top of page
312345.jpg

ทองเสี่ยง New Low...ลงทุนต้องดูจังหวะ


ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ชี้นักลงทุนทั่วโลกเทขายทองคำหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยและเงินดอลลาร์แข็งค่า แต่เมื่อเงินคริปโตราคาร่วงระนาวนักลงทุนก็หันมาซื้อทองคำเพื่อพักเงินไว้กับทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำไม่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น แต่ยังคงเป็นขาลงในกรอบ 1,780-1,830 ดอลลาร์ และอาจทำ New Low ได้ถ้าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกระลอก จุดที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนคือที่ราคา +/- 1,750 ดอลลาร์ โดยอาจจะมีแรงซื้อทองคำที่สำคัญจากกลุ่ม BRICS รวมถึงธนาคารกลางหลายประเทศที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเงินดอลลาร์ซึ่งจะเป็นแรงหนุนระยะยาวที่ทำให้ราคาทองคำกลับไปยืนในระดับสูงได้อีกระยะหนึ่ง พร้อมแนะ...กลุ่มนักเก็งกำไรของไทยให้ศึกษาและลงทุนใน Gold Online Futures เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและมีโอกาสทำกำไรมากกว่าลงทุนในทองคำแท่ง แต่สำหรับนักลงทุนยังชอบที่จะลงทุนในทองคำแท่งควรเข้าซื้อในช่วงราคา 30,000 บาท น่าจะสามารถทำกำไรได้พอสมควร


มองแนวโน้มราคาทองคำอย่างไร

ถือว่าราคาทองคำโดนกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เรียกว่าดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาขึ้นแรงที่สุดในรอบหลายปีเลย ครั้งล่าสุดปรับรวดเดียว 0.75% ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.5-1.75% ฉะนั้นเมื่อมีสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า เราจะเห็นได้ว่าจะมีคนขายทองออกมา

ที่น่าสังเกตหลักๆ คือกองทุน SPDR ที่มีสถานะซื้อมาดีๆ ทั้งปี อาจมีจังหวะสลับขายบ้าง ประมาณสัก 100 กว่าตัน ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนต่อถึงต้นเดือนกรกฎาคม SPDR ก็ขายมาตลอด มีแรงขายออกมาแทบทุกวัน สลับกัน 8 ตันบ้าง 3 ตันบ้าง สลับกัน

ปัจจุบันราคาทองคำก็ถือว่าสะท้อนภาพของการเป็นสินทรัพย์ที่โดนผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแล้ว


ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ยังคงสะสมทองคำ มีมากน้อยแค่ไหน

หลายปีมานี้ประเทศไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ หรือแม้กระทั่งบางประเทศมีปัญหาทางเศรษฐกิจกับทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็น King of Dollars อยู่แล้ว ฉะนั้นประเทศที่มีปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินส่วนมากจะวิ่งเข้าหาทองคำเป็นหลัก อย่างที่เราเห็นหลายๆ ประเทศ เช่น ตุรกี รัสเซีย จีน ส่วนมากก็จะเข้าสะสมทองคำ ส่วนประเทศไทยเองเมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นดาราเลยที่เก็บทองคำ เรียกว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ถึงแม้ว่าทองคำจะโดนกดดันจากเรื่องของอัตราดอกเบี้ยของเฟด แต่ด้วย Player มีมากขึ้นเยอะ ส่วนตัวผมเคยบอกว่าทองคำมีคู่ต่อสู้เยอะขึ้น อย่างเช่น คริปโต แต่ถ้าเราสังเกตดูเมื่อเดือนที่แล้วคริปโตก็โดนเทอย่างหนักหน่วงมาก เช่น บิตคอยน์ ลงมาต่ำมากๆ คือลงมามากกว่า 50% จากราคาสูงสุด ส่วนหนึ่งจะเป็นแรงหนุนให้คนซื้อทองคำในลักษณะของการเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น เมื่อนักลงทุนขาดทุนจากบิตคอยน์ จากคริปโต หรือว่าเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ก็มักจะหันเข้ามาพักเงินเอาไว้ที่ทองคำก่อน ส่วนนี้เองก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงเป็น 50-60% เหมือนกับที่สินทรัพย์อื่นๆ เขาโดนกันมา


