ผ่านพ้นไปในที่สุด สำหรับการหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์…คนที่กลับบ้านกลับเรือนเยี่ยมเยือนรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่พ่อแม่ต่างก็กลับเข้ามาสู่เมืองทำมาหากินกันตามวิถีเป็นที่เรียบร้อย
สงกรานต์ปีนี้ก็เหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนจะคึกคักดี จะได้เห็นข่าวคราวว่ามีคนออกมาเล่นน้ำกันในหลายจุดเล่นน้ำสำคัญๆ ที่จัดกิจกรมทั่วประเทศ แต่ส่วนอื่นๆ กลับร้อน/แล้งและเงียบกริบ เศรษฐกิจที่แท้จริงซบเซา ไม่สะพัด แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดยาว ผู้คนเที่ยวกันแบบประหยัด คนกรุงจำนวนมากเลือกที่จะอยู่บ้านไม่ไปไหน อย่างเก่งก็หาของกินนอกบ้านเดินห้าง หรือเที่ยวแบบวันเดย์ทริป รอบกรุง พอได้ไหว้พระทำบุญทำกิจกรรมในครอบครัวแบบหอมปากหอมคอ ไม่ไปไหนไกล
ภาพสะท้อนชัดว่าเศรษฐกิจต่อจากนี้จะยังคงไม่อู้ฟู่ โดยไม่ต้องรอให้ไอเอ็มเอฟมาประกาศลดการคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ของไทยตามที่ประกาศลดเศรษฐกิจโลกไปแล้วเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา
ดัชนีบอกความเป็นไปของเศรษฐกิจไทยอีกตัวหนึ่งที่ประกาศออกมาเมื่อก่อนหยุดยาววันสงกรานต์ปีนี้ คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs ภาคการค้าและบริการ (TSSI) ที่จัดทำโดย สสว.
ทั้งนี้ดัชนี สสว. ที่ประกาศล่าสุด เป็นการสำรวจรวบรวม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs ภาคการค้าและบริการ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ผลการสำรวจดัชนี TSSI ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของ SME ทั่วประเทศ จำนวน 1,400 ตัวอย่าง สรุปว่าดัชนี TSSI ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อยู่ที่ระดับ 99.6
นั่นคือเป็นระดับดัชนีที่ปรับตัวลดลงจากเดือนมกราคม 2562 ที่อยู่ระดับ 104.0 แถมระดับ 99.6 นี้ยังเป็นระดับต่ำกว่าค่าฐานที่ระดับ 100 ครั้งแรกในรอบ 3 เดือนอีกด้วย
แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SME มีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับซบเซาลง
เหตุที่ดัชนี TSSI เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากองค์ประกอบด้านยอดจำหน่าย ต้นทุนและกำไรเป็นหลัก
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าอยู่ในระดับทรงตัว มียอดขายและกำไรน้อยกว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการมีการปรับแผนการขาย โดยการใช้โปรโมชันเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อเพิ่มขึ้น หรือเพื่อให้น่าสนใจมากกว่าคู่แข่ง จึงทำให้กำไรลดลง อีกทั้งลูกค้ามีการใช้จ่ายที่ลดลง ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในกิจการลดลงด้วย ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นับจากผ่านพ้นช่วงปีใหม่มา จากที่ผู้บริโภคมีการเร่งใช้จ่ายไปแล้ว
โชคยังช่วยอยู่ ที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ยังคงมีเทศกาลตรุษจีนและวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายมากกว่าปกติ ถึงจะไม่มากเท่าช่วงปีใหม่ก็ตาม
ในส่วนของสถานการณ์ทั่วไปของประเทศ ปัจจัยที่ยังคงบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องคือค่าครองชีพที่ไม่สอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ผู้ประกอบการ SME ในทุกภาคธุรกิจยังคงมีความกังวลด้านต้นทุนในการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนของทุกสาขาธุรกิจในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ค่าดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าฐาน 100 ค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ระดับ 75.0-90.8 และในอีก 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุนจะอยู่ที่ระดับ 80.6-95.8 ซึ่งแสดงถึงผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลด้านต้นทุนไม่ว่าจะเป็นต้นทุนจากการขยายกิจการ ต้นทุนในการดำเนินงาน รวมทั้งต้นทุนราคาน้ำมันและค่าขนส่งที่มีแนวโน้มการปรับตัวที่สูงขึ้น
