top of page
312345.jpg

ไตรมาส 2 เหนื่อย!! ปรับพอร์ตให้ทันการณ์



ณัฏฐะ มหัทธนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย ชี้ประเด็น สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ส่งต่อสู่วิกฤตพลังงาน และวิกฤตอาหาร ซึ่งจะทำให้คนฐานราก โดยเฉพาะคนในประเทศกำลังพัฒนาที่มีความเปราะบางในเรื่องนี้จะแบกรับไม่ได้ กลายเป็นปัญหาสั่นคลอนเสถียรภาพการเมือง ทำให้นักลงทุนจะต้องระวังมากขึ้น สถานการณ์จะไม่หอมหวนเหมือนไตรมาสแรก แนะกำเงินลงทุนต่างแดนในตลาดที่เหมาะสมและกำลังโงหัวดีกว่าลงทุนในไทยที่จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า ระบุตลาดจีนดีที่สุดขณะตลาดสหรัฐกำลังเอาต์


ในไตรมาสแรกของปีมีเรื่องเข้ามามากมาย จนเวลานี้ยังน่าเป็นห่วงมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไม่

นักลงทุนยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ และต้องเตรียมพร้อมปรับทุน ปรับพอร์ต ให้เข้ากับสถานการณ์เรื่องรัสเซีย-ยูเครนมีผลกระทบต่อเนื่องในตลาด มีแนวคิดว่าสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากสหรัฐคว่ำบาตรรัสเซียถึงรัสเซียมีทุนสำรองเยอะก็จริงแต่ถูกฟรีซไว้ทั้งในอเมริกาและยุโรปก็จะมีปัญหาการชำระเงินและมีการเปิดช่องทางค้าขายกับจีนใช้เงินหยวน

จะเห็นว่าก่อนหน้านี้นานพอสมควรแล้วที่ผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญอย่างน้ำมัน แก๊ส สินแร่ 2 รายสำคัญคือ ซาอุฯ กับรัสเซียเริ่มหันไปใช้สกุลอื่นในการชำระเงินนอกเหนือจากดอลลาร์ แนวโน้มที่จะใช้ดอลลาร์น้อยลง ธนาคารกลางสะสมทุนในรูปแบบดอลลาร์น้อยลง แต่เมื่อมีเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ ซึ่งนำไปสู่การคว่ำบาตร ยิ่งทำให้ธนาคารกลาง และเอกชนต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ ถ้าใช้เงินดอลลาร์อยู่ดีๆ แล้วทำอะไรให้สหรัฐไม่พอใจแล้วโดนคว่ำบาตรก็จะลำบากได้ อย่างน้อยต้องกระจายความเสี่ยงให้เงินสกุลอื่นขึ้นมามีบทบาทมากขึ้น

มีการวิเคราะห์ว่า เงินหยวนน่าจะแทนที่ดอลลาร์ได้ ลองดูวงรอบการชำระเงินในตลาดโภคภัณฑ์ตอนนี้เป็นศูนย์กลางของความสนใจเพราะขาดแคลนมากและผู้ส่งออกโภคภัณฑ์กำลังใช้เงินหยวนมากขึ้นในการชำระเงิน การจะขายน้ำมันหรือโภคภัณฑ์ได้ต้องหาที่เก็บและต้องซื้อสินทรัพย์ในสกุลเงินหยวนไปเปิดบัญชีในแบงก์จีน ทำให้ตราสารหรือพันธบัตรจีนน่าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ขณะที่จีนจะมีบทบาทอิทธิพลมากขึ้นในตลาดนี้ เขาเตรียมตัวมาหลายปีแล้วค้าขายแบบนี้ต้องมีสต็อกน้ำมันเยอะมาก ทองแดง ข้าว สินค้าต่างๆ ครบวงจร

ในขณะที่อเมริกาตอนนี้กำลังแก้ปัญหาเงินเฟ้อของตัวเองด้วยการคายสต็อกน้ำมันออกมา 180 ล้านบาร์เรล และเพื่อหวังผลให้ไบเดนได้คะแนนนิยมในการเลือกตั้งปลายปีนี้ พรรคของเขาต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้งทั้ง ส.ส. ส.ว. คะแนนกำลังตกต่ำเพราะเงินเฟ้อ ซึ่งดูแล้วก็ฉาบฉวยเอาน้ำมันออกจากถังรัฐบาลเพราะที่ผ่านมามีเรื่องลดโลกร้อนที่ทำให้ตัวเองนั่งทับน้ำมันอยู่โดยไม่ตั้งใจขุดขึ้นมา เพราะจะขัดขวางกระบวนการลดโลกร้อน จึงเปิดช่องเปลี่ยนแปลงตรงนี้มาก

