สัมภาษณ์พิเศษ คุณจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ และประธานสภาหอการค้าไทย-จีน
มองทิศทางราคาทองคำจากนี้เป็นอย่างไร
ค่าเงินดอลลาร์ จะมีผลมากต่อทิศทางทองคำต่อจากนี้ไป
ช่วงที่ผ่านมาดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา ต้นเดือนพฤษภาคมทะลุ 32 บาทต่อดอลลาร์ และเป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว เนื่องจากปัญหาเรื่องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ประชุมเฟดก็พิจารณาและยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย และต้องติดตามการประชุมเฟดอีกครั้งคือ รอบเดือนมิถุนายน ซึ่งส่วนตัวคาดการณ์จากที่มีการตั้งเป้าหมายกันไว้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยเฟดปีนี้จะปรับขึ้น 3-4 ครั้ง ... แต่ขณะนี้ขึ้นมาแล้ว 1 ครั้ง 1.75% จึงคาดการณ์ว่า ปีนี้อย่างไรก็แล้วแต่ ในการประชุมที่เหลือของปีถ้าจะมีปรับ ก็น่าจะมีปรับอีกครั้งเดียว ไม่น่าจะเกิน 2% ไม่ใช่ 3-4 ครั้งแบบที่คาดกันตอนแรกๆ เนื่องจากตอนนี้ปัญหาเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ทุกอย่างคลี่คลาย ก็อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ด้านราคาทองคำ แนวรับที่ 1,305 เหรียญต่อออนซ์ ก็แข็งแรงพอสมควร จะเห็นว่าที่ลงมาก่อนหน้านี้เกือบ 1,300 เหรียญต่อออนซ์ก็ขยับขึ้นมาใหม่ ส่วนทองไทยตอนนี้ที่ปรับขึ้นมาถึง 2 หมื่นบาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท เพราะดอลลาร์มันแข็งค่าขึ้นมา เลยทำให้ตัวราคาทองคำขยับขึ้นมาเรื่อยๆ
สำหรับราคาทองคำอยู่ที่กว่า 1,310 เหรียญต่อออนซ์ ต้องดูต่อว่าจากนี้จะทะลุ 1,325 เหรียญหรือไม่ ถ้าผ่านได้มีโอกาสจะปรับขึ้นมาอีก
ถ้าผ่าน 1,325 ได้ จะไประดับไหน
น่าจะทะลุ 1,345 เหรียญต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ต้องดูแนวโน้มก่อนว่าถ้าดอกเบี้ยไม่มีการปรับอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ 3-4 ครั้ง ดังนั้น โอกาสที่จะไม่หลุด 1305 ดอลลาร์มีมากกว่า คิดว่าน่าจะขยับในทางขาขึ้นมามีเปอเซ็นมากกว่า
ดังนั้น คำแนะนำนักลงทุน คือ ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้น ช่วงนี้ก็พอลงทุนได้อยู่
เงินบาทกลับมาอ่อนค่า
บาทอ่อน ดอลลาร์แข็ง ทำให้ราคาทองคำขึ้นมา และถ้าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมา ราคาทองไทยจะขยับขึ้นมา อย่างช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำขึ้นไปถึง 1,370 เหรียญต่อออนซ์ แล้วตกลงมา และเริ่มขยับขึ้นมาใหม่ ก็คือการเคลื่อนไหวทองเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน
