ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับอานิสงส์ เผยไตรมาสแรกปี 2561 ฟันยอดขาย 1,500 ล้านบาท เชื่อสิ้นปีรายได้ 4,000 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา การส่งออกโต กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น อีกทั้งหนี้สินครัวเรือนเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไนช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยภายนอกเริ่มคลี่คลายขึ้นโดยเฉพาะ 2 ผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ เดินทางข้ามแดนพบกันในรอบ 65 ปี ทำให้เชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดสงครามขึ้น
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตได้ 5-8% ซึ่งโดยปกติแล้วภาคอสังหาริมาทรัพย์จะเติบโต 1-1.5 เท่าของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่ง GDP ในปีนี้ตามที่หน่วยงานภาครัฐได้คาดการณ์ไว้จะเติบโตอยู่ที่ 4-4.5%
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ลลิลฯ สามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 1/2561 ได้ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยทั้งปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,500 ล้านบาท โดยได้เปิดโครงการแนวราบใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 450 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ประกอบกับในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการจัดงานมหกรรมบ้าน และคอนโด ทำให้มียอดขายเข้ามาเพิ่ม บริษัทยังมั่นใจยอดขายไนปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ 4,500 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 2 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบอีก 1-2 โครงการ มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท
นายชูรัชฎ์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้ บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไว้วางใจบริษัทมาเป็นระยะเวลานานถึง 30 ปี เน้นการเลือกทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และราคา และเน้นการทำ Digital Marketing และ CRM Strategy ส่วนราคาจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ขณะที่ราคาต้นทุนที่ดินมีอัตราการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าการปรับเพิ่มของราคาขายโครงการ โดยราคาที่ดินในทำเลรังสิต-ลำลูกกา ปรับเพิ่มขึ้น 10-20% ต่อปี หรือปัจจุบัน ราคาขายที่ดินอยู่ที่ 4-5 ล้านบาทต่อไร่