
โดนัลด์ ทรัมป์ คือปัจจัยบวก !
สถานการณ์ของตลาดหุ้นโลกหลังการเข้ามาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ ดีกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้มาก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่กำหนดการภาษีนำเข้ากับจีนในทันทีตามที่เคยขู่ไว้ แต่ทรัมป์ได้สั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ ตรวจสอบและแก้ไขการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปฏิบัติด้านการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการปั่นค่าเงินของประเทศต่างๆ แทน ขณะที่ท่าทีของทั้งสหรัฐและจีนดีกว่าที่คาดมาก โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่าจีนพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐเพื่อขจัดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ โดยยึดมั่นต่อหลักการของความเคารพซึ่งกันและกัน การดำรงอยู่อย่างสันติ และความร่วมมือที่จะทำให้ประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่าย รวมทั้งใช้แนวทางการเจรจาในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกัน โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยั่งยืนจะเป็นประโยชน์ต่อจีนและสหรัฐ และสอดคล้องกับความคาดหวังของประชาคมโลกหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งการสนทนาเป็นไปด้วยดี และเป็นประโยชน์ต่อทั้งจีนและสหรัฐ ซึ่งการสนทนาดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
นอกจากนี้ผลสำรวจของสภาวิเทศสัมพันธ์แห่งยุโรป (ECFR) พบว่า ประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกมีความพึงพอใจต่อการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมองว่าไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสหรัฐ แต่จะดีสำหรับทั่วโลก
ทั้งนี้ ผลสำรวจประชาชนจำนวนมากกว่า 28,000 คนใน 24 ประเทศทั่วโลกมองว่า ทรัมป์จะนำสันติภาพหรือลดความตึงเครียดในยูเครนและในตะวันออกกลาง รวมทั้งจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ โดยผลสำรวจพบว่า อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย เป็นประเทศที่มีความพึงพอใจต่อการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์มากที่สุด ทั้งในความเห็นที่ว่าทรัมป์จะดีต่อสหรัฐและต่อประเทศผู้ถูกสำรวจ นอกจากนี้ ผู้ถูกสำรวจจำนวน 46% ในจีน มองว่าทรัมป์จะดีต่อประเทศจีน แม้ที่ผ่านมา ทรัมป์เคยขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60-100% ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอีกครั้ง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมผ่านมา ไม่ได้กล่าวถึงความขัดแย้งในยูเครนโดยตรงระหว่างที่เขากล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง และในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ ในประเด็นความขัดแย้งดังกล่าว
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทำเนียบเครมลินของรัสเซียแถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับสภาความมั่นคงรัสเซียในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมว่า รัสเซียไม่เคยปฏิเสธการเจรจาและพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐทุกชุด และพร้อมเปิดกว้างต่อการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐในประเด็นยูเครนเพื่อขจัดปัญหาต้นตอที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง สะท้อนว่ารัสเซียขานรับความประสงค์ของทรัมป์ในการรื้อฟื้นการเจรจาโดยตรง รวมทั้งถ้อยแถลงที่ระบุถึงความจำเป็นในการป้องกันการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
ขณะที่ประเด็นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาอาจจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.พ. 68 จะส่งผลในเชิง Sentiment ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นโลกไม่มากนัก โดยสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้ปล่อยให้ผู้คนจำนวนมากข้ามพรมแดนเข้ามาในสหรัฐ ไม่ได้เกิดจากประเด็นทางเศรษฐกิจ ในทางตรงกันข้ามการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อลดราคาพลังงานในสหรัฐ ด้วยการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟของชาวอเมริกันลงครึ่งหนึ่งภายในช่วงปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งสอดคล้องกับการกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นโลกมากกว่า เนื่องจากทำให้ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อของโลกลดลงอย่างมาก
ตลาดหุ้นเอเชียจะกลับมาได้ในปี 2568 ! นอกจากนี้การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีในระหว่างการแถลงนโยบาย ทำให้ความร้อนแรงของราคาคริปโทเคอร์เรนซีลดลง และเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นโลก สะท้อนออกมาจากการที่ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผิดหวังที่ทรัมป์ไม่ได้ประกาศนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีในพิธีสาบานตน โดยทรัมป์ได้ออกนโยบายหลายด้านรวมถึงนโยบายการค้าและพลังงาน แต่ไม่มีการเอ่ยถึงอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งผิดไปจากสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังไว้อย่างมาก หลังจากที่เคยให้คำมั่นในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี จัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Bitcoin Reserve) และผลักดันให้สหรัฐเป็นเมืองหลวงของคริปโทเคอร์เรนซี
อย่างไรก็ดีในระยะสั้น ตลาดหุ้นเอเชียอาจ Underperform ตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น หลังธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินหยวนได้จำกัดความพยายามของ PBOC ในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ขณะที่เงินหยวนในตลาดต่างประเทศอ่อนค่าลงกว่า 3% นับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. 67 ขณะที่เงินหยวนในตลาดภายในประเทศอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 16 เดือน โดยที่ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ PBOC ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นในการปล่อยกู้ แต่นับจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการปรับลด RRR แม้ PBOC ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีไปเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระดับปานกลางก็ตาม
อย่างไรก็ดีในระยะต่อไปตลาดหุ้นเอเชียมีโอกาสกลับมาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลกได้ หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ระบุว่า จีนเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมต่อแนวโน้มการพัฒนาทางเศรษฐกิจในปี 2568 จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แรงขับเคลื่อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การเกิดขึ้นของปัจจัยกระตุ้นการเติบโตใหม่ๆ การสนับสนุนนโยบายที่เหมาะสม รวมถึงการดำเนินการปฏิรูปและการเปิดกว้าง หลังเศรษฐกิจจีนเติบโต 5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2567 เนื่องด้วยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 อันเป็นผลจากมาตรการสนับสนุนการเติบโตหลายประการที่จีนได้ประกาศใช้ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. 67 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในส่วนของเงินเฟ้อว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับปานกลางในปี 2568 โดยตัวเลข GDP ในไตรมาส 4/2567 ของจีนขยายตัว 5.4% แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.0% ขณะที่ GDP ในไตรมาส 4 ขยายตัวรวดเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ที่มีการขยายตัว 4.6%, ไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 4.7% และไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 5.3%
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยเอเชีย เฮาส์ (Asia House) ในลอนดอน ได้เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด ระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มแซงหน้าภูมิภาคอื่นในการนำการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2568 แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยผลวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของภูมิภาค ได้แก่ การก้าวกระโดดด้านดิจิทัล กำลังซื้อผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น และการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังคงแกว่งตัวเหนือกว่า 1,330 จุดได้ เน้น “อ่อนตัวซื้อลงทุน” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไปที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/hippowealththailand และ e-mail ที่ hippowealththailand@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97.00 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: TQ
Comments