Mar 22, 20181 min

เหวี่ยงตัวเป็นปกติในคลื่นลูกที่ 5

โดนดึงตลอดทาง !

ดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราได้เห็นแรงต้านที่มักจะออกมาขวางการกลับตัวอย่างจริงจังของตลาดหุ้นโลกบ่อยครั้งขึ้น ซึ่ง “นายหมูบิน” ต้องเรียนว่าในทางเทคนิคเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ ที่เราจะได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าวในตลาดหุ้นที่อยู่ในคลื่นการปรับตัวขึ้นลูกสุดท้าย หรือลูกที่ 5

พูดง่ายๆ คือตลาดหุ้นในคลื่นลูกที่ 5 นั้นแนวโน้มหลักยังคงปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่การทำกำไรนั้นยากมากๆ นั่นเอง ล่าสุดปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นโลกคงหนีไม่พ้น การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ ตามการปรับตัวลงของหุ้นเฟสบุ๊ก หลังมีข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟสบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน โดยไม่ได้รับอนุญาต และความวุ่นวายทางการเมืองของสหรัฐ หลังจากที่มีกระแสข่าวรายงานว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมพิจารณาปลด นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ต่อเนื่องจากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจปลด พลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และปลด นายแอนดรูว์ แมคคาบี รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะปลด พล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว ออกจากตำแหน่งเช่นกัน

นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากสถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนด้วย หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความระบุว่าต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าต่อสหรัฐที่ 1 แสนล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ 1 พันล้านดอลลาร์ ตามที่ทำเนียบขาวได้รายงานไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี “นายหมูบิน” มองว่าปัจจัยดังกล่าวยังคงเป็นเพียงแค่ Noise เนื่องจากตลาดหุ้นโลกน่าจะใช้โอกาสในช่วงนี้เพื่อพักฐานระยะสั้นจนกว่าจะมีผลชัดเจนที่ออกมาจากการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. 2561 ซึ่งล่าสุด CME Group ระบุว่าจากการใช้เครื่องมือ Fed Watch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือน มิ.ย.2561 และครั้งที่ 3 ในเดือน ก.ย.2561

ปัจจัยบวกยังมีสนับสนุนอยู่มาก : แน่นอนว่าเวลานี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่สถานการณ์การเมืองในสหรัฐ โดยเฉพาะสถานะของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันได้ออกโรงเตือนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ไม่ให้ถอด นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ โดยที่ นายเจฟ เฟลก วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันระบุว่าการปลด นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ คือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่จุดจบของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

อย่างไรก็ดีการที่ล่าสุดทำเนียบข่าวได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้พิจารณาที่จะปลด นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษน่าจะทำให้สถานการณ์ลดความรุนแรงลงได้บ้าง ทั้งนี้ถ้าพิจารณาเฉพาะปัจจัยในเชิงพื้นฐาน ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีมากๆ โดยที่ล่าสุดผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือน มี.ค. 2561 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 โดยได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และฐานะการเงินส่วนบุคคล สอดคล้องกับในด้านของการผลิตธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือน ก.พ. 2561 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 78.1% ในเดือน ก.พ.2561 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2558

ขณะที่ความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขั้นสุดท้ายของยูโรโซนชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.1% YoY ในเดือน ก.พ.2561 เมื่อเทียบรายปี โดยลดลงจากระดับ 1.3% YoY ในเดือน ม.ค. 2561 อย่างไรก็ดี “นายหมูบิน” ประเมินว่าข่าวดีจริงๆจากฝั่งยุโรปที่จะส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้อีกครั้งหลังการประชุมเฟดรอบนี้คือการที่สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงในวันนี้ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 เพื่อให้ภาคธุรกิจและพลเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลามากขึ้นในการเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจาก EU และจะช่วยให้คณะเจรจาของสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลาในการสรุปการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายขณะเริ่มปี 2564

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดเหนือ 1,850 (+/-5) จุดอีกครั้ง เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, SAWAD, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น. ทาง FM 101 เช่นเดิมครับ


ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

57