ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาด การส่งออกของไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.7% ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านราคาที่สูงขึ้นทั้งสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมัน และปัจจัยด้านปริมาณจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก
การส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวชัดเจน หลังจากหดตัว 2 ปีติดต่อกันในปี 2014 และ 2015 ถึง 0.4% และ 5.7% และเริ่มขยายตัวเป็นบวกอ่อนๆ ในปี 2016 โดยในไตรมาสแรกของปี 2017 ขยายตัว 4.9% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมีนาคมที่ขยายตัวได้ถึง 9.2% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 20,888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากการเพิ่มขึ้นของเกือบทุกกลุ่มสินค้าและเกือบทุกตลาด จึงเป็นที่น่าจับตาว่าการฟื้นตัวดังกล่าวจะเป็นการฟื้นตัวที่เกิดขึ้นแค่ชั่วคราวหรือไม่ และทิศทางการส่งออกไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่า การฟื้นตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าจะเกิดขึ้นได้ต่อเนื่องในปีนี้ จากทั้งราคาและปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าส่งออกมักจะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน โดยศูนย์วิเคราะห์ฯ พบว่าราคาน้ำมันที่เปลี่ยนไป1% จะทำให้ราคาสินค้าส่งออกเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 0.11% ซึ่งในปีนี้ คาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ณ สิ้นปีจะยืนที่ 57 ดอลลาร์ต่อบาเรล เพิ่มขึ้น 4% จากต้นปี
นอกจากนี้ การฟื้นตัวที่เป็นไปในทางที่ดีอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกก็เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้การส่งออกขยายตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง IMF คาดเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ที่ขยายตัวได้ 3.2% อีกทั้ง ตัวชี้วัดภาวะการค้าโลก(World trade outlook indicator) ที่จัดทำโดย WTO ก็บ่งบอกว่าแนวโน้มการค้าโลกเริ่มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2016 และจะยังคงเร่งตัวต่อเนื่องในปี 2017 สอดคล้องกับมูลค่าส่งออกของประเทศในภูมิภาค เช่น การส่งออกของประเทศใน ASEAN 5 ที่หดตัวตั้งแต่ไตรมาส 4ปี 2014 เริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2016 โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ถึง 14%
ดังนั้น ศูนย์วิเคราะห์ฯ จึงคาดว่า การส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องที่ 3.7% สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2% โดยคาดว่าช่วงที่เหลือของปีจะขยายตัวแผ่วลงจากไตรมาสแรกที่มีปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี เนื่องจากฐานราคาสินค้าที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนในช่วงที่เหลือของปีมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจะมาจากปัจจัยด้านปริมาณเป็นหลัก โดยมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและแนวโน้มการค้าโลกที่กลับมาขยายตัว โดยเฉพาะตลาดจีน CLMV และสหรัฐฯ ในขณะที่สินค้าส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้แข็งแกร่ง ได้แก่ ยางพาราและเคมีภัณฑ์จากราคาที่สูงขึ้น คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์จากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การส่งออกไทยยังคงความเสี่ยงจากภาคต่างประเทศ ทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรปที่แม้ผ่านการเลือกตั้งฝรั่งเศสไปแล้ว จะมีการเลือกตั้งในเยอรมนีและอิตาลีต่อไป ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าสหรัฐฯ และปัญหาหนี้ของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้ ผู้ประกอบการจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อจะได้หาวิธีรับมือได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของภาคการผลิตของไทยให้สอดคล้องกับห่วงโซ่มูลค่าของโลกและการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกควรให้ความสำคัญในระยะยาว
ที่มา: TMB Analytics