เปิด ‘ฟรีวีซ่าจีน’ นักท่องเที่ยวจีนอาจมาเที่ยวไทยไม่มากตามที่รัฐบาลตั้งเป้า เหตุทางการจีนมีนโยบาย ‘จีนเที่ยวจีน’ ไม่เปิดช่องให้คนจีนไปเที่ยวนอกประเทศได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน ฟากไทยเองก็มีปัญหาทุนจีนสีเทาและทัวร์ศูนย์เหรียญที่กัดกินเนื้อในธุรกิจท่องเที่ยวไทยจนเน่าเฟะ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงไกด์นำเที่ยว ตกอยู่ในสภาพเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่งมาหลายสิบปี อยู่ที่รัฐบาลไทยว่าจะจริงใจ จริงจังในการแก้ปัญหานี้แค่ไหน ถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยก็จะเหมือนเรือที่พายวนอยู่ในอ่าง
Interview : คุณวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย
มองนโยบายรัฐบาลใหม่ เรื่องการเปิดฟรีวีซ่าให้จีนและอีกหลายประเทศอย่างไร
คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ในเมื่อเราเองก็คาดหวังเรื่องของนักท่องเที่ยวจีน ทุกวันนี้เราก็ยังถวิลหากันอยู่ เป็นการให้เป็นกรณีพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศจีนและรัฐบาลเขาด้วย ซึ่งก็ทราบว่าเป็นปัญหาเรื่องของนโยบายที่เขาต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจีนเขาเอง และนโยบายการให้หนังสือเดินทางเขาก็ไม่เหมือนของเราที่นึกจะไปทำพาสปอร์ตก็ทำ รัฐบาลเขามีนโยบายจำกัดการให้พาสปอร์ต ก็ยังไม่ทราบว่าการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนจะมีผลหรือไม่ ถ้ายังไม่สอดคล้องกับทางนโยบายของจีนที่เขาจะให้นักท่องเที่ยวเขามา ต้องดูต่อไปว่าปัจจัยตัวนี้จะมีการผ่อนคลายด้วยหรือไม่
นโยบายฟรีวีซ่า เกาถูกที่คันหรือไม่
ถ้าเป็นก่อนช่วงโควิดมันก็จริง ตอนนั้นเราก็มีการที่ว่าให้วีซ่าอะไรด้วย ก็ถือว่าเป็นกรณีพิเศษแล้ว แต่ก็ยังต้องจ่ายค่าวีซ่า แต่นโยบายใหม่นี้ไม่ต้องจ่ายเลย ไม่ต้องยื่นขออะไรเลย ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันก่อนโควิด คิดว่าตอนนั้นถือว่าถ้าทำแบบนั้นมันแรงอยู่แล้ว แต่เขาก็มากันอยู่แล้ว ถึงมีเรื่องวีซ่าเขาก็ยังมา แต่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เปิดเสรีกันมากของประเทศเขาด้วย แต่พอมาหลังโควิดคิดว่าก็ต้องรอดู ไม่อาจจะบอกได้ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับทางไทยอย่างเดียว ตอนนี้ก็ถือว่าเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว เราก็พยายามที่จะเปิดให้มันง่ายขึ้น ทำให้เขาสะดวกขึ้น ในเมื่อเขาผ่านในส่วนที่มีพาสปอร์ต อาจจะดึงดูดให้คนที่มีพาสปอร์ตสนใจ แต่คงไม่ได้บูมอะไรเหมือนกับช่วงก่อนโควิดแน่นอน
อีกเรื่องหนึ่งคือพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยน ลักษณะของกรุ๊ปทัวร์ก็น้อย คือมาแบบเป็นส่วนบุคคล ทำให้คนไม่มาก เป็นกรุ๊ปเล็กๆ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้ใช้บริการไกด์ด้วย
ทำไมไม่เปิดฟรีวีซ่าให้กับคนจีนก่อนหน้านี้