รอบนี้ทองคำจะลงไปต่ำสุดถึงเท่าไหร่

ราคาทองคำเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ แนวโน้มของราคายังเป็นขาลงอยู่ กรอบขาลงอยู่ที่ประมาณ 1,780-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปก็อาจทำ New Low อีกก็เป็นไปได้ โดยมองจากนโยบายดอกเบี้ยของเฟดเอง ซึ่งน่าจะเห็นการปรับดอกเบี้ยอีก 0.5-0.75% ในการประชุมครั้งถัดไป ฉะนั้นถ้ามีการใช้ยาแรงด้วยการปรับอัตราดอกเบี้ยแรงอีกครั้งหนึ่ง คงจะไม่ได้เป็นผลดีกับราคาทองคำ อาจจะทำ New Low ได้ซึ่งก็คงมองแถวสัก +/-1,750 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าลงไปแถวๆ นั้นจะเป็นจุดที่น่าสนใจ

จะเห็นว่า ราคาทองจะลงมาอยู่ที่ 1,785 ดอลลาร์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม ก่อนที่ขึ้นมาปิดที่ 1,808 ดอลลาร์ จุดนั้นเองกลายเป็นว่าราคาทองที่เป็นราคาทองคำแท่งที่คิดเป็นเงินบาทไทยต่ำสุดไม่เกิน 30,100 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท ตรงนั้นเป็นผลพวงมาจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 35.60 บาท จุดนั้นเราอาจจะมองลักษณะนี้ว่า ท่านที่สะสมทองคำแท่งอาจจับตามองราคาทองคำที่บาทละ +/-30,000 บาท เป็นจุดที่นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อสะสม ทยอยเข้าซื้อได้ และกรอบที่เราเห็นสำหรับราคาทองคำแท่งจะอยู่แถวๆ 30,800 บาท ก็อาจจะเป็นจุดที่สามารถที่จะขายทำกำไรในระยะสั้นๆ ได้


กรณีรัสเซีย-ยูเครน เรื่องแรกคือสหรัฐอเมริกากับพันธมิตรในยุโรปพยายามจะหาวิธีสกัด ให้จำกัดการส่งออกทองคำของรัสเซีย ส่วนทางด้านรัสเซียกับกลุ่มพันธมิตรทางโลกตะวันออกก็พยายามสร้างระบบใหม่ขึ้นมา ตรงนี้ถือว่าเป็นผลดี/เสียต่อทองคำหรือไม่

การที่ทางพันธมิตร นาโต สหรัฐอเมริกา จะจำกัดการส่งออกทองคำของรัสเซียนั้นเราเห็นผลประมาณเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงประมาณสัก 20 ดอลลาร์ หลังจากนั้นก็พับกลับมาที่พื้นฐานเดิม เรียกว่าเป็นข่าวหนุนราคาทองในระยะสั้นๆ ซึ่งมีความตกใจเล็กน้อยว่าอย่างนี้จะส่งผลดีต่อราคาทอง คือดีมานด์/ซัพพลายจากทางรัสเซียอาจจะหายไป

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปวันสองวันเท่านั้นเองเราก็พบว่าราคาทองคำปรับตัวลงมาที่ราคาแถวๆ พื้นฐาน ซึ่งเรียกว่าสู้กับดอลลาร์เสียมากกว่า ก็คงจะคล้ายๆ กับราคาน้ำมัน หรือราคาสินทรัพย์ หรือราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างอื่นที่นาโตยังคงมีการแบนรัสเซีย ทั้งนี้ ทางรัสเซียเขาไม่ได้ค้าขายแค่เฉพาะกับยุโรป/สหรัฐ เท่านั้น ยังมีคู่ค้าฝั่งเอเชีย รวมถึงตุรกี ก็ยังถือว่าเป็นพันธมิตรที่ดีของรัสเซีย

