top of page
312345.jpg

ต่างชาติยังไม่ขาย หุ้นไทยยังคงไม่ลง


แนวโน้มหุ้นโลกยังเป็นขาขึ้น !

แม้ว่าตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะได้รับแรงกดดันจากวิกฤตหนี้ Evergrande อย่างไรก็ดีสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลงแล้ว หลังจากที่บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการเจรจาเกี่ยวกับแผนการชำระดอกเบี้ย ได้รวมถึงทางจีนเริ่มมีการเข้ามาช่วยเหลือ เช่น ธนาคารกลางจีน หรือ PBOC อัดฉีดเงินสด 1.1 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินผ่านธุรกรรมในตลาดซื้อคืนพันธบัตร โดยคาดว่ามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและบรรเทาความกังวลของตลาดการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ

ประกอบกับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด หรือ FOMC เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดคาดการณ์ไว้ ในการเดินหน้าปรับลดวงเงินในโครงการ QE ในปีนี้ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปในทิศทางที่เฟดคาดการณ์ และยังมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25%

อย่างไรก็ตาม Dot Plot แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปี 2565

นอกจากนี้ประธานเฟดได้ออกมาเรียกความมั่นใจกับนักลงทุนในตลาดว่ากำหนดเวลาและอัตราการปรับลด QE ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปัจจัยในการตัดสินใจจะยังคงเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ และการจ้างงานในตลาด ส่งผลให้ดัชนี MSCI ACWI ของตลาดหุ้นโลก ปรับตัวขึ้น 0.06%

ทั้งนี้ Momentum ของตลาดหุ้นโลกกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง สะท้อนจากการที่ดัชนี VIX Index ที่มีความสัมพันธ์เป็นลบ หรือ Negative Correlation กับตลาดหุ้น ของตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรป ปรับตัวลดลง 14.70% และ 5.70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เปลี่ยนแปลง +7.50% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 29.90%

ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เปลี่ยนแปลง -0.10% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 39.20%

ขณะที่ในส่วนของแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันว่าการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์ของ SET จะเป็นเพียงการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยเป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ บริเวณ Fib Node 0.382 หรือ 38.2% ที่ 1,600 จุดของ SET ยังจะทำหน้าที่เป็นแนวรับ และจุดหมุนที่สำคัญ โดยที่ตราบใด SET ไม่หมุนลงต่ำกว่า 1,600 จุดอีกครั้ง SET น่าจะขยับกรอบการเหวี่ยงตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,650-1,700 จุดได้ หลังจากได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่สะท้อนมาจากการที่ดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow กลับมาทำสัญญาณ Buy Signal อีกครั้ง และตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติไม่กลับมาขายสุทธิต่อเนื่องอีกมากกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท เป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่การแกว่งขึ้นไปในกรอบ 1,650-1,700 จุดก่อนในเบื้องต้น

ระดับราคาของ SET ยังต่ำ ทำให้ Downside น้อย ! ในส่วนของตลาดหุ้นไทย “นายหมูบิน” ยังคงไม่ได้มีความกังวลมากนัก เนื่องจากถ้าพิจารณาจากระดับราคาโดยเปรียบเทียบของแต่ละตลาดหุ้นผ่าน Earnings Yield Gap ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจเลือกลงทุนในจังหวะที่ตลาดหุ้นราคาน่าสนใจ โดยการเอาอัตราผลตอบแทนจากกำไรของตลาดหุ้น หรือ Earning Yield มาเทียบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีในตลาดตราสารหนี้

ทั้งนี้ถ้าค่า Earning Yield Gap ที่คำนวณได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หมายความว่าตลาดหุ้นของประเทศนั้นซื้อขายอยู่ในโซนแพง หรือ Overvaluation ในทางตรงกันข้าม ถ้าค่า Earning Yield Gap ที่คำนวณได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หมายความว่าตลาดหุ้นของประเทศนั้นซื้อขายอยู่ในโซนถูก หรือ Undervaluation โดยปัจจุบัน Earnings Yield Gap ของตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ที่ระดับ 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ระดับ -0.8SD ขณะที่ Earnings Yield Gap ของไทยอยู่ที่ระดับ 3.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ระดับ +0.4SD ซึ่งจากระดับดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดหุ้นสหรัฐนั้นอยู่ในระดับ Overvaluation และตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับ undervaluation เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

ดังนั้นจากระดับราคาที่ยังไม่แพง และมี Potential Downside Risk ต่ำ ปัจจัยกดดันจากต่างประเทศจะกระทบตลาดหุ้นไทยไม่มาก

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) เมื่อ SET ยังคงปิดเหนือ 1,600 จุดได้ เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,600 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ


ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club



17 views
bottom of page