เพราะก่อนโควิด แค่ Visa on Arrival ก็ทะลักมาอยู่แล้ว ฉะนั้นในช่วงหลังๆ ที่ยังไม่ได้ให้ ก็เป็นเรื่องโควิดบ้าง และก็เป็นปัญหาภายในของเราอย่างจีนสีเทาซึ่งมีปัญหาเยอะแยะ ว่าทำไมปล่อยให้มีอาชญากรคนจีนเข้ามาทำธุรกิจอะไรแบบนี้ ทางการด้านความมั่นคงก็ต้องมาดูแล ก็เห็นใจ มีปัญหา ก็ขอให้ดูแลความมั่นคง จริงๆ แล้วมาตรการนี้เขาก็มีอยู่แล้ว เท่าที่ทราบของกระทรวงต่างประเทศก็มี ดังนั้น จะให้ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบาย ขึ้นอยู่กับปัญหาอาชญากรรม ก็เลยมาดูว่า ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเพิ่มขึ้นมา ต้องตรวจสอบให้ขอยากหน่อยเป็นกรุ๊ป ง่ายๆ ก็ยื่นมาเป็นเดี่ยวด้วย ก็สร้างความยุ่งยากตรงโน้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จะมีเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย ดังนั้น แนวคิดเรื่องของนโยบายก็ต่างกัน ตอนนั้นเราก็อีกรัฐบาล แต่ตอนนี้ก็เป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งแนวคิดเรื่องนโยบายก็ต่างกัน ซึ่งรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องท่องเที่ยวก่อน ดูได้จากท่านนายกรัฐมนตรีหลังจากได้รับตำแหน่งก็เดินทางไปภูเก็ตทันที ซึ่งเป็นจุดของการท่องเที่ยวหลักของไทยตั้งแต่เรียกว่าเป็นโมเดลเป็นแซนด์บอกซ์ด้วย ก็ต้องไปดูตรงนั้น ต้องถือว่าภูเก็ตเป็นเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถจะเป็นโมเดลอื่นๆ ได้ด้วย ฉะนั้นการที่ไปคือไปรับฟังความคิดเห็นจากทางภาคส่วนสมาคมท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
ก่อนหน้านี้ทราบมาก่อนแล้วว่าต่างชาติก็เดินทางไปภูเก็ตเยอะ อย่างคาซัคสถานก็เยอะ เลยเดาว่าที่เราได้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานอาจจะมาจากการพูดคุย และพอทราบข้อมูลว่าคาซัคสถานมองว่าภูเก็ตเหมือนรัสเซีย เพราะเขาเคยอยู่กับรัสเซีย เมื่อเห็นอย่างนี้ ก็เปิดฟรีวีซ่าให้คาซัคสถานด้วย เพราะมีนัยสำคัญว่าจำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานมาภูเก็ตเพิ่มขึ้น ตรงนี้เป็นข้อมูลมาจากทางสมาคมท่องเที่ยวภูเก็ต
เวลานักท่องเที่ยวจีนมาไทย เขาใช้ไกด์จากไทยหรือไม่
ความเป็นจริงเราอย่าไปมองเฉพาะเรื่องของจีน เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งคนไทยก็ชอบไปเที่ยวเอง ขับรถเองเหมือนกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าเรามองในแง่การท่องเที่ยวว่าใช้ไกด์เราหรือไม่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มาเป็นกรุ๊ปเป็นหมู่คณะมา ส่วนนี้ยังใช้ไกด์อยู่ เรียกว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องมีไกด์ไทย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาทางเทคนิค ก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวเยอะ มีไกด์จริง แต่ไม่เพียงพอ คำว่าไม่เพียงพอนี้เป็นปัญหาทางเทคนิคของทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้เขาก็ต้องใช้ไกด์ต่างชาติ เพราะมันเป็นการทำกำไรให้ได้จากที่คุณไม่ได้คิดเงินเขามาก่อน พูดง่ายๆ ศูนย์เหรียญ Keep Back เขาอีกต่างหาก ฉะนั้นต้องพยายามทำเพื่อจะเอาเงินคืนในภายหลัง ซึ่งเมื่อจะเอาเงินคืนภายหลัง ก็ต้องมีเทคนิค ทางด้านบริษัททัวร์ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ต้องมีการแอดวานซ์เรื่องไกด์ ต้องแอดวานซ์ร่วมกันทำงาน ดังนั้น ไกด์ไทยเราจะสู้ไม่ได้ ความรู้ความสามารถในการที่จะดึงดูดคนด้วยภาษาของเขากันเอง พูดง่ายๆ คือเขาหลอกกันเองง่ายกว่า