โอกาสที่จะเห็นราคาทองที่ 1,360-1,370 เหรียญต่อออนซ์ มีอีกหรือไม่
ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนหน้าอีกรอบหนึ่ง คิดว่าราคาทองน่าจะมีโอกาสขึ้นมาได้เพราะว่าตามที่คาดหมายไว้เดิมคือขึ้น 3-4 ครั้ง ถ้าเกิน 2 ครั้ง ก็น่าจะมีโอกาส ส่วนตัวมองว่าโอกาสที่ทำให้คนเชื่อมั่นในทองคำ น่าจะมีโอกาสมากกว่า
บรรยากาศการซื้อทองคำในช่วงนี้ของไทยหั่งเช้งเป็นอย่างไร
ช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้น ขยับไม่เยอะ แต่ช่วงก่อนหน้าที่มีเรื่องเกาหลี ตื่นเต้นหน่อย ตอนนี้ก็มีเรื่องอิหร่าน ทำให้น้ำมันปรับขึ้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องดูนโยบายสหรัฐอเมริกา เรื่องขีปนาวุธ เรื่องที่ยุโรปไม่เห็นด้วยบางอย่าง แต่ก็มองว่าน่าจะไปในทางที่ดี ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงขึ้นมา ดังนั้นทองคำก็น่าจะทรงตัว ไม่มีอะไรหวือหวา
ตอนนี้ก็ดูดอลลาร์ว่าจะแข็งค่าอีกหรือไม่ ค่าเงินบาทอ่อน ขึ้นไปถึง 3-4% ถือว่าเยอะ ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาหลายบาท
ดังนั้น แนะนำว่า การลงทุนระยะสั้น ยังน่าสนใจลงทุนมากกว่า
ช่วงนี้เปิดเทอม มีคนเอาทองมาขายกันเยอะหรือไม่
ครับ เป็นช่วงที่ผู้ปกครองต้องการนำเงินมาจ่ายค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า อะไรต่างๆ ปกติที่โรงรับจำนำ หรือกลุ่มที่มาขายฝากในช่วงนี้ก็เพิ่มขึ้น เป็นอย่างนี้ทุกปี รวมถึงเป็นช่วงเริ่มต้นเพาะปลูกของเกษตรกร จะมีการเอาทองออกมาฝากไว้
ร้านค้าทองคำเป็นอย่างไร
ที่ผ่านมาถือว่าใช้ได้ เนื่องจากพืชผลเกษตรราคาดีขึ้น ยกเว้น ยางพาราที่แย่ลงไปหน่อย ทำให้เกษตรกรมีกำลังซื้อมากขึ้น และส่งผลต่อมาคือซื้อทองคำไปเก็บ ก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อย
อย่างซื้อทองคำบาทหนึ่งเท่ากับสองหมื่นบาท ซึ่งดอลลาร์ช่วงนี้ขึ้นมา 3-4% ทองขึ้นมา 600-700 บาทถือว่าเยอะ
ตอนนี้คุณจิตติ ยังเป็นประธานหอการค้าไทย-จีน อยู่ด้วย
ยังเป็นอยู่ ...
บทบาทหอการค้าไทย-จีน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ช่วงนี้ก็ดี มีนักธุรกิจจีน มาลงทุนในไทย สนใจตลาดไทยเพิ่มขึ้น แต่เราก็ให้การแนะนำ ปรึกษา บริษัทที่จะไปลงทุนในจีน ต้องรู้อะไรบ้าง จะได้ไม่เสียเปรียบ ซึ่งเราก็มีการประชาสัมพันธ์ออกไปบ่อยๆ โดยหอการค้าไทย-จีนก่อตั้งมา 108 ปี แล้ว และก็มีการแนะนำตลอดสำหรับนักธุรกิจไทยที่จะไปลงทุนที่จีน รวมถึงนักธุรกิจจีนที่จะมีลงทุนในไทย จะมีการแนะนำ ให้ข้อมูล เพื่อรู้ทันต่อเหตุการณ์ ก็ถือเป็นหน้าที่ของเรา
แจ็ค หม่าเข้ามา ทำให้คึกคักมากขึ้นหรือไม่
