top of page
312345.jpg

Lockdown ทั่วโลก ส่งผลถึงหุ้นพลังงาน



บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง รายงานบทวิเคราะห์ Lockdown ปิดประเทศทั่วโลก ส่งผลความต้องการน้ำมันเบนซินลดลง

แม้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากแรงเก็งกำไร แต่ก็จะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น จาก 1. ความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ผลิตน้ำมันของเท็กซัสและซาอุดีอาระเบียเพื่อลดกำลังการผลิต 2. สหรัฐกำหนดห้ามการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียและซาอุดีอาระเบียเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศอาจไม่เกิดขึ้น แม้ว่าสหรัฐจะอ้างความเป็นอิสระด้านพลังงาน แต่ก็นำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบีย 4 ล้านบาร์เรลต่อวันเนื่องจากความต้องการของโรงกลั่นแบบ Complex ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ซาอุดีอาระเบียผสานกับการระบาดรุนแรงของไวรัส COVID-19 ส่งผลความต้องการเชื้อเพลิงดิ่งเหว

ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 2/2563 ความต้องการน้ำมันจะอยู่ระหว่าง 10-20 ล้านบาร์เรล/ วัน เบื้องต้นจำกัดอยู่ที่น้ำมันอากาศยาน (การเดินทางทางอากาศ) แต่จากการที่หลายประเทศมีมาตรการปิดประเทศและส่งเสริมให้ “ทำงานจากที่บ้าน” ความต้องการน้ำมันเบนซินจึงถูกกระทบอย่างหนัก

จากอุปสงค์และอุปทานที่หยุดชะงักทำให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว ตลาดคาดการณ์ราคา Brent ไตรมาส 2/2563 จะอยู่ที่ 25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สงครามราคาระหว่างซาอุฯ-รัสเซียยังคงมีอยู่สะท้อนจากรูเบิลอ่อนค่า 28% ทำให้ภาคพลังงานของรัสเซียได้อานิสงส์

อาจเห็นการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นเนื่องจาก Fed ได้ออกมาตรการ QE แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงอ่อนแอ (PTTEP ใช้ประโยชน์จากน้ำมันดิบมากที่สุด)


สเปรดราคาน้ำมันอากาศยานและน้ำมันเบนซินพลิกเป็นลบ จากการขนส่งทั่วโลกที่หยุดนิ่ง เพราะCovid19 น้ำมันเบนซินมีความเสี่ยงเป็นพิเศษเมื่อราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐตกลงมาที่ 50 c/แกลลอน (เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544) คาดว่าจะเห็นโรงกลั่นน้ำมันในยุโรปและอเมริกาปรับลดอัตราการผลิตอย่างมากเนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงลดลงอย่างมาก


มองข้ามช็อต สเปรดดีเซลอาจถูกกดดันเนื่องจากโรงกลั่นเปลี่ยนทิศทางการผลิตสำหรับอากาศยานไปเป็นดีเซล แนวโน้มอุตสาหกรรมโรงกลั่นจะดีขึ้นเมื่อความกังวลเรื่อง COVID-19 คลี่คลายลง

16 views
bottom of page