อย่างแรกคือบทบาทดอลลาร์ลดลงมากและเงินหยวนมีบทบาทมากขึ้น ขณะเดียวกันช่วงเปลี่ยนถ่ายแบบนี้ ทองเข้ามามีอิทธิพลต่อธนาคารกลางให้สะสมทอง จะเห็นว่าเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรง ตลาดก็รับลูกจะขึ้นดอกเบี้ยขั้นละ 0.5% มีการเตรียมทำ QT เป็นภาคย้อนกลับของ QE โดย QT เป็นการดูดเงินออกจากระบบ

ขณะนี้เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน เริ่มมาได้เดือนกว่าเอง และได้เกิดมีไอเดียเข้ามาในตลาดอย่างหนึ่งที่กลับเป็นมุมมองที่ดีขึ้นมา คือ สะสมทองให้มากขึ้น

ส่วนประเด็นบอนด์ยีลด์ สหรัฐ ที่เผชิญความเสี่ยงเงินเฟ้ออย่างมาก แรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับนโยบายเข้มงวด ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น และทำ QT ส่งผลตอบแทนพันธบัตร ระยะยาวต่ำกว่าพันธบัตรระยะสั้น เรียกว่าผิดปกติ เพราะปกติเวลาซื้อพันธบัตรระยะยาวควรจะได้ดอกเบี้ยเยอะกว่าพันธบัตรระยะสั้น แต่ที่กลับข้างกันขึ้นเพราะว่าตลาดส่งสัญญาณในอนาคตข้างหน้าว่าเศรษฐกิจเริ่มถึงปลายทางของรอบ ถึงเวลาที่จะถดถอย สถิติในอดีตก็จะเป็นแบบนี้ Inverted Yield Curve

เปรียบเทียบคือเศรษฐกิจจะเป็นอาการคล้ายกับโรคหวัด มีไข้ 39-40 ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เป็นโควิดแต่ไข้

ตลาดเริ่มมีความเสี่ยงไม่รู้จะถดถอยจริงไหม รู้แค่ว่าเป็นช่วงปลายของวัฏจักรแล้ว ขณะที่นโยบายสนับสนุนไม่ได้มีมาก โดยเฉพาะดอกเบี้ย

อดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์กบอกว่าจริงๆ เฟดตั้งใจทุบหุ้นลงเพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกคนระดับกลางถึงกลางบนที่มีหุ้นเยอะจะรู้สึกจนลงพอรู้สึกจน ก็จะลดการบริโภค ซึ่งจะเป็นการลดเงินเฟ้อทางอ้อม เพราะรอบนี้เขาไม่จำเป็นต้องช่วยคนกลุ่มกลาง-บนมาก แต่ต้องช่วยคนชักหน้าไม่ถึงหลังที่เป็นฐานรากซึ่งเดือดร้อนมากในรอบนี้ เชื่อว่าน่าจะทำแบบนี้ จึงต้องเตรียมตัวว่าหุ้นสหรัฐจะเล่นยาก เล่นได้บาง Sector ต้องหันมาดูว่าประเทศไหนที่เศรษฐกิจไม่ได้เป็นปลายวัฏจักร เป็นแค่ต้นวัฏจักร หรือเคยแย่มาก่อนและกำลังจะดี เพราะตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐเคยดีมากและกำลังจะแย่

เมื่อหันมาดูก็จะเห็นว่ามีจีน ที่ใช่ ... ปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนดีมาก แต่ตอนนี้เศรษฐกิจจีนแย่มากเรียกว่า PMI ต่ำกว่า 50 หดตัวและเพิ่งเกิดโควิดกลับมาซีเรียส มีล็อกดาวน์ที่เซี่ยงไฮ้ เมืองใหญ่สำคัญที่สุดและยังล็อกไม่เลิก หันมาดูนโยบายก็ส่งสัญญาณตั้งแต่เดือนที่แล้วว่าดอกเบี้ยกำลังจะลดต่อ และการลดภาษีนิติบุคคลก็กำลังจะมามีผลต่อกำไรบริษัท และจีนจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ลงทุนใหญ่โตมาก เพื่อดึงเศรษฐกิจที่เคยแย่มากๆ กลับขึ้นไป...ต้องคิดกลับนิดหนึ่งว่าเวลาเศรษฐกิจแย่มากจะยิ่งเป็นโอกาส ต้องดูว่านโยบายว่าจีนเอาจริง เขากดปุ่มแล้วก็ปั๊ม สี จิ้นผิง ก็บอกว่าโควิดต้องคุม แต่ต้องดูแลเศรษฐกิจด้วย

ตอนนี้ก็เน้นหุ้นจีนน่าจะดีกว่าหุ้นสหรัฐ การลงทุนในสหรัฐพอได้แล้ว

การเลือกลงทุนก็หากลุ่มที่เกี่ยวข้องเกษตรและอาหาร ก็ลองดูนับจากไตรมาสนี้ไปเริ่มเห็นข่าวพาดหัวเยอะแยะว่าจะมีวิกฤตราคาอาหาร เริ่มมีความวุ่นวายในศรีลังกา เปรู ลุกฮือขึ้นมาเพราะเงินเฟ้อกระทบราคาอาหาร ราคาปุ๋ยทั่วไปหมด มีผลจากสงคราม อะไรที่ขาดแคลนอยู่แล้วมันหนักขึ้น

