ถอยตัวระหว่างสัปดาห์เพื่อขึ้นต่อ...หุ้นไทยได้เปรียบที่ราคา !
- Dokbia Online
- Sep 22, 2021
- 1 min read

แม้ว่าทิศทางของตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดดันในเรื่องของการปรับขึ้นภาษีรายได้นิติบุคคลของสหรัฐ ซึ่งจะกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐในภาพรวม ประกอบกับตัวเลขค้าปลีกที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นกลับมากังวลต่อความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะส่งสัญญาณในการลดขนาดของมาตรการ QE ออกมาเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นเอเชียเข้ามาด้วย โดยเฉพาะที่มาจากตลาดหุ้นจีน หลังนักลงทุนยังคงมีความกังวลเรื่องการใช้มาตรการควบคุมการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของเทคโนโลยีและมีการเริ่มขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น เช่น กลุ่ม Casino ที่ทางหน่วยงานจีนประกาศออกมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบแต่ยังไม่มีความชัดเจนออกมา กดดันหุ้นในกลุ่ม Casino ปรับตัวลงทันที
นอกจากนี้ยังมีกรณี บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของจีน อย่างบริษัท Evergrande ถูกเตือนเรื่องความเสี่ยงที่จะผิดนัดในการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือนนี้ โดยมีสถาบันทางการเงินจำนวนมากที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยหนี้ก้อนนี้ ส่งผลให้ดัชนี MSCI ACWI ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง 0.59% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นที่เป็นผู้นำในการปรับตัวลง ได้แก่ตลาดหุ้น Asia ex Japan และจีน ที่ปรับตัวลง 2.28% และ 3.27% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดีในส่วนของตลาดหุ้นไทย “นายหมูบิน” ยังคงไม่ได้มีความกังวลมากนัก เนื่องจากถ้าพิจารณาจากระดับราคาโดยเปรียบเทียบของแต่ละตลาดหุ้นผ่าน Earnings Yield Gap ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจเลือกลงทุนในจังหวะที่ตลาดหุ้นราคาน่าสนใจ โดยการเอาอัตราผลตอบแทนจากกำไรของตลาดหุ้น หรือ Earning Yield มาเทียบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีในตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ถ้าค่า Earning Yield Gap ที่คำนวณได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หมายความว่าตลาดหุ้นของประเทศนั้นซื้อขายอยู่ในโซนแพง หรือ Overvaluation ในทางตรงกันข้าม ถ้าค่า Earning Yield Gap ที่คำนวณได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หมายความว่าตลาดหุ้นของประเทศนั้นซื้อขายอยู่ในโซนถูก หรือ Undervaluation โดยที่ปัจจุบัน Earnings Yield Gap ของตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ที่ระดับ 2.4% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ระดับ -0.9SD ขณะที่ Earnings Yield Gap ของไทยอยู่ที่ระดับ 3.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ระดับ +0.4SD ซึ่งจากระดับดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดหุ้นสหรัฐนั้นอยู่ในระดับ Overvaluation และตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับ undervaluation เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
พักตัวเพื่อไปต่อ ! แน่นอนว่าความไม่มั่นใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นโลก ที่สะท้อนออกมาจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish เปลี่ยนแปลง -16.50% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 22.40%
ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เปลี่ยนแปลง +12.10% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 39.30% จะยังคงกดดันทิศทางของตลาดหุ้นโลกต่อไป แต่จากระดับราคาที่ยังไม่แพง และมี Potential Downside Risk ต่ำ ปัจจัยกดดันจากต่างประเทศจะกระทบตลาดหุ้นไทยไม่มาก
ในส่วนของแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันว่าการปรับตัวลงในระหว่างสัปดาห์ของ SET จะเป็นเพียงการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยเป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ บริเวณ Fib Node 0.382 หรือ 38.2% ที่ 1,600 จุดของ SET ยังจะทำหน้าที่เป็นแนวรับ และจุดหมุนที่สำคัญ โดยที่ตราบใด SET ไม่หมุนลงต่ำกว่า 1,600 จุดอีกครั้ง SET น่าจะขยับกรอบการเหวี่ยงตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1,650-1,700 จุดได้ หลังจากได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่สะท้อนมาจากการที่ดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow กลับมาทำสัญญาณ Buy Signal อีกครั้ง และตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติไม่กลับมาขายสุทธิต่อเนื่องอีกมากกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท เป้าหมายในระยะ 1-2 สัปดาห์ที่การแกว่งขึ้นไปในกรอบ 1,650-1,700 จุดก่อนในเบื้องต้น
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) เมื่อ SET ยังคงปิดเหนือ 1,600 จุดได้ เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,600 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 50% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club
Comentários