top of page
312345.jpg

พื้นที่ต่ำกว่า 1,667 จุดควรถอยออกมาก่อน...ไร้ซึ่งปัจจัยบวก !



ทิศทางของตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงชัดเจน สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนี MSCI ACWI ของตลาดหุ้นโลดปรับตัวลง 3.29% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 3-4 พ.ค. 65 อีกทั้งตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเกี่ยวกับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่พุ่งขึ้น 6.6% YoY ในเดือน มี.ค. 65 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงที่สุดในรอบ 40 ปี

ทั้งนี้ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ขณะที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในที่ประชุมของ IMF ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. 65 เนื่องจากเห็นว่า CPI สหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดแล้วราว 3 เท่า โดยดัชนี CPI พุ่งขึ้นถึง 8.5% YoY ในเดือน มี.ค. 65 และนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ของสหรัฐ

ความวิตกของนักลงทุนจากเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นตัวใหญ่ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโต นำโดยหุ้น AMEZON ที่ราคาร่วงลง 14.05% ซึ่งทำให้ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังเปิดเผยผลประกอบการและแนวโน้มที่น่าผิดหวัง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ตามด้วยหุ้น APPLE ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ราคาร่วงลง 3.66% แม้จะมีการเปิดเผยผลกำไรและยอดขายรายไตรมาสที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มอุตสาหกรรมของดัชนี S&P500 ร่วงลง นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ดิ่งลง 5.9% และกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 4.9%

นอกจากนี้ในภาวะที่สหรัฐกำลังเผชิญกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นมาแล้ว ยังกำลังเจอกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลงด้วย โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยประมาณการ GDP ครั้งที่ 1 สำหรับไตรมาส 1/65 หดตัว 1.4% ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว 1.1% ขณะที่ดอยซ์แบงก์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสสูงที่จะเผชิญภาวะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 และต้นปี 2567 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว และแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อยุโรปน่ากลัวบนสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ! สำหรับความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ล่าสุดสถานการณ์ได้เลวร้ายลง หลังจากของยูเครนอ้างว่า กองทหารรัสเซียกระทำการทารุณกรรมกับชาวยูเครน ขณะที่พวกเขาถอนกำลังออกจากพื้นที่ใกล้กรุงเคียฟ ซึ่งรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนต่อเศรษฐกิจ หลังการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตก ล่าสุดกระทรวงเศรษฐกิจรัสเซียคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลงถึง 17% ในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3% สู่ระดับ 14% และได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน


นอกจากนี้ บริษัทก๊าซพรอม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ได้ดำเนินการระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับโปแลนด์และบัลแกเรียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนชัดเจน โดยที่ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 7.5% ในเดือน เม.ย. 65 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว และเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.4% ในเดือน มี.ค. 65

ทั้งนี้การบุกโจมตียูเครนของรัสเซียเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบรายปี โดยราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 38.0% ในเดือน เม.ย. 65 ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ 44.4% ในเดือน มี.ค. 65

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณี SET ยังคงปิดเหนือ 1,667 จุดได้ เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,667 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ


ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

18 views
bottom of page