ฉะนั้นแม้ทางนาโตจะแบนการนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย แต่รัสเซียก็มีเส้นทางในการส่งสินค้าเขาออกไป จะเห็นว่าเงินรูเบิลค่อยๆ แข็งค่าขึ้นจนเรียกว่าเขาชนะช่วงที่เขาไปบุกยูเครนมาเรียบร้อย จุดนี้คิดว่าการแบนของนาโตน่าจะเป็นเพียงแค่ส่งผลให้มีความตกใจของนักลงทุนในการเข้าซื้อทอง เล้วสุดท้ายก็กลับเข้ามาสู่ความสัมพันธ์ของทองคำกับดอลลาร์ แต่ในระยะยาวแล้วถ้าเกิดเป็นไปตามที่ทาง BRICS บอกว่าต่อไปถ้าประเทศไหนจะต้องพิมพ์ธนบัตร พิมพ์เงินออกมาใช้ อาจจะต้องซื้อทองคำมาหนุน คิดว่าส่วนหนึ่งตลาดก็ค่อยๆ ตอบรับไปกับการที่ธนาคารกลางของหลากหลายประเทศที่มีมุมมองไม่ค่อยเป็นมิตรนักกับทางดอลลาร์ เขาก็เข้าซื้อทองคำมาโดยตลอดอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นตรงนี้จะเป็นแรงหนุนราคาทองระยะยาวที่จะให้ทองคำสามารถที่จะยืนอยู่ในระดับสูงได้อีกระยะหนึ่งเลย


ครึ่งปีแรก 2565 ที่ผ่านมา ไทยมีการนำเข้าทองคำและส่งออกทองคำมากน้อยขนาดไหน

ภาพครึ่งปีแรกข้อมูลยังไม่ได้เข้ามา แต่มองภาพส่งออกยังมากกว่า เพราะราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในระดับเกิน 30,000 บาทมานาน สำหรับนักลงทุนทองไทยเราซื้อสะสมกันมา บางท่านก็ซื้อสะสมกันมาตั้งแต่ที่ราคา 25,000 บาท พอขึ้นมาอยู่ในระดับ 32,000 บาท หรือกว่า 31,000 บาท จึงมีการนำทองมาขายทำกำไรมากพอสมควรสำหรับในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

ดังนั้น ก็คาดการณ์ว่าคงจะมีการส่งออกมากกว่า แต่ปริมาณก็ไม่น่าจะมากเท่ากับช่วงโควิด คาดว่าน้อยกว่าครึ่งของปีที่เราเจอโควิดมา 2 ปี


มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนทองคำอย่างไร

ถ้าจะเก็งกำไรช่วงนี้แนะนำว่าลองเข้าไปศึกษาการเทรด Gold Online Futures ของทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดีกว่า ถ้าเราเก็งกำไรเฉพาะในเรื่องของทองคำแท่ง ราคาค่อนข้างจะแคบกว่า ก็คือวิ่งอยู่ประมาณ 30,000-31,000 บาท กรอบแคบ แต่ถ้าเป็น Gold Online Futures จะมีส่วนต่างมากกว่า อย่างเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม อยู่ในระดับสูงมาก ขึ้นไปในระดับ 60 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมันสามารถทำกำไรได้มากกว่าทองคำแท่ง ณ ปัจจุบัน

ดังนั้น ถ้าเกิดจะเก็งกำไร ก็แนะนำว่าลองศึกษาการลงทุน Gold Online Futures ซึ่งเขาจะลงทุนในแค่สต็อกโกลด์อย่างเดียว ไม่ได้เอาค่าเงินบาทเข้ามารวมด้วย คือจะไม่ได้รับผลกระทบจากบาทอ่อน ถ้าเป็นช่วงนี้ก็สามารถจะทำกำไรได้มากกว่า

แต่สำหรับท่านที่นิยมสะสมทองคำแท่ง หากทองคำเข้าใกล้ 30,000 บาท คิดว่าเป็นจังหวะที่น่าซื้อ เพราะอย่างเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคมเอง เขาลงมาแตะที่ 30,100 กว่าบาท แล้วดีดกลับไปปิดที่ 30,450 บาท ฉะนั้น กำไรเห็นๆ เลยประมาณ 300-400 บาท

คงต้องแบ่งพอร์ตการลงทุน แล้วถ้าจะเก็งกำไร คิดว่าไปดูทาง Gold Online Futures ดีกว่า แต่ถ้าเกิดว่าจะเก็บสะสมที่ราคา 30,000 บาทต้นๆ ก็จะเห็นหนทางทำกำไรได้ในอนาคตพอสมควร

46 views
bottom of page