ที่น่าสนใจตามรายงานการสำรวจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งกำลังเข้าสู่โหมดการหาเสียง และลงคะแนนเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ทำให้ ผลสำรวจดัชนี TSSI คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม-พฤษภาคม 2562) ออกมาว่ายังอยู่ในระดับที่ดี โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าฐานที่ 100 และต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ...รายงานระบุว่า สถานการณ์ด้านการค้าและบริการใกล้เคียงกับเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ผู้บริโภคมีภาระค่าใช้จ่ายของบุตรหลานมักใช้จ่ายลดลงในช่วงดังกล่าวแต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ทางการเมืองเป็นไปในทิศทางที่ดี ผู้ประกอบการคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติและขยายตัวได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของ SME จำแนกตามสาขาธุรกิจ โดยสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี คือ ค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีค่าเกินค่าฐานที่ 100 ได้แก่ สาขาค้าปลีกรถจักรยานยนต์/รถยนต์ บริการการก่อสร้าง และการขนส่งสินค้า สาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นลดลงแต่ยังคงมีค่าดัชนีอยู่เกินฐานที่ 100 ได้แก่ บริการด้านสุขภาพ/ความงาม การท่องเที่ยว โรงแรม/เกสต์เฮาส์/บังกะโล และร้านอาหาร/ภัตตาคาร
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้นวันเลือกตั้ง ผ่านสงกรานต์มา สถานการณ์การเมืองไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เห็นกันอยู่ ขณะที่การใช้จ่ายจะอยู่ในแนวประหยัดเพื่อเก็บเงินสำหรับช่วงเปิดเทอมเดือนพฤษภาคม เป็นแบบนี้หากมีการสำรวจความเห็นดัชนี TSSI คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (มีนาคม-พฤษภาคม 2562) กันใหม่ ก็อาจได้คำตอบที่แตกต่าง
สสว.รายงานด้วยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME ภาคการค้าและบริการ จำนวน 1,400 วิสาหกิจทั่วประเทศ ได้ข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ ดังต่อไปนี้
1. ต้องการให้กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ให้มีการใช้จ่ายสูงขึ้นสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลางถึงบน ผ่านมาตรการหรือนโยบายต่างๆ ฟื้นฟูภาคการค้า การส่งออก การแก้ไขปัญหาความยากจน กระจายการค้าการลงทุนสู่ภูมิภาค ดูแลค่าครองชีพให้เหมาะสมกับรายได้ของผู้บริโภคระดับกลางถึงล่าง การจัดสรรงบประมาณสู่ท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองให้ประชาชนและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
2. ต้องการให้ภาครัฐดูแลราคาสาธารณูปโภคให้มีความเหมาะสมกับต้นทุนของผู้ประกอบ
การ ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ต้องการให้ภาครัฐมีโครงการเงินกู้ให้ประชาชนพร้อมทั้งลดข้อกำหนดเพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น มีแนวทางที่จะสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจ พร้อมทั้งขยายช่องทางในการกู้ยืม/ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ควรยกเลิกภาษีซ้ำซ้อนที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ควบคุมด้านราคาเชื้อเพลิง การลดภาษีการนำเข้าและเน้นส่งเสริมการส่งออกมากขึ้น การลดดอกเบี้ย/ภาษี สำหรับรถยนต์ออกใหม่ การปรับค่าจ้างแรงงาน การปรับโครงสร้างหนี้/แก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชน
ผู้บริหารบ้านเมือง ที่เก่งหรือไม่เก่งไม่รู้แต่ที่แน่ๆไม่โกง พอจะช่วยเขาได้มั้ยคร้าบบบบ