top of page
312345.jpg

1,620 : แนวต้านสำคัญ...แนะนักลงทุนปรับพอร์ตทุก 2 เดือน


ธนากร มนูญผล รองกรรมการผู้อำนวยการ หน่วยงาน Group Investment บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปักหมุดหุ้นไทย 1,620 คือแนวสำคัญที่จะเป็นจุดขายลดพอร์ตการลงทุนเหลือ 50% ระบุไทยรับอานิสงส์เงินไหลเข้าแบบชั่วคราวจากกรณีการหยั่งเชิงดูผลการลด QE ของเฟด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยเรื่องโควิดที่ยังต้องระวังอยู่ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไม่สวยงาม พร้อมกันนี้ไม่แนะนำให้ลงทุนทองคำที่จะได้ไม่คุ้มเสีย


จังหวะแบบนี้ซื้อหุ้นอะไรดี

ที่ผ่านมาผมมีคุยในรายการวิทยุเซียนเศรษฐกิจ แนะนำให้เข้าซื้อตอนดัชนี 1,500 กว่าๆ ตอนนั้นก็เป็นจังหวะหุ้นลงพอดี เป็นจังหวะดี ตอนนี้ก็วิ่งกลับขึ้นมา 1,600 จนได้

ทีนี้ต่อจากนี้จะอย่างไร...เราดูปัจจัย เริ่มจากการเมืองอเมริกา ซึ่งจริงๆ มี 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ มีเรื่องของอัฟกานิสถาน เกี่ยวข้องกับโลกการลงทุนเหมือนกันเพราะจะเชื่อมโยงถึง โจ ไบเดน เหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่สนามบินล่าสุด ทำให้คะแนนเสียงของ โจ ไบเดน ลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เลือกตั้งมา แต่ขณะเดียวกัน โจ ไบเดน ก็ออกแถลงเหมือนมีการตอบโต้ ซึ่งก็มีการตอบโต้การก่อความรุนแรงในอัฟกานิสถานแล้วบางส่วน เรื่องนี้เกี่ยวข้อง 2 ส่วนอย่างแรกคะแนนเสียงตก สองคือราคาน้ำมันเป็นช่วงลงมาก็มีการกระตุกขึ้นมา

เรื่องที่สอง คือเรื่องโควิด เรื่องการเมืองมาประกอบกับสถานการณ์โควิด พอมีเดลตามา จากที่

สถานการณ์เหมือนจะเปิดประเทศก็มีหลายรัฐกลับมาให้ใส่หน้ากากกันอีก มีการประกาศ social distancing ซึ่งรัฐหนึ่งที่ชัดเจน คือ รัฐไวโอมิง เป็นรัฐที่มีการประชุมเฟดที่แจ็กสัน โฮล ในวันที่ 26-28 สิงหาคม กลายเป็นว่าทำให้ตลาดที่มีการคาดหวังก่อนที่จะมีผลประชุมที่แจ็กสัน โฮล ประกาศในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคมว่าออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งก่อนการประชุมทุกคนเห็นตรงแล้วว่าท่าทางประธานเฟด พาวเวลน่าจะไม่รุนแรงไม่เร่งอะไร ผลออกมาเรื่องลดปริมาณการอัดฉีดเงินเข้าระบบ หรือ QE และขึ้นดอกเบี้ยปรากฏว่าเป็นเชิงบวก คือ เขาก็บอกว่าการทยอยลด QE ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย เพราะเรื่องโควิดก็ยังไม่แน่นอน โควิดสายพันธุ์เดลตากระทบดัชนี PMI การผลิตยังไม่ดูดีขึ้น ถึงแม้การจ้างงานจะดูดี

ผมมองเรื่องเฟด ที่แจ็กสัน โฮลเป็นเรื่องเชิงบวก ขณะเดียวตัวเลขตัวหนึ่งที่น่าสนใจ คือตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเฟดมีการปั๊มเงินออกมาผ่าน QE 1 ล้านล้านดอลลาร์แต่ยังมีอีกตลาดหนึ่งที่เฟดดึงเงินกลับไป 1.147 ล้านล้านดอลลาร์ หมายความว่าปัจจุบันประธานเฟดไม่ได้แสดงท่าทีรีบลด QE อะไรมากมายจริงๆ เขากำลังดึงสภาพคล่องออกจากระบบอยู่แต่ทำแบบเงียบๆ รับซื้อคืนพันธบัตรก่อนที่จะปล่อยออกไป เราเห็นเกมว่าจริงๆ เฟดมีท่าทางจะลดจริงแต่เป็นการประคองตลาดให้ตลาดหุ้นอเมริกาทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง

ทำ record high ซึ่งเรายังเชื่อว่าจุดนี้ไปถึงก่อนการประชุมเฟดที่จะมีอีกในรอบปีนี้คือวันที่ 21 กันยายนนี้และ 3 พฤศจิกายน เราเชื่อว่าก่อนเดือนพฤศจิกายนตลาดหุ้นจะยังคงสดใส

บวกกับจีนน่าจะดีขึ้น เดือนที่แล้วจีนโดนรัฐบาลคุมเข้มหนักเรื่องธุรกิจผูกขาดทำให้ดัชนีหุ้น MSCI China เทียบกับ MSCI world ปรากฏว่าสัดส่วนราคาหุ้นของจีนปรับตัวเทียบกับดัชนีโลกต่ำสุดในรอบ 15 ปี หลังจากตลาดจีนโดนกดดันหนักผมคิดว่าทางการจีนจะชะลอในการกดดันภาคธุรกิจ เพราะแบงก์ชาติออกมาสนับสนุนให้คำมั่นสัญญาจะขยายตลาดเครดิต จะเร่งการปล่อยกู้กระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบหนึ่ง

ผมคิดว่า 2 ประเทศใหญ่น่าจะเป็นเชิงบวกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ ผมว่าตลาดหุ้นที่เรามองสนใจฝั่งจีน อินเดีย มากขึ้น

ทีนี้กลับมาที่ประเทศไทย มี 2-3 เรื่อง เรื่องแรกตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้คงไม่ได้ดี ต้องยอมรับว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนไม่ดี แต่ตอนนี้มีเรื่องที่มีผลมาจากเมืองนอก ที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทไทยที่ผันผวน คือ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทำให้ค่าเงินบาทจากที่อ่อนในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคมลงไปที่ 33 บาท ซึ่งอ่อนมากๆ กลับแข็งค่าขึ้นอย่างเร็วมากในช่วงส่งท้ายเดือนสิงหาคม วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ค่าเงินบาทกลับแข็งค่ามาที่ 32.7 บาทต่อดอลลาร์...มันสะท้อนว่า fund flow จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยซึ่งมันเริ่มกลับเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทำให้หุ้นเด้งกลับจาก 1,500 ขึ้นมาเร็วมากเป็น 1,600

ผมมองรอบนี้ตอนนี้เราควรเก็บหุ้นในมือพอสมควร จากรอบที่แล้วมี 70-80% ของพอร์ต ผมมองว่ารอบนี้การขึ้นไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์ติดเชื้อที่ยังมีอยู่แต่ทิศทางดีขึ้น เริ่มเห็นตัวเลขลดต่ำลงแต่ยังอยู่ระดับสูงหลักหมื่นกว่า และตัวเลขการเสียชีวิตหลักร้อย ผมว่ายังน่าเป็นห่วงอยู่ แต่ทิศทางรัฐบาลเริ่มมีการคลายล็อกก็เป็นเชิงบวก ดังนั้นผมคิดว่าแนวต้านหุ้นสำคัญรอบนี้อยู่ที่ 1,620 จุด

จะเห็นว่าปีนี้เป็นการแนะนำแบบแทคติก 2 เดือนปรับพอร์ตทีหนึ่ง ผมมองว่าถ้าขึ้นเกิน 1,620 จุด เป็นจุดที่ดีในการเทคโพรฟิต ขายออกมาก่อน ตอนนั้นพอร์ตหุ้นไทยจากที่ถือ 70-80% ก็ลดลงมาถือแค่ 50% พอ

