top of page
312345.jpg

ตลาดให้น้ำหนักกับปัจจัยลบมากกว่า


ปัจจัยภายในอ่อนแอ !

แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในทิศทางของการพักตัวต่อเนื่อง บนบรรยากาศการลงทุนที่ไม่เอื้อ จากการที่ขาดปัจจัยบวกใหม่ และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากประเด็นของ MSCI Rebalance ที่มีผลให้เกิดการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงปัจจัยการเมืองที่กลับมามีความเสี่ยงอีกครั้ง หลังจากที่ นายปรีดี ดาวฉาย ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง หลังเข้ารับตำแหน่งมาได้ไม่ถึง 1 เดือน ทำให้นักลงทุนเริ่มมองเห็นว่ามีปัญหาภายในรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย

แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกออกมาบ้างจากการที่ ศบศ. แถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโครงการคล้ายมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" โดยจะให้สิทธิ์ประชาชนรับเงิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือน ต.ค.นี้ และการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ตลอดจนมีมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน

รวมทั้งการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ยังคงเดินหน้าอุ้มลูกหนี้รายย่อยมัดหนี้บ้าน-สินเชื่อไม่มีหลักประกัน คิดดอกเบี้ยเฉลี่ย ที่ 5.75-8.80% โดยเปิดเผยว่ามีสินเชื่อเข้าข่ายเข้าโครงการวงเงิน 1-2 หมื่นล้านบาท และเปิดทางให้รวมหนี้เกินมูลค่าหลักประกันได้-พร้อมศึกษามัดหนี้ข้ามธนาคาร แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยลบมากกว่า โดยมีเพียงกลุ่มหุ้นอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่ยังปรับตัวได้ดี โดยได้รับประโยชน์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ จากการคาดการณ์ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์ COVID-19

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นที่ตกต่ำลงของตลาดหุ้นไทย สอดคล้องกับมุมมองในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Bloomberg Consensus ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นไทยลงอีก 0.4% ลงมาอยู่ที่ -32.6% ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี 2563 Bloomberg Consensus ได้ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นไทยลงมาแล้วถึง 42.9% เทียบกับที่ Bloomberg Consensus ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในตลาดหุ้นโลก, สหรัฐ, ญี่ปุ่น และ Asia ex Japan ตั้งแต่ต้นปี 2563 ลง 29.7%, 27.0%, 37.0% และ 21.3% ตามลำดับ

ขณะที่อัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2563 ในตลาดหุ้นไทยที่ -32.6% ยังถือว่าอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2563 ในตลาดหุ้นโลก, สหรัฐ, ยุโรป, ญี่ปุ่น และ Asia ex Japan ที่ -10.9%, -6.4%, -22.3%, -24.7% และ -7.2% ตามลำดับ

ในทางเทคนิค โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย หรือ Foreign Fund Flow จะยังคงไหลออกยังคงมีอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะขายสุทธิออกมาแล้ว 2.6 แสนล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 2563 หลังจากที่ Indicator ระยะกลางอย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ยังคงมีสัญญาณ “Negative Convergence” อย่างต่อเนื่อง

ยังอยู่ในแนวโน้มพักตัว ! Momentum ของตลาดหุ้นโลกกลับเข้าสู่แนวโน้มพักตัวอีกครั้ง สะท้อนออกมาจากทิศทางของดัชนี VIX Index ที่มีความสัมพันธ์ หรือ Correlation ในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาดหุ้น โดยที่ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรป ปรับตัวขึ้น 14.18% และ 20.97% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish ลดลง 1.3% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 30.8% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 41.8% ส่งผลให้อัตราส่วน Bull-vs-Bear Spread ติดลบ 11.0% ขณะที่แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิคระยะสั้น “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันมุมมองเดิมว่าสำหรับตลาดหุ้นไทย ตราบใดก็ตามที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิด เพื่อสร้างฐานในกรอบ 1,370-1,400 จุดได้ การดีดตัวขึ้นช่วงสั้นยังคงมองว่าเป็นเพียงแค่การ Technical Rebound เท่านั้น และยังคงไม่สามารถยืนยันการปรับตัวขึ้นต่ออย่างจริงจังได้

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังกลับไปยืนเหนือ 1,370 จุด (+/-) ไม่ได้ เน้น “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น CPALL, BJC, BEM, EGCO, BCH, GPSC, BTS, HMPRO, ADVANC และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97ทุกวันอาทิตย์เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายสัปดาห์ (weekly)

Source: Wealth Hunters Club

17 views
bottom of page