top of page
312345.jpg

ขายหุ้นเล็กรอซื้อ SET 1,550...หลีกเลี่ยง 'ทองคำ' ความเสี่ยงสูง!


Interview : คุณธนากร มนูญผล

รองกรรมการผู้อำนวยการ Group Investment

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)


ความผันผวนตลาดหุ้นอเมริกาและการระบาดของโควิด-19 ในไทยที่รุนแรงต่อเนื่อง เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจน ระวังการปรับฐานและเหตุไม่คาดคิด แนะกลยุทธ์...ขายหุ้นตัวเล็ก เตรียมเงินไว้ทยอยซื้อหุ้นตัวใหญ่สะสมในจังหวะขาลงที่ 1,550 จุด เน้นลงทุนระยะสั้น 80% ของพอร์ต จากนั้นทยอยขายเมื่อดัชนีแตะ 1,600 จุด สำหรับเดือน ก.ค.ควรถือเงินสด 30-40% รอจนดัชนี 1,550 จุดให้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 70-80% ส่วนทองคำช่วงนี้ต้องหลีกเลี่ยงไว้ก่อน เพราะความผันผวนมากเกินรับมือ


ช่วงหุ้นอเมริกาตก เฟดส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ตื่นเต้นตกใจกับเรื่องนี้ไหม

ผมต้องบอกว่าไม่ตื่นเต้นด้วย ถ้าย้อนกลับไปที่คุยเมื่อต้นปีเรื่องแรกเรื่องเงินเฟ้อ ถ้ามันขึ้นติดต่อกันระยะนึง สุดท้ายแบงก์ชาติหยุดไม่ได้ อย่างไรก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม แต่ผมอยากให้มองอีกด้านนึงว่าการขึ้นดอกเบี้ยเกิดขึ้นเพราะเศรษฐกิจมันดี ไม่ใช่จากเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าดูเศรษฐกิจอเมริกาอย่างตัวเลขการจ้างงานดี ตัวเลขยอดการขายบ้านก็ดี เงินเฟ้อขึ้นมาตลอดทาง ตลาดหุ้นก็ตอบโจทย์ขึ้นมาเรื่อยๆ หุ้นไทยตอนต้นปีที่ปลายปียังมีโควิดอยู่ซึ่งไหลมาจาก 1,500 กว่ามาทำ high 1,640 หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณ แต่อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผมย้อนกลับไปดูตั้งแต่ปี 2008 ตลาดอารมณ์คนละแบบ เราเจอการลดความช่วยเหลือ 5 รอบ ซึ่งแต่ละรอบหุ้นตกช่วงระหว่างปี ไปดูสถิติย้อนหลังมีลงไปลึกอยู่ช่วงนึงประมาณ 15% แต่ใน 5 ปีที่เกิดขึ้นตลาดหุ้นครึ่งปีจะปรับบวก

ผมยังมองว่าเมื่อปรับดอกเบี้ยขึ้นหุ้นกลุ่มแรกกลุ่มเศรษฐกิจ physical ตอนเปิดตัวจะสะท้อนกับภาพใหญ่ ตั้งแต่เฟดประกาศออกมา Dow Jones ปรับลดลงมาเรื่อยๆ สวนทางกับ Nasdaq เพราะ Dow Jones มีหุ้นกลุ่ม physical ค่อนข้างเยอะกว่า สิ่งที่เราคาดหวังจะเห็นการหมุนเงินของการเปลี่ยนกลุ่มเล่น หุ้นกลุ่ม physical จะถูกทิ้งออกมา กลุ่มหุ้น commodity น้ำมัน ทองคำ จะปรับตัวลดลงมา

คนก็ถามแล้วจะไปทางไหน ภาพที่เห็นชัดเลยคือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นกลุ่มไอทีที่ถูกเทขายออกมาเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ตอนนั้นมีการพูดถึงเงินเฟ้อแต่ยังไม่หนักแน่นเท่าความคาดหวังว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น เพราะตอนนั้นโควิดยังหนักเรื่อยๆ ดอกเบี้ยขาขึ้น วัคซีนไหลเข้าตลาดเรื่อยๆ เงินเฟ้อมา ดอกเบี้ยมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีน่าจะกลับมา มันเป็นภาพสะท้อนใน fund flow เป็นสัญลักษณ์ QQQ 3 ตัว มันเป็นตัวเทรนด์ของ fund flow เมืองนอกว่ากระแสเงินทุนจะไหลเข้าเมื่อไหร่ QQQ จะสะท้อนได้เลยว่ามันจะไหลหลังจากเฟดเริ่มประกาศ เงินก็ไหลกลับ ทำให้ Nasdaq ปรับตัวสูงขึ้น