ทั้งนี้จากจุดนี้คิดว่าหุ้นที่น่าจะไปต่อได้มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพลังงาน เรียกว่าปรับลงมาพอสมควรในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้มีความตึงเครียดในอัฟกานิสถาน เรื่องเงินที่ไหลเข้าจะมา บวกกับตลาดพลังงาน ถูก sale off มาเยอะ คิดว่ากลุ่มพลังงานในตลาดไทยน่าจะเป็นตัวนำพาตลาดขึ้นไปสู่ 1,620 จุดได้ เป็นกลุ่มหนึ่งที่เราน่าจะเก็บแล้วปล่อยขายตอนดัชนีเกิน 1,620 กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มเปิดเมือง ตอนแรกมีการเลื่อนคลายล็อกมา 2-3 ที กลุ่มที่เหมือนจะขึ้น รอบนี้น่าสนใจคิดว่าน่าจะเข้าไปได้ในหุ้นพวกร้านอาหาร โรงแรม เราจะเล่นรอบได้ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ขึ้นมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา คือ กลุ่มส่งออก เช่น ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไปก่อนหน้านี้ แต่ช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีแรง sale off เพราะผมเชื่อว่าการเข้าของ fund flow จะไม่ได้เข้ามาระยะยาว เชื่อว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วน่าจะกลับไปที่เดิม เพราะปัจจัยฝั่งประเทศเรายังไม่เอื้อ ถ้าค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าและกลุ่มส่งออกปรับตัวลง คิดว่าเป็นจังหวะเข้าไปซื้อเช่นกัน

อีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่ม infrastructure fund จ่าย yield สูงๆ เริ่มกลับมาน่าสนใจเพราะช่วงที่ผ่านมาหลังจากดอกเบี้ยขึ้นมากลุ่มนี้ถูกขายออกมาปรับตัวลดลงมาเยอะ yield ที่จ่ายเทียบกับราคาตอนนี้อยู่ในระดับน่าสนใจ อันนี้มองในระดับถือข้ามปีได้ก็ให้แบ่งเงินมาลงทุนไม่เกิน 20% ของพอร์ต เอาเงินมาใส่ตรงนี้ถือเป็นระยะยาวไป เพราะระดับราคาลงมาน่าสนใจมาก


มองหุ้นกลุ่มแบงก์อย่างไร เป็นอาหารจานหลักที่แบงก์ชาติ ดูแลอย่างดีน่าจะตามเข้าไปซื้อหุ้นแบงก์หรือไม่

จริงๆ หุ้นแบงก์ปรับตัวขึ้นมาเร็วแล้ว รอบนี้กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นมา 10% กว่าแล้ว ผมคิดว่าธนาคารมี 2 มุมที่น่าสนใจยังสามารถลงทุนต่อได้ ถ้าเงิน fund flow ไหลจากเมืองนอกเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้เชื่อว่ากลุ่มพลังงาน กับกลุ่มธนาคาร จะเป็นตัวที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาก่อนก็จะได้รับอานิสงส์ในช่วงนี้ด้วย แต่ก็แนะนำขายทำกำไรเมื่อดัชนีเกิน 1,620 จุดขึ้นไป

ผมคิดว่าในเชิงสถิติ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีสิทธิ์เด้งไปที่ 1,640 แต่ไม่น่าจะยืนได้ น่าจะไหลลงมา สุดท้ายเราเลี่ยงไม่ได้ว่าธนาคารกลางสุดท้ายจะทยอยดึงเงินออกจากระบบ สิ่งที่คุยอยู่ตอนนี้เพียงแค่เป็นการชะลอออกไปเท่านั้นเอง


มองทองคำอย่างไร

คิดว่าผันผวน ยังไม่น่าสนใจ ราคาทองคำถึงแม้จะเด้งกลับมา 1,800 กว่าดอลลาร์ ในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเห็นว่าโอกาสในการเล่นสั้นมาก ความผันผวนสูงเกินไปไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะทองคำจะผันผวนตามเงินเฟ้อและทิศทางของธนาคารกลางและค่าเงินสกุลดอลลาร์เป็นหลัก ซึ่งจะเห็นว่าทิศทาง 3 ส่วนนี้เปลี่ยนไปเร็วมากในแต่ละเดือน ดังนั้นอยู่ในฝั่งหุ้นเป็นการเล่นสลับ คือ หุ้นสลับกับเงินสด เราใช้กลยุทธ์ตรงนี้น่าจะเหมาะสมกว่าการกระจายไปฝั่งทองคำ


กองทุนหุ้นทั้งหลายควรเข้าไปไหม

หุ้นกลุ่มกองทุนที่น่าสนใจ คือ กลุ่มจีน และตลาด emerging market ที่ถูกเทขายออกมาระดับเมื่อเทียบกับตลาดโลกแล้วต่ำสุดในรอบ 15 ปีของจีนมันลงเร็วมาก

56 views
bottom of page