เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เดินแผนงานผ่านแลนด์แบงก์ในพอร์ต 10,000 ไร่ หวังรับรองการบูมของอีอีซี เตรียมบุกตลาด Built-งานto-Suit “โกดังสั่งสร้าง-โรงงานสั่งสร้าง” ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ขาย 1.2 ตารางเมตรในปี 2562 เตรียมผุดที่ดินแปลงเคเอ็มซีเป็นเมืองครบวงจร
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในกลุ่มของ เจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผยทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2562 ว่า การปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เพื่อเป็นการรีแบรนด์บริษัท เพื่อยกระดับและรองรับการเป็นบริษัทข้ามชาติที่ยิ่งใหญ่ โดย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด บริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ โดยวางเป้าหมายที่จะมีกลุ่มลูกค้าเป็นบริษัทคนไทย 20% และลูกค้าบริษัทต่างชาติ 80% ซึ่งโดยภาพรวมของธุรกิจเฟรเซอร์สฯ จะมีความหลากหลายในการลงทุน โดยโลจิสติกส์กับอสังหาริมทรัพย์มีผลดำเนินการโดดเด่น ปัจจุบันลงทุนใน 30 ประเทศ 80 เมือง จุดโฟกัสยังอยู่ในโซนเอเชีย
ล่าสุด บริษัทสนใจเข้าไปลงทุนโซนยุโรปมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจฮอสพิทอลิตี้ โดยบริษัทได้มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดอันเป็นหนึ่งเดียวกันที่ว่า ‘Experience matters’ เพื่อสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง บริษัทในฐานะผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร
นายโสภณ กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์ “Smart Integrated Strategy” เพื่อรองรับการขยายตัวและการต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่ม โดยมุ่ง 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) Collaborative Network การผสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายอันแข็งแกร่งของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และจากพันธมิตรทางธุรกิจ 2) Product and Service Innovation การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยเต็มไปด้วยนวัตกรรม โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ 3) Experience Creator การมุ่งสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้กับทั้งลูกค้าพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้ง บริษัทยังพัฒนาแนวการดำเนินงานใหม่ที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ที่มุ่งเน้นตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อนำเสนอบริการและโซลูชันที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดจนความพึงพอใจของลูกค้า
ส่วนการดำเนินธุรกิจในไทย บริษัทต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของการมีที่ดิน ผ่านการลงทุนของบริษัทและที่ดินบริษัทในเครือ ซึ่งบริษัทจะรุกธุรกิจในรูป Built-to-Suit หรือ การสร้างโรงงานและคลังสินค้าแบบตามความต้องการของลูกค้า ข้อดีคือจะอำนวยความสะดวกลูกค้าในการทำธุรกิจ สามารถใช้อาคารที่เปลี่ยนแปลงไปตามธุรกิจ และยังมีผลต่อเนื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าที่ยาวกว่าปกติที่ 3 ปี ซึ่งบริษัทได้เตรียมที่ดินรองรับความต้องการของลูกค้า
“แนวธุรกิจที่จะทำต้องมีความคล่องตัว โดยมาสเตอร์แพลนเรียบร้อยแล้ว มีการนำทีมใหม่เข้ามาเสริม ซึ่งจะมีความชำนาญในด้านโลจิสติกส์ ขณะที่สินค้าจะต้องมีการก่อสร้างคลังสินค้าที่รวดเร็วและให้ทันกำหนด เพราะธุรกิจต้องการลงทุนและผลิตโดยเร็วที่สุด รวมถึงเราต้องบริหารทรัพย์สินให้ดี ซึ่งจะเป็นรูปแบบบริการหลังการขาย การบริการที่ดี จะทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าเพิ่มเสมอ ทางเฟรเซอร์สฯ ได้วางเป้าสร้างโกดังและโรงงานสั่งสร้างในปี 2562 อีกจำนวน 1.2 แสนตารางเมตร ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้าที่เช่าโรงงานและคลังแบบสร้างตามความต้องการ คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 5 แสนตารางเมตร ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจโลจิสติกส์"
นายโสภณกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ดินแปลงบาง-ตราด กม.32.5 บริษัทได้ชนะการประมูลจากกรมบังคับคดี ได้ในราคา 8,900 ล้านบาท โดยเป็นแปลงที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ แถมอยู่ในทำเลโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก เขตติดต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หน้ากว้างติดถนนบางนา-ตราด กม.32.5 กว่า 260 เมตร ขนาดความยาว 6 กิโลเมตร จากบางนา-ตราด จดถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิราว 16 กิโลเมตร นอกจากพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า ที่ดินบางแปลงในจำนวนทั้งหมดกว่า 4,300 ไร่ มีศักยภาพพอที่จะนำมาพัฒนาในลักษณะมิกซ์ยูสได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย คลังสินค้าและโรงงานต่างๆ คาดว่าภายในสิ้นปีจะสามารถเปิดโฉมหน้ามาสเตอร์แพลนได้ส่วนตลาดต่างจังหวัดนั้น บริษัทได้รับสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่อยู่ในพื้นที่อีอีซี ที่มีไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ รวมถึงที่ดินในจังหวัดลำพูน 150 ไร่ และจังหวัดขอนแก่น อีก 200 ไร่ เป็นต้น