top of page
379208.jpg

มองเศรษฐกิจโลกยังไหว...ได้เงินสะพัดเลือกตั้ง ปลุกผีเศรษฐกิจไทย



Interview : สนั่น อังอุบลกุล

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย


ประธานสนั่นมองมุมบวก เศรษฐกิจโลกยังไม่เลวร้ายหลังยุโรปผ่านฤดูหนาวอันแสนยาวนานมาได้ด้วยดี เหตุแบงก์ล้มในอเมริกา-สวิส ไม่น่าลุกลามบานปลาย อีกทั้งจีนเริ่มเปิดประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ส่วนส่งออกของไทยแม้จะไม่ดีนัก แต่ไม่ถึงกับแย่สุดๆ มั่นใจ...นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยปีนี้อย่างน้อย 28 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีน-ซาอุฯ จะใช้จ่ายไม่อั้น ผู้ประกอบการท่องเที่ยวระดับเล็ก-กลางจะได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนเต็มๆ คาด GDP ไทยปีนี้โตอย่างน้อย 3.5-3.7% กำลังซื้อในประเทศจะดีขึ้น โดยกระแสเงินจะสะพัดจากการหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหญ่ รวมไปถึงรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่จะมากขึ้นอย่างชัดเจน ย้ำ...ผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยยังแข็งแกร่ง มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ SME รายย่อยยังมีสถานะอ่อนแอ ปัญหาใหญ่ที่สุดคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประคองตัวให้อยู่รอดให้ได้


เหตุแบงก์ล้มที่เกิดในสหรัฐอเมริกา จะมีผลกระทบรุนแรงอะไรไหม

คงจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น สามแบงก์ที่มีปัญหาคือที่ Silicon Valley Bank, Signature Bank และ Silvergate Bank ทางรัฐบาลสหรัฐได้เข้ามาดูแล ขณะเดียวกันปัญหาของ Credit Suisse ก็เช่นเดียวกัน ทางสวิสก็เข้ามาดูแลแล้ว ฉะนั้น คิดว่าความกังวลทางด้านนี้คงไม่มี แต่ก็ยังมีผลทางด้านจิตวิทยาเรื่องตลาดหุ้นแค่นั้นเอง และหากพูดถึงเศรษฐกิจที่จะมากระทบไทยยังต้องดูต่อ โดยเฉพาะการประชุมเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าที่เกิดเหตุการณ์กับแบงก์ต่างๆ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง อาจทำให้เฟดพิจารณาการที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา โดยอาจจะไม่สูงเร็วขึ้นตามที่ตั้งใจ

ขณะเดียวกัน เราก็จะมีทาง กนง.ที่มีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องปรับดอกเบี้ย เข้าใจว่าน่าจะปลายเดือนนี้คือวันที่ 29 มีนาคม เราก็คงจะต้องติดตามว่าการปรับดอกเบี้ยครั้งนี้ จะเป็นลักษณะอย่างไร

แต่ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจที่จะถูกกระทบ เราก็ยังเห็นว่าเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกายังมีความเข้มแข็ง เนื่องจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีการเพิ่มตั้ง 3.1 แสนอัตรา ดีกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกที่คาดว่าจะมีการจ้างงานกว่า 2 แสนอัตรา ตรงนี้ก็แสดงถึงว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังไม่ถูกกระทบ

ส่วนฝั่งยุโรปเอง เราก็เห็นว่าไตรมาสสี่ที่ผ่านมา ที่ทุกคนกังวลมากว่าเขาจะมีวิกฤตเกี่ยวกับเรื่องพลังงานช่วงหน้าหนาว แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี คลี่คลายไปด้วยดี ความกังวลเหล่านี้ก็น้อยลง

ขณะที่เรื่องจีนก็ดีเกินคาด หลังจากที่เปิดประเทศแล้ว ไม่ควบคุมเรื่อง Zero COVID ในช่วงต้นปี และมีการเลือกตั้งเรียบร้อย โดยที่ สี จิ้นผิง ได้เป็นประธานาธิบดี ทุกอย่างก็มีความชัดเจนว่าประธานาธิบดีต้องการเปิดประเทศอย่างจริงจัง แล้วต้องการที่จะกระตุ้นเรื่องเศรษฐกิจให้จีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 5% ส่วนนี้เป็นประโยชน์กับไทยโดยตรง


