บล.หยวนต้า ให้เป้าหมาย 2 เดือนข้างหน้า 1,600 ดอลลาร์ สบายๆ
มาถึงยามนี้ ที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน และผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยังไม่จบ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ลุ้นระดับดัชนี 1,650 จุดยังยาก ปรากฏว่าบรรดานักวิเคราะห์ นักกลยุทธ์ มีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันว่า การลงทุนในทองคำกลับจะเห็นเนื้อเห็นหนังได้มากกว่า เพราะทองคำยังอยู่ในจังหวะขาขึ้นต่อไปได้ แม้ว่าในช่วงต้นเดือนตุลาคม ที่ทองคำปรับลดลงหลังขึ้นมายาวๆ แต่ขาขึ้นยังไม่จบ
ด้าน บล.หยวนต้า ให้ความเห็นว่า ทองคำยังคงไปได้ต่อโดยใน 2 เดือนข้างหน้ามีโอกาสได้เห็นทองคำไปถึง 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนคือ กองทุน Gold ETF ทั่วโลกกำลังเร่งซื้อทองคำมากขึ้น ทำให้เป็นบวกกับราคาทองคำในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ประเด็นหนุนราคาทองคำในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่
1. กองทุนประเภท Gold ETF ทั่วโลกซื้อทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสิ้นเดือนกันยายน 2562 ถือรวมกันอยู่ที่ 2,807.80 ตัน ใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมเมื่อ ธันวาคม 2555 ที่ 2,831.20 ตัน โดยเดือนกันยายน 2562 ซื้อเพิ่ม 75.2 ตัน จากที่ซื้อหนาแน่น 122.6 ตันในเดือนสิงหาคม 2562
ถ้าอิงพฤติกรรมในอดีต การเพิ่มสถานะถือครองทองคำนับเฉพาะ SPDR Gold Trust ถ้ามีการทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้น ราคาทองคำจะทำจุดสูงสุดใหม่ตามมา 1-2 เดือนหลังจากนั้น
2. เฟดมีแนวโน้มเพิ่มขนาดงบดุล เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดเงิน หลังตลาด Repo ตึงตัว โดยล่าสุดงบดุลของเฟดอยู่ที่ 3.95 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดจากการลดขนาดงบดุลที่ 3.76 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างมีนัยสำคัญ
3. ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก 59.86 ในเดือนสิงหาคม 2562 จากที่ซื้อเพิ่ม 24.27 ตันใน เดือนกรกฎาคม 2562 โดย 8 เดือนแรกของปี 2562 ซื้อเพิ่มไปแล้ว 496.40 ตัน มากกว่าทั้งปี 2561 ที่ซื้อไป 448.30 ตัน
ความต้องการเพื่อการลงทุนและแรงซื้อของธนาคารกลางที่เพิ่มต่อเนื่อง จะทำให้ราคาทองคำอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อไป หรือถ้าไม่เร่งตัวขึ้นก็จะเคลื่อนไหวแบบปรับตัวลงยาก