ถ้าเป็นอย่างนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย

เมื่อสภาพเมืองนอกเป็นประมาณนี้ ตลาดหุ้นไทยก็จะมีการปรับฐานลงมา ก็ต้องระวังตัวไว้ เรื่องพื้นฐานคงไม่ต้องพูดถึง เชื่อว่าตลาดไทยมองข้ามไปเรียบร้อย ทุกคนมองไปประเด็นที่ว่าเศรษฐกิจเราจะโตเมื่อไหร่สถานการณ์จะกลับมาปกติเมื่อไหร่ จริงๆ ถ้าดูตัวเลขการติดเชื้อก็ไม่ได้ลดลง ยังเป็นหลักพันคนทุกวัน แต่ concern ตลาดที่เป็นบวกขึ้นมา คือเรื่องของเชื้อเดลตาที่เกิดขึ้น หุ้นไทยจะเจออะไรแน่นอน เช่นมีการปรับฐานแต่กลยุทธ์จะมี 2 ขั้น ขั้นแรกคือหุ้นกับเงินสด ผมว่าตอนนี้หุ้นที่ขึ้นมาเป็นหุ้นกลุ่มแรกแต่ถ้าเราดู SET Index ขึ้นมาตอนนี้ หมายความว่า หุ้นตัวเล็กทางนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอยู่ ยังไม่ได้ไหลกลับเข้ามาในรอบที่ผ่านมา หุ้นส่วนใหญ่ยังโดนกดดันต่อ ผมมองว่ารอบนี้หุ้นน่าจะปรับตัวลงมาได้อีก น่าจะโดนหุ้นตัวใหญ่กดดันจากราคาที่ลดลงมา ก็เป็นโอกาสซื้อสะสม คิดว่าน่าจะเป็นจังหวะดีที่ขายหุ้นตัวเล็กออกแล้วค่อยๆ ทยอยสะสมหุ้นใหญ่ เมื่อตลาดหุ้นได้เห็น 1,550 จุดลงมาถือว่าเป็นจุดที่น่าสะสม


ยังไม่ถึงภาพฟองสบู่แตกเหมือนตอนนี้ที่คนบอกเกิดแล้วในคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆ ระวังจะเกิดในทองคำกับตลาดหุ้นด้วย

ผมว่าทองคำวิ่งทำปัจจัยรอบด้าน ดอกเบี้ยขึ้น เงินเฟ้อขึ้น ซึ่งทองคำปรับขึ้นมา แต่พอทองคำขึ้นมาพร้อมความผันผวน พอมันวิ่งไปแถว 1,900 พอดอกเบี้ยเปลี่ยนทาง ขึ้นแล้วมันหันหัวลงเลย ทำให้ทองคำเริ่มถอย คิดว่าโอกาสเกิดฟองสบู่ยังอยู่ในสภาวะที่ยังไว้ใจสถานการณ์มากไม่ได้ ด้วยตลาดหุ้นมันตึงตัวตลอดทางทำให้การคาดหวังการ manage นโยบายทางการเงินของแบงก์ชาติใหญ่ๆ

ดังนั้นสิ่งที่เรายังรักษาอยู่ว่าทุกๆ รอบที่เราหมุนเล่นกลุ่มให้เราเน้นเล่นระยะสั้น 80% หมุนออกเก็บกำไรอยู่ในมือ แต่พอขึ้นมา 1,600 กว่าทยอยขายออก ผมว่าความผันผวนเข้าทำให้เราเทรดได้ ถามว่าการลงทุน ณ จุดนี้ระยะยาวยังไม่เหมาะสม ผมว่ายังไว้ใจสถานการณ์ไม่ได้


อย่างที่นายกฯบอก 120 วันจะเปิดประเทศจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน

จริงๆ วันที่ประกาศหุ้นขึ้นเลย แต่พอออกมาพูดอีกครั้งก็กระทบ ผมว่าเรื่องการเปิดประเทศเป็นเรื่องที่ดี แต่ผมอยากให้ย้อนกลับไปดูความจริงว่าเราจะเปิดด้วย condition อะไร อย่างแรกก่อนที่จะเปิดประเทศถ้าตัวเลขติดเชื้อยังลดไม่ได้อย่างน้อยการกระจายฉีดวัคซีนต้องดีขึ้น แม้ว่าระหว่างทางจะบอกว่ามีการเลื่อนฉีดวัคซีนแต่การกระจายวัคซีนต้องเยอะขึ้นเรื่อยๆ

