส่งออกไทย มีสัดส่วนการส่งออกโดนภาษีเมื่อ 21 เม.ย. 68 โซลาร์เซลล์ออกไปจำนวนเยอะๆ แบบนี้ทำให้ปริมาณการส่งออกลดลงไปเยอะเลย ตัวเลขส่งออกไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาก็ลดลงไปเยอะมาก กลัวกันว่าทั้งปีการส่งออกโซลาร์เซลล์ มันจะถึงขั้นที่ทำให้เป็นศูนย์เลยขนาดนั้นไหม

ไม่ขนาดนั้น ในช่วงต้นอาจจะเห็นผลกระทบที่ตัวเลขการส่งออกเฉพาะหมวดนี้ลดลง แต่ในการปรับตัวผมว่าไตรมาสถัดๆ ไปหลังจากที่ตลาดมัน Settle Down บางอย่าง แล้วผู้ผลิตรายใหญ่ที่อยู่ในเมืองไทย มีโรงผลิตอยู่ในนี้เขาหาตลาดได้ เขาก็จะ Manage การจัดส่งไปในตลาดอื่นไม่ว่าจะเป็นทางไต้หวัน ทางตะวันออกกลาง ทางตุรกี ซึ่งเขาส่งได้อยู่แล้วกลุ่มนี้เขาก็จะไปได้ต่อ ผมว่าเขาไปได้ แต่แน่นอนว่าในแง่ของตัวเลขว่าปริมาณการส่งออกโดยรวมของประเทศเรามันจะกระทบแน่ เพราะว่ามันจะได้เห็นโดยมวลรวมว่า Export มันหาย คือมันไปกระทบในแง่ตัวเลขดัชนีจีดีพีไทยโดยรวมของประเทศไทย

ปัจจุบันภาพรวมพลังงานทดแทนพลัดงานหมุนเวียนในไทย ถึงตอนนี้แล้วเรามีอัตราการเติบโต มีการให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้มากขึ้นไหม

จริงๆ แล้วประเทศเราในเรื่องธุรกิจหรือว่าการส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตไฟฟ้า ผมว่าเราก็เป็นชาติผู้นำในภูมิภาคนี้ จริงๆ นโยบายส่งเสริมของเรามันเกิดตั้งแต่ปี 2550 พัฒนาการของพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทยขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนในช่วงปี 2555-2557 เราเป็น Leader เป็น Leading Country ที่เรามีปริมาณการผลิตติดตั้งจากตัวระบบโซลาร์เซลล์ในประเทศที่ผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ

ผมว่าเราก็เยอะเป็นอันดับต้นๆ แต่ในช่วงประมาณปี 2561-2563 เวียดนามก็เติบโตแซงขึ้นมาจากนโยบายของประเทศเวียดนามทางเขาเหมือนกัน แต่ถามว่าเมืองไทยแพ้ไหมผมว่าไม่แพ้เพราะวันนี้กําลังการผลิตที่เป็นสัญญาซื้อขายไฟระหว่างผู้ผลิตไฟพลังงานหมุนเวียนกับการไฟฟ้าทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ภูมิภาค และนครหลวง ผมว่าเราก็อยู่ระดับประมาณสัก 4,000-5,000 เมกะวัตต์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นกำลังการผลิตในระบบประมาณ 10% กว่าของ Capacity ติดตั้งของทั้งประเทศ ถามว่าน้อยไปไหมก็ยังน้อยอยู่ แต่ว่านโยบายล่าสุดที่ปี 2565 ประกาศรับซื้อเพิ่มเติมก็เป็นข่าวอยู่ที่ว่าประกาศรับซื้อแล้วแฟร์หรือไม่แฟร์  

การกำหนดการคัดเลือกแฟร์หรือไม่แฟร์นี้ที่มีคนร้องกันอยู่ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์บวกระบบกักเก็บด้วย ก็มีประกาศรับซื้อปี 2565 แล้วก็เซ็นสัญญากันเมื่อปี 2566 ตอนนี้ก็พัฒนาโครงการกันแล้วก็มีโครงการในชุดแรกๆ เริ่มจ่ายไฟกันปีนี้เป็นปีแรกแล้วก็จะย่อยจ่ายไฟ อันนี้น่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตที่เป็นพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบประมาณ 5,300 เมกะวัตต์จากแผนปี 2568 ถึงปี 2572-2573 ก็น่าจะประมาณนั้น ซึ่งเราก็ยังถามว่ายังตามหลังอยู่ไหมก็ตามหลังถ้าไปเทียบกับกำลังการผลิตของเวียดนามซึ่งตอนนี้เข้าไป 8,000-10,000 เมกะวัตต์แล้ว ของเราของเก่ามีอยู่ 4,000 กว่าตอนนี้เราเติมอีก 5,000 และอีก 3,000 กว่าที่รัฐจะเพิ่มให้และตอนนี้ฟ้องร้องหรือว่าร้องการปกครองหรือร้องอะไรกันอยู่เรื่องการคัดเลือกอันนี้ก็อาจจะชะลอนิดหน่อย แต่ผมเชื่อว่าประเทศเรามองเห็นแล้วว่าพลังงานหมุนเงินยังจำเป็น แต่ว่าเราจะหยิบมาทำแบบไหนให้คล่องตัวหรือให้เร็วขึ้นอันนั้นอยู่ที่นโยบายภาครัฐ แต่อีกอันหนึ่งที่จะเสริมเข้าไป คือมันไม่ได้จบแค่สัญญาซื้อขายระหว่างรัฐกับเอกชนแบบที่เป็นสัญญากับการไฟฟ้า แต่มันยังมีการเพิ่มปริมาณการผลิตที่เป็นโซลาร์เซลล์แบบที่โรงงานติดเอง หรืออย่างคอมมิวนิตีมอลล์ หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่เขาติดหลังคาอันนี้ก็เพิ่มปีหนึ่งก็เป็นหลักพันเมกะวัตต์เหมือนกัน ซึ่งอันนี้ไม่ใช่สัญญากับรัฐแต่เป็นสัญญาที่เขาติดเองเพื่อใช้เอง ลดค่าไฟ ลดการใช้ไฟ อันนี้ผมว่าปริมาณนี้จากกลุ่มสมาชิกจากที่ซาวด์เสียงผมว่าอย่างน้อยก็มีประมาณ 3,000-4,000 เมกะวัตต์ ที่อยู่ในระบบ

ประเทศไทยก็เป็นระดับต้นๆ ที่เติบโตเรื่อยๆ ในเรื่องพลังงานหมุนเวียน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแสงอาทิตย์ พลังงานลมมันจำกัดเพราะว่าพลังงานลมมันไม่สามารถติดใช้เองได้มันก็ต้องเป็นสัญญากับรัฐ ส่วนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอะไรที่เติบโตทุกปี ปีหนึ่งต้องมี 800-1,000 กว่าเมกะวัตต์แน่นอน 

สรุปตอนนี้ คือไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องไปตกใจกับตัวเลขการขึ้นภาษี Anti-Dumping ของสหรัฐเมื่อ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา

ตอนนี้ถ้ามองผลกระทบต่อประชาชนคนไทยเลยโดยตรงนี้ ผมว่าสำหรับอุตสาหกรรมยังไม่มีแต่แน่นอนจะเป็นผลต่อเรื่องตัวเลขรวมของ GDP กับปริมาณการส่งออก

 
 
 

Comments


bottom of page