จะเป็นผลดีต่อไทย

หากมาพูดถึงเศรษฐกิจไทย สถาบันการเงินหรือทางธนาคารของเรามีผลกระทบหรือไม่ ก็คงจะไม่เหมือนกับตอนซับไพรม์ ไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องเลย การคลังของเรายังมีความเข้มแข็ง ฉะนั้น เรื่องเหล่านี้ ก็คงจะไม่ถูกกระทบ สิ่งที่ผู้ประกอบการเองเราก็ดูเครื่องยนต์ที่สำคัญเกี่ยวการส่งออกตัวหนึ่ง และเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวอีกตัวหนึ่ง และถ้าเราสามารถที่จะได้รัฐบาลใหม่โดยที่สามารถทำงานร่วมกับเอกชนอย่างใกล้ชิดในการที่จะไปดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในไทยให้มันเร็วที่สุด ถ้าส่วนนี้ เราคิดว่าเศรษฐกิจของไทยจะเริ่มฟื้นตัวแล้ว

ผมจะชี้ให้เห็นถึงการส่งออก ปีที่แล้วเราโตได้ถึง 5.5% แม้ว่าปีนี้เศรษฐกิจของโลกมีความเปราะบาง แต่เรายังมีความเชื่อมั่นว่าการส่งออกของเราว่าถึงจะติดลบก็คงติดลบไม่เกิน 1% และเราก็พยายามที่จะทำให้ได้บวกสักนิดหน่อย ถ้าเป็นลักษณะอย่างนั้นแล้ว ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรอะไรต่างๆ ก็ยังคิดว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นสิ่งที่น่ากังวล

แต่เรื่องที่เป็นเสน่ห์ของเราก็คือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 11.8 ล้านคน แต่ปีนี้ตอนต้นปีเราไม่คาดคิดว่าจีนเขาจะเปิดประเทศเร็วถึงขนาดนั้น โดยที่เราไม่คิดถึงว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาได้ ตอนนั้นเราคาดว่าประมาณ 20 ล้านคน แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มเข้ามา เราคิดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเข้ามาถึง 28 ล้านคนบวกลบ ตรงนี้จะทำให้เรื่องเศรษฐกิจของเรายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้น

ทีนี้เราก็ทราบว่ามีการยุบสภาแล้ว และในช่วงต้นเดือนเมษายนก็จะมีการเปิดรับสมัคร ส.ส. และน่าจะมีการเลือกตั้งประมาณ 14 พฤษภาคม ช่วงนี้ก็จะเห็นความคึกคักมาก ทีวีหรือสื่อหลากหลายก็มีการนำเสนอเรื่องการหาเสียง เชื่อหรือไม่ว่าทางมหาวิทยาลัยของหอการค้าเราเองมีการประเมินว่าช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะมีเงินสะพัดทั้งทางตรงและอ้อมประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาทในช่วงสั้นๆ นี้

ผมคิดว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นแน่นอนและจะโตขึ้น โดยทางแบงก์ชาติคาดว่าจีดีพีของเราจะโตประมาณ 3.7% ปีที่แล้วเศรษฐกิจของเราโตได้เพียงประมาณ 2.6% เท่านั้นเอง ทางหอการค้าเราเองยังมีความเชื่อว่าเศรษฐกิจหรือจีดีพีของเราน่าจะโตได้ 3.5% เป็นอย่างต่ำ


เรื่องกำลังซื้อในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้น

ใช่ เรื่องกำลังซื้อคิดว่าขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้วด้วยเหตุผล 2 ประการที่เห็นชัด

เรื่องแรกคือการหาเสียงของแต่ละพรรค คงจะมีการทำให้พวกกิจการอะไรต่างๆ ดีขึ้นแน่นอน การหาเสียงในต่างจังหวัดก็จะมีรถแห่ มีการทำโปสเตอร์ต่างๆ เรื่องเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายมากมาย ตรงนี้ก็จะมีเงินเข้ามาอัดฉีดในระบบอยู่แล้ว

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลคือเรื่องที่นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามา จะช่วยทำให้ประชาชนที่มีรายได้ขนาดกลางแล้วก็ต่ำลงมาจะได้อานิสงส์อย่างเต็มที่ เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะไปใช้บริการในโรงแรม 3-4 ดาว ส่วนนี้กำลังฟื้นฟูอยู่แล้ว และก็กลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะไม่เหมือนฝรั่งที่มาจากตะวันตกที่มาถึงก็เข้าโรงแรม 5 ดาว แล้วก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ริมสระไม่ไปไหน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจะไม่เหมือนกัน เมื่อเข้ามาถึง ก็ทิ้งกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยว ไปช็อป ไปสตรีตฟู้ดต่างๆ ผู้ประกอบการได้อานิสงส์ทั้งนั้น คนจีนจะซื้อของอย่างเต็มที่ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เรามีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของเราคงจะไปได้ และเศรษฐกิจก็จะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ไม่กังวลว่าเราจะสวนกระแสเศรษฐกิจของโลก