ก็มีความคึกคักมากขึ้น และทำให้มีการตื่นตัว ทำให้สินค้าเกษตรของไทยบางอย่าง รายได้เพิ่มขึ้นมา มีผลต่อเศรษฐกิจ เศรษฐกิจดี พืชผลดีชาวบ้าน ชาวนา เกษตรกรมีเงินเหลือส่วนใหญ่ก็จะมาซื้อทองคำเพื่อเก็บออม
จะมีทองคำไปพ่วงขายกับเขาหรือไม่
ทองคำคงไม่เหมือนสินค้าตัวอื่น ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีการซื้อขายออนไลน์กัน ส่วนที่มีก็ยังธรรมดา เพราะทองคำมันกำไรน้อย ไม่เหมือนสินค้าตัวอื่น ถ้าไปผ่านมือที่สองที่สามราคามันก็จะสูงขึ้นไม่เหมือนกับสินค้าตัวอื่น
ช่วงนี้ หอการค้าไทย-จีน เปิดอบรมสัมมนาให้ความรู้ถึงตลาดจีน โดยได้ให้ JD.COM มาจัดสัมมนา เพื่อให้ความรู้ต่อนักธุรกิจไทยที่สนใจจะไปลงทุนในจีน หาช่องทาง ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง จะได้ไม่เสียเปรียบ ก็ให้ความรู้ระหว่างนักธุรกิจไทยกับจีน เราก็ส่งเสริมให้ข้อมูลแบบนี้
ทำไมเลือก JD.COM เข้ามาบรรยายให้ความรู้นักธุรกิจไทย
การให้ JD.COM เข้ามา ก็เป็นการดี เพราะว่ามีเปรียบเทียบมีคู่แข่งก็น่าจะดีกว่ามี แจ็ค หม่า เข้ามารายเดียว
คือปีที่แล้ว อาลีบาบาก็เข้ามาแล้ว จนกระทั่งได้พบนายกรัฐมนตรีไทย ก็มีข้อตกลงอะไรบางอย่าง ซึ่งทางหอการค้าไทย-จีนมองว่าต้องให้มีการแข่งขันแบบยุติธรรม จึงให้รายอื่นเข้ามาเพื่อเปรียบเทียบ เราจะได้ไม่เสียเปรียบ ซึ่งส่วนตัวมองว่าดี เพราะว่าเราจะให้ความรู้ ทำอะไรมันก็เหมือนกัน
อย่างนักธุรกิจรุ่นใหม่ อยากจะไปบุกตลาด แต่การที่จะทำให้มีประสบการณ์ เราไปแต่ไม่มีข้อมูล บางทีอาจจะเสียเปรียบเหมือนกัน ดังนั้น เราแนะนำช่องทาง ว่าเราควรจะทำอย่างไร เพราะว่าบางอย่างนักธุรกิจจีนก็มีประสบการณ์เยอะ เพราะเขาบุกตลาดไทย เราก็เลยแนะนำให้ความรู้ เทคนิค ซึ่งถ้าเรารู้ทันทุกอย่าง เราไม่เสียเปรียบ น่าจะดี และจะได้มีช่องทางเข้าง่าย เพราะถ้าเราไม่รู้อะไรเลย เราต้องระมัดระวัง
ขณะเดียวกัน หอการค้าไทย-จีน ก็กำลังแนะนำ ไป๋ตู้ เข้ามาให้ความรู้ ซึ่งเราพร้อมเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีนอยู่แล้ว ซึ่งจีนตอนนี้ถือเป็นตลาดใหญ่ เราก็น่าจะมีโอกาสไปค้าขายกับเขา
กรณี สงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับจีน จะกระทบไทยหรือไม่ หอการค้าไทย-จีน ต้องช่วยแนะอย่างไร
ส่วนตัวมองว่าเป็นโอกาสดี และเวลานี้จีนก็เข้ามาเยอะ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่การลงทุนอีอีซี ซึ่งเราให้ข้อแนะนำ ซึ่งบางทีเขาไม่รู้ ขณะที่เราขาดบุคลากร นักธุรกิจจีนจะเข้ามาลงทุน เขาจะหาคนไทยที่รู้ภาษาจีน ดังนั้นควรส่งเสริมด้านบุคลากร พร้อมสร้างบุคลากรขึ้นมารองรับ ซึ่งแต่ละปีหอการค้าไทย-จีน ต้อนรับคณะนักธุรกิจจีนที่จะเข้ามาลงทุน 200-300 คณะทีเดียว