ตอนที่ผมเป็นนายกสมาคมมัคคุเทศก์มา 7 สมัย ฟังจนเบื่อเลย สัจธรรมจริงๆ มันแก้ไม่ได้ เกี่ยวกับทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างไรก็ต้องใช้ไกด์ต่างชาติ ก็ต้องแอบใช้ ต้องใช้อยู่ดี เพราะถ้าไม่ใช้เขาขาดทุนแน่นอน เพราะคุณทำงานกันไม่มีต้นทุน คุณหาต้นทุนทีหลัง คุณก็ต้องหาคนที่มีฝีมือ ซึ่งฝีมือคือเรื่องภาษา เรื่องวัฒนธรรมเดียวกันที่จะเล่นกันแรงๆ ได้ ซึ่งถ้าเรายอมรับความจริง เรียกว่าหลับตาข้างหนึ่งกันมาตลอด จริงๆ มันผิดกฎหมาย แต่เราก็หยวนๆ กัน
ทั้งหมดนี้เลยคิดว่า ถ้าคุณแก้ปัญหาศูนย์เหรียญไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ทำกันไปทำกันมา มันก็ล่อกันไปล่อกันมา เหมือนจับปูใส่กระด้ง ซึ่งเราก็ต้องยอมรับความจริง ว่าจะเอาอย่างไร จะส่งเสริมท่องเที่ยวแล้วอย่างไร ทัวร์ศูนย์เหรียญในความเป็นจริง คือหลอกล่อให้เขามา ให้เขามาก่อน แต่สิ่งที่เราต้องทำคือการใช้วิธีการ มันอาจจะเหมือน 18 มงกุฎ ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาเงินเขาออกมาในภายหลัง
ตรงนี้เลยกลายเป็นว่าแทนที่จะได้เงินอย่างสุภาพบุรุษ กลายเป็นว่าต้องใช้แบบบุคลิกผู้ร้ายไปเอาเงินเขามาทีหลัง มันก็ไม่ถูก คุณมาเที่ยวก็ต้องเสียเงิน แต่เรากลับมาเล่นวิธีการมาเอาเงินเขาโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะทำถ้าพูดถึงจีนอย่างเดียว มันมีไกด์พอเหมือนไม่พอก็เพราะเหตุนี้ ซึ่งก็เคยมี มีคนพูดจะเอาไหม แต่เขาไม่เอา หรือไปอีกก็สู้เขาไม่ได้ กลายเป็นต้องออกเงินรับรองแอดวานซ์ก่อนมีไหม แล้วถ้าไปเอาเขามาแล้ว เผื่อลูกค้าไม่ซื้อ ไม่ใช้จ่ายตามที่คุณวางแผน แล้วขาดทุน จะเอาไหม ตรงนี้คือจุดหนึ่งที่เขาไม่สู้ ดังนั้น ไกด์ไทยรับเงินเป็นไกด์ผู้ช่วยดีกว่า วันหนึ่งได้ 2,000-3,000 บาท 4-5 วันทีก็โอเค
ส่วนนี้ผ่านไปยังไกด์ภาษาอื่นๆ ก็ยอมรับว่าหลายภาษายังขาด แต่อย่าลืมว่าไกด์ภาษายุโรปของเราหายไปเยอะและมีการสร้างใหม่น้อยมาก ฉะนั้น ควรที่จะมีการเร่งดำเนินการเตรียมการเรื่องไกด์ภาษาอื่นด้วย ไม่ใช่มองแต่เรื่องจีน ซึ่งจีนเราภาษามันได้ แต่ปัญหาคือยอมรับก่อนคำว่าพอหรือไม่พอ คุณต้องดูว่าคุณจะทำทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ ถ้าทำศูนย์เหรียญจะเอาไกด์ไทยแท้ๆ เราต้องบอกว่าไม่พอแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องทางเทคนิค เราเองก็ไม่มีใครกล้าไปรับงานแบบนี้ นอกจากเป็นผู้ช่วยทั้งนี้ ไกด์ใหม่ๆ บอกตรงๆ มานั่งเรียนเอาบัตร ก็เตรียมตัวเป็นผู้ช่วยไกด์เสียมากกว่า
อาชีพไกด์ทุกวันนี้อยู่ได้หรือไม่
ไกด์อยู่ได้ แต่ก็ต้องแยกเป็นสองตลาด คือตลาดที่มันแข่งขันอย่างจีน เกาหลี เขาต้องใช้วิธีดึงดูดเพื่อสู้กับต่างชาติในชาติเพื่อนบ้านต่างๆ ด้วยที่ไปดึงกันมา ผู้ประกอบการเขาก็ต้องการอยู่รอด แต่ปัญหาก็คือว่านอกเหนือจากการใช้ไกด์ต่างชาติที่จะมาทำทัวร์เทคนิคแบบนี้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความที่ว่าคนชาติเดียวกันมาตั้งบริษัททำเองเสียอีก เป็นนอมินี ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งผู้ประกอบการ ทั้งไกด์เอง กลายเป็นว่าเป็นคนต่างชาติเสียส่วนใหญ่ แต่ว่าถ้ามองในแง่คนไทยก็ยังได้ ยอมรับให้เป็นไกด์ผู้ช่วย มันเป็นอย่างนี้ ปัญหาศูนย์เหรียญมันเป็นมาตั้งแต่ยุคไหนแล้ว มีมานานแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ต้องคุยตรงไปตรงมาว่าจะเอาอย่างไรกันดี
Comments