top of page
312345.jpg

ระวังแรงกดดันระยะสั้นยังคงมีอยู่


สั้นๆ ยังไปต่อยาก

แม้ว่าในระหว่างสัปดาห์ดัชนี S&P500 ของสหรัฐ, Stoxx50 ของยุโรป และ NIKKEI ของญี่ปุ่น จะมีการดีดตัวขึ้นมาได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทุกเส้นอีกครั้ง แต่ทั้งหมดยังคงมีสัญญาณของการพักตัวในทางเทคนิคต่อเนื่อง หลังจากที่ Indicator สำคัญอย่าง RSI ยังคงไม่สามารถกลับมามีสัญญาณ Buy Signal อีกครั้งได้ และดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HIS VIX Index ของฮ่องกงยังคงมีอยู่ใน Momentum ของการปรับตัวขึ้น สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนีทั้ง 2 ตัว ยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ระยะสั้นทุกเส้น และ Indicator สำคัญของดัชนีดังกล่าวอย่าง RSI ก็ยังคงมีสัญญาณของการปรับตัวขึ้นต่อเช่นกัน

ทั้งนี้ปัจจัยลบในเชิง Momentum ข้างต้น สอดคล้องกับปัจจัยลบในเชิง Sentiment ที่ล่าสุดผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจาก AAII ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Bullish ลดลง 8.4% WoW มาอยู่ที่ระดับ 40.2% สวนทางกับสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลับสู่แนวโน้มขาลง หรือ Bearish ที่เพิ่มขึ้น 2.3% WoW มาอยู่ที่ระดับ 24.5% สะท้อนความอ่อนแอในการดีดกลับของตลาดหุ้นสหรัฐชัดเจน

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นสหรัฐในฐานะตัวแทน หรือ Proxy ของตลาดหุ้นโลก นอกจากจะอยู่ที่สถานการณ์โควิด-19 แล้ว ในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน “นายหมูบิน” มองว่านักลงทุนอาจมีมุมมองว่าระดับราคาของตลาดหุ้นสหรัฐในระยะสั้นอาจไม่สมเหตุสมผล หรือสามารถชดเชยความเสี่ยงได้ ซึ่งสะท้อนออกมาจากระดับของ Earnings Yield Gap ของตลาดหุ้นสหรัฐที่ล่าสุดอยู่ที่ 2.0% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี -1.3 SD ด้วยซ้ำ สอดคล้องกับระดับ Earnings Yield Gap ของตลาดหุ้นไทยที่ 1.8% กว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี -1.3 SD เช่นกัน ทำให้ในด้านของระดับราคา ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นทั้งสหรัฐ และไทยดูสมเหตุสมผลน้อยลงไปทุกที

มีปัจจัยในเชิง Seasonality ช่วยจำกัด Downside ! ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในเชิงเปรียบเทียบทางเทคนิคผ่าน Comparison Index จะพบว่าเมื่อเปรียบเทียบดัชนี S&P500 ของสหรัฐในฐานะตัวแทน หรือ Proxy ของตลาดหุ้นโลกกับสินทรัพย์เสี่ยง หรือ Risky Asset โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ตัวสำคัญๆ ทั้งในส่วนของน้ำมัน ทองคำ ถั่วเหลือง และทองแดงพบว่าดัชนี S&P500 มีแนวโน้มของ Momentum ที่แย่กว่า หรือ Underperform ชัดเจน

อย่างไรก็ดีประเด็นที่อาจจะพอทำให้การพักตัวลงในระยะสั้นของตลาดหุ้นโลกอาจจะไม่รุนแรงมากนัก คงอยู่ในที่ปัจจัยในเชิงฤดูกาล หรือ Seasonality ที่สถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555-2564) ดัชนี MSCI World ตลาดหุ้นโลก, ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐ, ดัชนี MSCI Asia ex Japan ตลาดหุ้นเอเชีย และดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.9%, 2.2%, 1.7% และ 2.5% ด้วยระดับ Winner Percentage สูงถึง 80%, 80%, 80% และ 70% ตามลำดับ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาน้ำมันดิบ และทองคำโลกที่สถิติเดือน ก.ค. ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 2.4% และปรับตัวขึ้น 2.0% ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 60% และ 70% ตามลำดับ ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามักมีแนวโน้มที่น่าสนใจกว่าในเดือน ก.ค.

ขณะที่ “นายหมูบิน” มองว่าปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกมีโอกาสกลับมาแกว่งตัวขึ้นได้อีกครั้งน่าจะอยู่ที่ระดับ Potential Upside Gain เพราะเมื่อพิจารณาจากมูลค่าเหมาะสมในระยะ 12 เดือนข้างหน้าของกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ที่ได้จากการประเมินของ Bloomberg Consensus แล้วพบว่าดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐ, ดัชนี Stoxx50 ตลาดหุ้นยุโรป, ดัชนี MSCI Asia ex Japan ตลาดหุ้นเอเชีย และดัชนี SET ตลาดหุ้นไทย ยังคงมีระดับ Potential Upside Gain สูงถึง 9.4%, 10.8%, 12.2% และ 14.3% ตามลำดับ เทียบกับราคาน้ำมันดิบ และทองคำที่ราคาปัจจุบันเมื่อเทียบกับมูลค่าเหมาะสมในระยะ 12 เดือนข้างหน้าไม่เหลือ Potential Upside Gain โดยติดลบ 2.4% และ 5.2% ตามลำดับ

ดังนั้นในระยะสั้นสำหรับตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิค แม้ว่าตราบใดที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,600 จุดได้ จะยังแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,550 จุดต่อไป แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากทิศทางของตลาดหุ้นโลกเป็นตัวจำกัด Potential Downside Risk

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ลงไปปิดต่ำกว่า 1,550 จุดอีกครั้ง เน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยมี 1,550 จุดเป็นจุดหมุน และจุด Cut Loss ในหุ้น CPALL, BJC, BEM, CRC, AOT, GPSC, PTTGC, WHA และ BDMS อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club


14 views
bottom of page