หุ้นที่ผ่านมาก่อนเหตุวัคซีนชะลอไปหุ้นกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ปรับขึ้นมาแล้ว ผมว่าตอนนี้ปรับขึ้นมาถือเป็นโอกาสที่ return ได้พอสมควร เป็นจุดที่น่าจะ turn ออกไป take profit ออกมา เช่นถ้าเปิดประเทศกลุ่มที่จะถูกกดดันน่าจะเป็นกลุ่มน้ำมัน กลุ่มธนาคาร เป็น 2 กลุ่มที่ผูกกับ fund flow เมืองนอก อีกกลุ่มน่าจะถูกกดดันต่อปรับลงมาคู่กับการบริโภคอย่างซ่อมบ้าน เมื่อเศรษฐกิจกลับมาเปิดอีกครั้งตัวเลขยอดขายกลุ่มนี้น่าจะลดลง คือตอนนี้เราไปโฟกัสหุ้นที่มี growth story ดี แต่ที่ราคาเหมาะสมเพราะตอนนี้ไม่ใช่สภาวะที่หุ้นถูกกันเต็มตลาด ระบบปล่อยเมื่อไหร่เราเก็บได้ มันเป็นกลุ่มที่ต้องดูราคากับสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์ดีทุกเดือนผมว่าช่วงสิ้นปีมีโอกาสหมุนรอบได้ทุกเดือน เดี๋ยวดอกเบี้ยขึ้น หุ้นปรับลงมา เราไปหาหุ้นกลุ่มที่อิงกับ fund flow ชุดใหญ่จากเมืองนอกหุ้นกลุ่มใหญ่ และพอเปิดประเทศทุนใหญ่จะกลับเข้ามา หุ้นใหญ่ยกขึ้น หุ้นตัวเล็กอาจจะลด แต่ต้องดูผลกำไรที่เติบโตอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับปีที่แล้วก็จะอยู่ในมูลค่าที่เหมาะสม ผมว่ามีให้เล่นอีก 2-3 รอบได้ในปีนี้


ช่วยสรุป 6 เดือนหลังของ 2564 ว่าควรจะใช้ยุทธศาสตร์อะไร

แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกตั้งแต่เดือนนี้ถึงเดือนหน้าผมว่าเป็นช่วงที่น่าจะใช้ profit ถือเงินสดเยอะหน่อย 30-40% พอมีหุ้นปรับตัวลดลงตามเมืองนอกที่ 1,550 ซึ่งคนบอกอีกตั้งหลายสิบจุดแต่จริงๆ ก็ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่เจอกับข่าวร้ายมากระทบก็ดึงลงมาแล้ว ผมว่าตรงนั้นน่าจะเพิ่มตามสัดส่วนถือหุ้นกลับเข้าไปที่ 70-80% อีกรอบนึง

ต้องบอกว่าในภาวะที่ดอกเบี้ยขึ้นผมไม่แนะนำตัวตราสารหนี้ทั้งหลายแล้ว พอภาวะดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นเป็นช่วงติดลบของตราสารหนี้


เรื่องสุดท้ายอย่าเพิ่งตกใจในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟด คืองดการช่วยเหลือ ที่ผ่านมาเฟดเพิ่มเม็ดเงินช่วยเหลือ สมมติเพิ่มเป็น 100 ลดเหลือ 90 เหลือ 80 ซึ่งมันคนละเรื่องกับการลดงบดุลของเฟด มันคนละส่วนกัน เขาลดการช่วยเหลือไม่ได้ลดงบดุล มันเป็นแค่ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นแล้วมีคนตกใจ แต่อย่าเพิ่งตกใจ ก็เป็นจังหวะดีในการเก็บหุ้นตัวใหญ่ที่อ้างอิงกับเมืองนอก เป็นจังหวะที่ปิดหุ้นตัวเล็กออกมาแล้วไปเพิ่มในช่วง 1,550 จุดอีกรอบนึง และตัวของทองคำคงต้องหลีกเลี่ยงก่อนเพราะความผันผวนน่าจะเยอะ


130 views
bottom of page