top of page
312345.jpg

เงิน 'กองทุนน้ำมัน' ลดฮวบฮาบ...เหตุน้ำมันไทยแพงเกิน



ราคาน้ำมันในไทยที่ปรับตัวสูงพุ่งพรวดมาจากราคาในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาน้ำมันยิ่งสูงขึ้นไปอีก แต่ กมธ.พลังงานวุฒิสภาไม่ตัดประเด็นเรื่องค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันที่มีค่าการตลาดน้ำมันบางชนิดสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มสูงกว่าที่ควรจะเป็น พร้อมแจง...เงินกองทุนน้ำมันที่ใช้ชดเชยราคาเพื่อลดภาระผู้ใช้น้ำมัน เริ่มร่อยหรออย่างน่าตกใจ จากที่เคยมี 8-9 หมื่นล้าน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงหมื่นกว่าล้านเท่านั้น มั่นใจ...ราคาน้ำมันขาขึ้นครั้งนี้จะเป็นการขึ้นชั่วคราว จากเหตุการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิดและการเดินทางที่กลับมามากขึ้นจนดีมานด์มากกว่าซัพพลาย


Interview : คุณเจน นำชัยศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา


มองสถานการณ์ราคาน้ำมันตอนนี้อย่างไร

เหมือนกับหลายท่านว่าทำไมราคาถึงขึ้นเร็วขึ้นแรง ซึ่งในคณะกรรมาธิการพลังงานก็มีการพูดคุยกัน โดยเฉพาะทางอนุกรรมาธิการชุดธรรมชาติก็มีการพูดคุยกัน แต่คงไม่พูดคุยเพียงอย่างเดียว จะต้องหาข้อมูล หาอะไรมาประกอบ เพื่อที่จะดูว่าข้อกล่าวหาที่คิดกันมันเป็นตามนี้หรือไม่ และถ้ามันเป็นจริงตามนี้ ก็ไม่เป็นความยุติธรรมสำหรับผู้บริโภค


ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นส่วนหนึ่ง เพราะราคาในตลาดโลกปรับแรง แต่อีกส่วนผู้บริโภคมองปตท.ว่าเวลาขึ้นทำไมขึ้นทันที แต่เวลาลงทำไมลงช้า และยังมองว่าปตท.ทั้งเครือกำไรเยอะมาก ทางคณะกรรมาธิการพลังงานเข้าไปดูเรื่องนี้อย่างไร

คือถ้าจะบอกว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร คงต้องเอาข้อมูลมาพิสูจน์กัน มายืนยันกัน ซึ่งสาเหตุเราก็ดูอยู่อย่างที่กล่าวมา คือเรื่องเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่า ขณะเดียวกันค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอ่อนกว่าค่าเงินดอลลาร์อีก อ่อนกว่าประมาณ 10% และเป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำมันขุดในไทย ทำไมต้องอ่อนตามค่าเงิน แต่ความจริงน้ำมันที่ขุดในไทย มีแค่ประมาณ 5% ของที่เราใช้กันอยู่ ฉะนั้นอีก 95% เป็นการนำเข้าทั้งนั้น ซึ่งน้ำมันพวกนี้ เราต้องเอาเงินบาทไปแลกมา พอเงินบาทอ่อนค่าก็แน่นอนว่าต้องเอาเงินบาทมากขึ้นไปแลกมา ราคาก็แพงขึ้น

เราก็ไปดูว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นมามันมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ส่วนประกอบหลักๆ ในบ้านเราจะมีด้วยกัน 3 ส่วน คือ


1. ตัวราคาน้ำมัน ตรงนี้จะเป็นที่ทราบกันดีว่าเงินบาทอ่อนค่าลง ราคาจึงสูงขึ้น

2. อย่าลืมว่าบ้านเราใช้ตัวน้ำมันชีวภาพเข้ามาผสม ซึ่งจะมีดีเซลและไบโอดีเซลที่มาจากปาล์ม และถ้าเป็นเบนซินจะมีพวกเอทานอลเข้ามาผสม แก๊ซโซฮอล์มาผสมจะเป็นแก๊สโซฮอล์ ตัวนี้ต้องบอกว่า น้ำมันชีวภาพที่เราเอามาผสมมันแพงกว่าน้ำมันอีก ช่วงที่ผ่านมาราคามันสูงกว่าน้ำมันอีก เราก็บอกว่าบนพื้นฐานของราคาผลผลิตทางพืชไร่ไม่ว่าจะเป็นปาล์ม มันสำปะหลัง อ้อย เราใช้ต้นทุนเท่านี้ เสร็จแล้วก็บวกราคาผลิตตอนแปรสภาพ ตรงนี้ออกมาสูตรตัวนี้ มันก็ทำให้ราคาแพงกว่า ถ้าเราไปดูตารางของทาง สพช. จะเห็นว่า น้ำมันยูอาร์จีที่เป็นน้ำมันล้วนๆ ราคาจะถูกกว่าน้ำมันที่เราผสมตัวเอทานอลเข้าไป ราคาจะถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ ตรงนี้แสดงว่าในการที่เราผสมเข้าไปมันทำให้ต้นทุนแพงขึ้น แสดงถึงว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพที่เราเติมเข้าไปมันทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่า ตรงนี้หลายคนบอกว่า จะมานับได้อย่างไร เพราะไม่ได้เอาชาวไร่ชาวสวนของเราเข้าไปอยู่ ส่วนนั้นเราก็ไม่ได้ว่ากัน ก็จะเป็นสาเหตุอันหนึ่งที่ราคาสูงกว่า

