ทุนจีนเข้าไทยหด คอนโดฯ สร้างรอเหลือบาน โรงแรมเหงา ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลหน้าเดิม ฉุดความเชื่อมั่นดิ่งเหว หวั่นปีหน้าฟองสบู่แตก
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทุนจีนทะลักเข้าไทยแทบทุกด้าน โดยเฉพาะการซื้อสินทรัพย์ กิจการ ทรัพย์สินถาวร จนที่ดินตกไปยู่ในมือคนจีนกว่า 100 ล้านไร่
ทุนจีนซื้อกิจการ ตั้งแต่โรงแรม อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเอกชน จนถึงร้านเล็กร้านน้อย บางแหล่งในกรุงเทพฯ เช่นห้วยขวาง-รัชดา แทบจะกลายเป็น Mini China แบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในสีหนุวิลล์ กัมพูชา
กิจการอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เม็ดเงินหยวนไหลเข้ามากที่สุด จนแห่ขึ้นโครงการกันกว่าร้อยโครงการ จำนวนหน่วยกว่าครึ่งล้านหน่วย แต่มาวันนี้ จู่ๆ ทุนจีนก็หายไป ทั้งทุน ทั้งนักท่องเที่ยว โรงแรมภูเก็ตที่เดินทางไปทางไหนได้ยินแต่เสียงพูดคุยภาษาจีนเจี๊ยวจ๊าว ตอนนี้กลายเป็นโรงแรมร้าง
แม้จะดูว่าเป็นไปตามฤดูกาลคือ low season แต่สาเหตุแท้จริงก็คือเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ทั้งนี้เพราะอัตราเติบโตของจีดีพีจีน การส่งออกมีสัดส่วนมากที่สุด เมื่อการส่งออกลดลง ทั้งจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและจากสงครามการค้ากับสหรัฐ อุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกก็ลดกำลังผลิตลงเป็นธรรมดา
อุตสาหกรรมส่งออกของจีนเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างงานและกำลังซื้อให้คนจีนมากที่สุด เมื่อหดหรือลด ผลจึงกระทบต่อรายได้คนทั้งประเทศเป็นลูกโซ่
ไม่ต่างไปจากไทย ที่จีดีพีพึ่งพาปัจจัยภายนอกคือส่งออกกับท่องเที่ยวเป็นหลักซึ่งควบคุมไม่ได้ ส่งออกติดลบติดกัน 2 ไตรมาส นักท่องเที่ยวหาย สัญญาณอันตรายยิ่งยวด
ส่งผลถึงการใช้จ่ายในประเทศที่หดตัวตาม เหตุเพราะรัฐบาลล้มเหลวในการสร้างงาน นอกอุตสาหกรรมภาคส่งออก...บรรยากาศการลงทุน ความเชื่อมั่น ทั้งด้านนักลงทุนและด้านผู้บริโภคหดหาย
ยังผลให้นักลงทุนไทย โดยเฉพาะบรรดาเจ้าสัวทั้งหลายจำนวนครึ่งร้อย พากันลดการขยายกิจการ ลดการตั้งกิจการหรือธุรกิจใหม่ หันไปลงทุนในต่างแดน เงินลงทุนไหลออกกว่า 3 แสนล้านบาท
ลงทุนนอกบ้าน แทนที่จะขนกำไรกลับมา แต่กลับเข้ามาไม่ถึง 50% เท่านั้น ยิ่งตอนนี้ แทบไม่ส่งกลับมาเลย...จากดอลลาร์แลกเป็นบาท แต่ก่อนได้ 32-33 บาท ตอนนี้ได้แค่ 30 บาทเศษๆ แล้วใครจะเอากำไรกลับมา
นักท่องเที่ยวก็เช่นกัน เคยเอา 1,000 หยวนแลกได้ 5,000 บาท ตอนนี้เหลือ 4,490 บาท (ล่าสุด) คนไทยขายของให้ทัวร์จีนได้เป็นเงินบาทลดลงเห็นๆ
เหตุนี้จึงเชื่อว่า บาทจะถูกทำให้อ่อนค่า เพราะจะแข็งอยู่ระดับนี้นานๆ ไม่ได้ ส่งออกที่ติดลบแล้ว จะยิ่งติดลบหนัก เงินนอกจะทะลักเข้ามา
สำหรับกิจการที่พึ่งพาทุนจีน นอกเหนือจากด้านท่องเที่ยวแล้ว ด้านอื่นๆ ก็อาการหนักโดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างเพื่อขายลูกค้าจีนเป็นหลัก ตอนนี้ขายอืดหน้ามืดกันเป็นแถวๆ
คาดว่าคอนโดมิเนียมจะโอเวอร์ซัพพลายกว่า 30,000 ยูนิต ในย่านห้วยขวาง หลังแนวถนนรัชดาภิเษกจากแยกห้วยขวางไปทะลุถนนพระราม 9 ที่ขณะนี้ชะลอการก่อสร้างกันเป็นแถว
ยุคทองคอนโดฯ ไทยมาเร็วไปเร็ว จากปีเฟื่องฟู 2560 มาเฟื่องฟุบกลางปี 2561 จำนวนทั่วประเทศ 600,000 ยูนิต เป็นในกรุงเทพฯ ชั้นใน (รัชดาฯ -พหลโยธิน) 200,000 ยูนิต มี โอเวอร์ซัพพลาย ถึง 80,000 ยูนิต
ทั้งนี้เป็นผลจากสงครามการค้า ทำให้อุตสาหกรรมส่งออกจีนดิ้นไปหาดินแดนที่มีช่องว่างช่องโหว่ให้ผู้ส่งออกจีนใช้เป็นฐานส่งออกได้
อย่างเช่นเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา เป็นต้น...เฉพาะเวียดนามนั้น นักลงทุนจีนทั้งผลิตในเวียดนามและทั้งสวมรอยเอาสินค้าจีนมา re-export โดยปะสลาก Made in Vietnam จนเจ้าของประเทศโวยวาย
การออกมาลงทุนนอกบ้าน ทำให้เงินหยวนไหลออกมาก รัฐบาลจีนจึงสั่งจำกัดคนจีนนำเงินออกนอกประเทศ โดยคนจีนสามารถนำเงินติดตัวออกนอกประเทศได้คิดเป็นดอลลาร์สหรัฐคนละไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.51 ล้านบาทเท่านั้น
เงินแค่ล้านกว่าบาท ถ้าเอามาเที่ยวก็ถือว่าหรู แต่เอามาซื้อสินทรัพย์แล้ว ไม่ต้องถึงคอนโดฯ เอาแค่เซ้งแผงประตูน้ำ ก็ยังไม่ได้
หมูอ้วนที่เคยให้นมลูกหมูไทยจนอ้วนพีนั้น ตอนนี้ผอมแหงแก๋แล้ว ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ไทยจะแตกโพละเมื่อใดยังเดาไม่ได้
เพราะตัวเลขเอ็นพีแอลจริงๆ หมกเม็ดกันอยู่