แต่เรื่องสำคัญคือจะต้องมีการกระตุ้นตลาดเพื่อส่งออก

เราติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์กับทางเอกชนเราเอง หอการค้าเราเองก็มีการตั้งวอร์รูมมาในการที่จะเจาะตลาดที่สำคัญ อย่างจีนที่เขาโตอย่างนี้ เราก็คงจะต้องมุ่งเน้นให้มากขึ้น แล้วทางหอการค้าเองก็ยังเตรียมงานร่วมกับทางบีโอไอและอีอีซี แล้วท่านรองนายกฯ ที่จะไปทำโรดโชว์ที่จีน คิดว่าช่วงไตรมาสสองเราคงต้องเน้นที่จีน เนื่องจากว่าปีที่แล้วเขาช่วยเราในการผ่อนคลาย ให้นำเอาผลไม้ อย่างทุเรียนเข้าประเทศได้แม้แต่ช่วง Zero COVID ขณะเดียวกัน เราเองก็ต้องไปขอบคุณที่เขาให้นักท่องเที่ยวมาที่ไทย อย่างเปิด 100% อย่างนี้เป็นต้น

ส่วนเรื่องต่อมาคือเราต้องให้เขามีความมั่นใจในการที่จะซื้อของของเราอิมพอร์ตของไทยให้มากที่สุด โดยเฉพาะเกษตร อาหาร ต่างๆ และอีกเรื่องที่สำคัญคือ ต้องดึงดูดพวกผู้ประกอบการจีนรายใหญ่ๆ อย่างเช่นพวกเทคโนโลยี พวกธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พวก Medical Product อะไรต่างๆ ที่เขามีความโดดเด่นอยู่แล้ว ให้เขามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะที่อีอีซี

ในส่วนนี้ลักษณะเดียวกันแน่นอนว่าเราต้องเน้นไปที่ซาอุดีอาระเบียด้วย ต้องเตรียมคณะกับท่านรองนายกฯ ของเราที่จะเดินทางไปเช่นกัน ถือเป็นอีกตลาดที่ใหญ่มาก เราจะส่งออกเรื่องของอาหาร พวกเนื้อไก่ไปที่ซาอุดีอาระเบีย และแน่นอนว่าซาอุดีอาระเบียเขาก็มีความสนใจที่จะมาลงทุนกับเรา และนักท่องเที่ยวของเขาไม่ได้มาไทยเป็นเวลาตั้ง 30 ปีแล้ว จากนี้ก็จะเข้ามา ซึ่งนักท่องเที่ยวของเขาใช้จ่ายสูง โดยเฉลี่ยคนหนึ่งนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 5 หมื่นบาทต่อคน แต่ถ้าซาอุดีอาระเบียเข้ามา จะสูงประมาณถึง 1 แสนบาทต่อคน ที่เรากำลังติดตามอยู่คือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นอย่างไร ส่วนตลาดอื่นเต็มที่อยู่แล้ว ในตะวันออกกลางก็ทำงานเต็มที่กับทางกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว


มีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทกันมาก

เราไม่ต้องการเห็นความผันผวน ถ้าผันผวนจะทำให้เราไม่รู้ว่าเวลาขายไปแล้วจะได้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้างโดยเฉพาะทางภาคเกษตร ปีที่แล้วเราได้อานิสงส์ 2 เด้ง คือราคาพวกพืชเกษตรของเราดีในประเทศ ขณะเดียวกันส่งออกเราก็ดี เนื่องจากทางยูเครนและรัสเซียมีการรบกัน ซึ่งทำให้ขาดแคลนอาหาร แต่ไทยเราสามารถที่จะช่วยตัวเราเองได้แล้ว และยังมีส่วนเหลือที่ส่งออกไปได้ ราคาก็ดี และปีที่แล้วอัตราแลกเปลี่ยนเราไปถึง 37 บาทต่อเหรียญ


ด้วยสภาพแบบนี้ บรรดาผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกไทย ถือว่ามีความเข้มแข็งมากพอ หรือว่ายังต้องการความช่วยเหลือจากทางการหรือแบงก์ชาติ

ขณะนี้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อย่างช่วงโควิดบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กำไรดีทั้งนั้น มีส่วนที่เรากังวลคือเอสเอ็มอีของเรา ซึ่งหอการค้าเองมีความห่วงใย และต้องการที่จะพัฒนาเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันของเอสเอ็มอีทั้งหลายโดยแยกเป็นกลุ่มๆ อีกเรื่องคือเป็นคนที่ประสานงานกับทางภาครัฐและสถาบันการเงิน ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนเร็วที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้น เราต้องช่วยเอสเอ็มอีที่ยังอยู่ได้และให้เขาอยู่ต่อไปได้


ตอนนี้บรรดาสถาบันการเงินทำหน้าที่ในการที่จะเป็นคนช่วยได้เป็นปกติดีอยู่แล้วใช่หรือไม่

ใช่ ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น ไม่น่าจะมีอะไรเป็นห่วง

57 views

Comments


bottom of page