3. เรื่องสัดส่วนการผสม ตรงนี้ก็ต้องไปดูสูตร พอเราทราบอย่างนี้ สัดส่วนที่ผสมยิ่งผสมเชื้อเพลิงชีวภาพมากมันก็ยิ่งแพง เพราะราคาเชื้อเพลิงชีวภาพจะแพงกว่าราคาน้ำมันปิโตรเลียม

สิ่งที่เราดูแล้วน่าสนใจก็คือ แน่นอนเงินกองทุนที่เข้ามาอุดหนุนอยู่ E20 กับ E85 โดย E20 มีการสนับสนุนอยู่ 2.28 บาทต่อลิตร ส่วน E85 หนุนอยู่ถึง 7.13 บาทต่อลิตร สำหรับเงินกองทุนจะมาจากเงินที่เราไปเก็บมาจากน้ำมันเบนซินที่ไม่ใช่แก๊สโซฮอล์ ที่เป็นเบนซินจริงๆ ตรงนั้นเราเก็บเขามาถึง 6.58 บาทต่อลิตร เอามาจ่ายชดเชยตรงนี้ ก็เป็นการบอกว่าเราจะสนับสนุน เพราะเราบอกว่ารถที่ใช้น้ำมันล้วนๆ พวกนี้ส่วนมากจะเป็นรถที่ฟุ่มเฟือยราคาแพงที่คนมีอันจะกินเขาใช้กัน แล้วเราไปเก็บตรงนี้เขามา

ขณะเดียวกัน ถ้าเราไปดูกองทุนน้ำมัน กองทุนที่เหลืออยู่สุทธิ เหลืออยู่แค่หมื่นกว่าล้านบาทในตอนนี้ สมัยก่อนขึ้นไปถึง 8-9 หมื่นล้านบาท และยืนตรง 4 หมื่นล้านบาทพักหนึ่ง แต่ตอนนี้เหลือเพียงหมื่นกว่าล้านบาท เข้าใจว่าอัตราที่ส่งออกอุดหนุนมันมากกว่าอัตราที่รับเข้า ส่วนนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

แต่ตัวที่ส่วนตัวดูแล้วน่าจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือเรื่องของค่าการตลาด ที่ไม่ได้ลดลง ขณะเดียวกันค่าการตลาดของน้ำมันบางชนิดมันสูงกว่าปกติด้วย ในส่วนนี้คือส่วนที่เราอาจจะต้องมีการตั้งคำถามว่าทำไมค่าการตลาดในน้ำมันบางชนิดถึงสูงผิดปกติ ตรงนี้มันมีผลทำให้ราคาน้ำมันมันสูงกว่าที่ควรจะเป็น เหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่เราหามาเพื่อที่จะมายืนยันว่าอัตรานี้มีความผิดปกติอะไรหรือไม่

ในส่วนเรื่องปตท. ที่มีการบอยคอตปตท. ไม่เติมปตท. คิดว่าเป็นแนวคิดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง เพราะว่าเวลาขึ้นคือขึ้นทั้งหมด และจริงๆ ต้องมาดูข้อมูลว่าที่เป็นอย่างนี้คือเป็นในส่วนไหน คือส่วนที่เป็นภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ส่วนตัวไม่ได้พูดถึงเพราะว่าเหล่านี้จะเก็บตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

แต่ก็มีคำถามอีกว่า จะเป็นการขึ้นชั่วคราวหรือแบบถาวร ส่วนตัวมานั่งวิเคราะห์ดู จำได้หรือไม่ว่าหลายปีก่อนราคาน้ำมันถ้าขึ้นไปมากๆ คือมันจะมีน้ำมันเชลล์ออยล์ เชลล์ก๊าซที่ออกมาจากหินจากอะไร หินดินดาน พวกนี้ ซึ่งราคาจะอยู่ประมาณ 60 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันมันสูงเกินกว่า 60-70 เหรียญต่อบาร์เรล พวกนี้น่าจะผลิตออกมา ทีนี้ส่วนตัวก็มาเช็กดูเหมือนกันว่าพวกนี้มีการผลิตออกมาหรือไม่ ปรากฏว่าตอนนี้ยังรีรออยู่ ยังไม่ค่อยมีออกมาเท่าไหร่ เท่าที่วิเคราะห์ตามนี้ก็หมายความว่า คนที่เขามีกำลังผลิตหินดินดานออกมา ตัวนี้เขายังมองว่าราคาที่มันขึ้นอยู่ในปัจจุบัน มันไม่ใช่ราคาที่เป็นแนวโน้มถาวร ตัวเขาเองก็ยังคิดเลยว่า ตรงนี้น่าจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว แต่ถ้าเป็นถาวรเมื่อไหร่เขาผลิตออกมาแน่ และถ้าผลิตออกมาราคามันยืนอยู่ไม่ได้หรอกประมาณ 80 เหรียญ มันน่าจะลงมา


ฉะนั้นก็น่าจะสรุปได้ว่า เหตุการณ์ที่ราคาน้ำมันเกินกว่า 70-80 เหรียญต่อบาร์เรล น่าจะเป็นเหตุการณ์เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ก็เป็นเพราะช่วงนี้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมีการเดินทางมากขึ้น หรือก็ทำให้มีความต้องการมากกว่าซัพพลายเยอะ มากกว่า

16 views
bottom of page