ดังนั้นวิกฤตอาหารจะเป็นธีมที่ใช้ในไตรมาสนี้ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ของโลกอย่างอเมริกายุโรปจะเป็นขาลงแล้ว สิ่งจำเป็นที่สุดเป็นเรื่องอาหารและเกษตร ซึ่งก็มีกองทุนที่เกี่ยวข้องอยู่เหมือนกัน

มีอาหารและเกษตรเป็นระดับหุ้นโลก และเฮลท์แคร์ ตอนนี้เริ่มดี เริ่มเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าลงทุนในจีนเอาทั้งหุ้นและตราสารหนี้ รับแนวโน้มการใช้สกุลเงินหยวนมากขึ้น ในส่วนหุ้นจีนเป็นเรื่องราววัฏจักรเศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัว สวนทางอเมริกาและยุโรป การลงทุนในหุ้นต้องลงทุนในตลาดที่เป็นเศรษฐกิจผ่านฟ้าหลังฝนจะดีกว่า อีกอย่างคือทองคำดีขึ้นมาก ทองเป็นสินทรัพย์ที่ควรจะมีไว้ในพอร์ตระยะยาวและมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ใช่สงครามสงบแล้วทองจะแย่ เพราะผลจากการแซงชั่นและทองจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อพอร์ตการลงทุนระยะถัดไป ตอนนี้ราคาดีมากถ้าจะซื้อสะสมเข้ามา

ส่วนคริปโต..ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผมจะดูความเห็นของคนทั่วๆ ไป ทำให้เชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้ามันอยู่รอดต่อไปมันจะมีประโยชน์ อย่างที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าระหว่างทองกับบิตคอยน์ บิตคอยน์จะทำหน้าที่ได้ดีเวลาคนกลัวเงินเฟ้อ หลังๆ มานี้ทองไม่ค่อยดี แต่บิตคอยน์ดี เวลาคนกลัวเงินเฟ้อบิตคอยน์จะขึ้น

แต่บิตคอยน์จะลงตามหุ้น อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนไม่ใช่บิตคอยน์แต่เป็นทองคำ


ระหว่างการลงทุนในประเทศกับต่างประเทศให้น้ำหนักอย่างไร

สมมติมีอยู่ 100 โอกาสจากการลงทุนในประเทศมีเสี้ยวเดียว การลงทุนในภาพรวมต้องมองแบบ global การลงทุนในประเทศไทย หุ้นไทย พันธบัตรไทยเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนทั่วโลก ตอนนี้ความน่าสนใจสำหรับไทยอยู่ในระดับกลางๆ แต่ Fund Flow ยังไหลเข้าเอเชีย และอาเซียน อย่างไรก็ตามเริ่มมีความกังวลวิกฤตอาหารจึงต้องระวังการลงทุนในบางประเทศ ประเทศกำลังพัฒนาจะทนต่อเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้ เราอาจจะไปลงทุนประเทศที่ใหญ่ๆ หน่อย เช่น จีน ที่นอกเหนือจากวัฏจักรเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มเป็นขาขึ้น แล้วจีนยังเตรียมความพร้อมมาดี เขามีการเตรียมการไว้นานแล้ว


สัญญาณนักลงทุนต่างชาติที่ที่เข้ามาไทยในไตรมาส 1 ซื้อหุ้นสุทธิกว่า 114,000 ล้านบาท เป็นสัญญาณอะไร

ไตรมาสแรกเป็นไตรมาสที่เริงร่า โดดเด่นมากในอาเซียน แถวเอเชีย อันนี้มันเกี่ยวกับเฟดโดยตรงเลย คือเขาขึ้นดอกเบี้ยเขาเข้มงวดการเงิน แต่กว่าเขาจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนี่รัวกลองมานานเลย แล้วพอขึ้นก็ขึ้นแค่สลึงเดียว แบบนี้ทำให้เฟดวิ่งไล่เงินเฟ้อไม่ทัน ทำให้เงินโถมเข้ามาในที่ดอกเบี้ยแท้จริงมันสูงกว่ามาถึงตอนนี้เฟดก็บอกว่าจะเร่งเครื่องขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันเงินเฟ้อ

กรณีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนี้มาซัพพอร์ต ทำให้เงินไหลเข้าเอเชีย ไหลเข้าอาเซียนอยู่ แต่อย่างที่ผมบอกว่า กำลังมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดกำลังพัฒนาประเทศที่ยังไม่แข็งแรงมาก โดยเฉพาะภาพรวมวิกฤตอาหารเพราะคนที่เป็นฐานรากจะเดือดร้อน และสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมือง ในไตรมาส 2 ผมเห็นชัดเจนว่าวิกฤตอาหารจะถูกพูดมากขึ้น คิดว่านักลงทุนจะต้องระวังมากขึ้น สถานการณ์จะไม่หอมหวนเหมือนไตรมาสแรก

14 views
bottom of page