บิตคอยน์ FOREX, Commodity, น้ำมัน พากันพาเหรดราคาขาขึ้นเรียงกันเป็นหน้ากระดานในยามนี้ โดยมีกำแพงอัตราเศรษฐกิจเติบโตแบบชะลอตัวของอภิมหาอำนาจขวางหน้า จนเกิดคำถามว่า การพุ่งทะยานของราคาคอมมอดิตี้เหล่านี้ จะไปถึงไหน ?
ไม่มีใครพยากรณ์ระยะเวลาการแรลลีของราคาเหล่านี้เกินปี อย่างเก่งก็แค่ครึ่งปีหรือ 6 เดือนนับจากนี้เพราะปัจจัยที่ทำให้โภคภัณฑ์เหล่านี้ ที่รวมถึงเงินคริปโตอย่างบิตคอยน์ ล้วนเกิดจากเหตุการณ์ผันผวนที่เกิดชั่วระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็จบ
อย่างกรณีราคาน้ำมันพุ่งนั้น เหตุจากการสู้รบในลิเบียที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกำลังชนะ และการลดกำลังผลิตของโอเปก กับการแซงก์ชันอิหร่านและเวเนซุเอลาของสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์กลางเดือน เม.ย.เคลื่อนไหวระหว่าง 62-66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ราคา 71.34 ดอลลาร์ ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐอยู่ที่64.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคาร Goldman Sach พยากรณ์ว่า ราคาน้ำมันจะยืนอยู่เหนือ 70 ดอลลาร์ไปตลอดไตรมาสที่ 2 และเฉลี่ยตลอดปี 66 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงกว่าที่เคยพยากรณ์ไว้ที่ 62.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
เหตุผลที่โกลด์แมน แซคส์ วิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับนี้ไปถึงไตรมาสสุดท้าย คือ ช่วงไตรมาส 2 อุปทานน้ำมันดิบโลกจะลดลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อุปสงค์คงที่
ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ช่วงไตรมาส 2 เคลื่อนไหวไม่เกิน 72.50 ดอลลาร์/บาร์เรลจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง จนเข้าปี 2020 จะชะลอตัวลงไปอยู่ราวๆ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลกที่สำคัญตัวหนึ่ง ยามใดที่เศรษฐกิจโลกดี มีการผลิตเพิ่มขึ้น การบริโภคน้ำมันก็เพิ่มตาม ราคาก็จะขยับขึ้น
สำหรับช่วงนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นมิได้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ หากแต่เกิดจากสงครามและการแซงก์ชันในตลาดน้ำมันเป็นสำคัญ
เชื่อว่าหลังกลางปีไปแล้ว สงครามในลิเบียจะลดความรุนแรงลง น้ำมันดิบจากลิเบียจะทะลักสู่ตลาดโลก ชดเชยจากที่ไม่สามารถส่งออกได้เต็มที่ในยามสงคราม
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก นำโดยสหรัฐและจีน เริ่มชะลอตัวลง ทั้งนี้จากสัญญาณเตือนภัยที่ไต้หวันว่าตัวเลขส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ไปแผ่นดินใหญ่จีนและสหรัฐลดลงฮวบฮาบ
ผลกระทบจากตลาดโลกนั้นส่งถึงไทยเช่นกัน เพราะเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมีเพียงการส่งออกและการท่องเที่ยวเพียง 2 เครื่องเท่านั้น
ตัวเลขอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปีที่แล้ว 4.1% ต่ำกว่าเป้า 4.8% ปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งเป้าต่ำลงไปอีก อยู่ที่ 3.8%
ข้าวเป็นสินค้าส่งออกสำคัญตัวหนึ่ง ปีนี้คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวลดลง ขณะที่ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับไต้หวัน
อีกด้าน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พยากรณ์ความเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเฉลี่ยที่ 3.3% จากอัตราเติบโต 3.6% เมื่อปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลว่าเศรษฐกิจสี่เสาหลักโลกคือ สหรัฐ จีน ยุุโรป และญี่ปุ่น ชะลอตัวค่อนข้างหนัก เฉพาะสหรัฐนั้น ปีนี้เศรษฐกิจจะชะลอตัวต่ออีกปี จากอัตราเติบโต 2.9% ปีที่แล้ว จะลงมาที่ 2.3% ยังผลให้ผลประกอบการภาคเอกชนอ่อนตัวตามผลกำไรที่ลดลง ทำให้มีการเทขาย (selloff) หุ้นกันมาก
สำหรับจีน เศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก IMF พยากรณ์ว่า อัตราเติบโตของจีนปีนี้จะอยู่ที่ 6.2% ลดจากปีที่แล้ว 6.6% แม้ว่าสงครามการค้ากับสหรัฐจะคลี่คลายลงแล้ว และล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับการขึ้นอัตราภาษีขาเข้าจากจีนมูลค่า 200 พันล้านดอลลาร์ ก็ตาม
ทางด้านยุโรป ปีนี้ไอเอ็มเอฟพยากรณ์อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 1.3% อ่อนตัวลงจาก 1.8% ของปีที่แล้ว
ส่วนญี่ปุ่น ปีนี้อัตราเติบโต 1% ที่แม้จะเขยิบขึ้นมาจากอัตราเติบโต 0.8% เมื่อปีที่แล้วก็ตาม แต่ดูแทบจะไม่กระดิก
ภาวะเศรษฐกิจของสี่เสาหลักของโลกชะลอตัวเช่นนี้ ส่งผลโดยรวมให้การค้าโลกหดตัวลงจากเป้าหมาย 4% เหลือ 3.4% ซึ่งลดลงจากอัตราเติบโตปีที่แล้ว 3.8%
อย่างไรก็ดี ตัวชี้วัดเหล่านี้ กลับผกผันกับราคาโภคภัณฑ์ ที่ตอนนี้เงินคริปโตถูกจัดเข้ากลุ่มสินค้าเหล่านี้ไปด้วย
เพราะการ selloff กันหนักๆ ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยกว่า
บิตคอยน์ดีดตัวขึ้นมาถึง 20% ช่วงต้นเมษาฯ ราคาสูงสุด 5,252 ดอลลาร์ แล้วชะลอลงเคลื่อนไหวระดับขึ้น-ลงที่ 5,000 ดอลลาร์
Bitcoin เคยทำราคาเกือบ 20,000 ดอลลาร์เมื่อปีก่อน ราคาคนไทยซื้อกันที่ 700,000 บาท แล้วตกรูดลงมาจนอยู่แถวๆ 4,000 ดอลลาร์ขึ้น-ลง
พวกติดดอยต้องยอมกลืนเลือด ซื้อของถูกมาเฉลี่ยราคา ค่อยๆทยอยปลดเปลื้อง จนบัดนี้ส่วนใหญ่เหลืออยู่ในพอร์ตที่ราคา 5,000-6,000 ดอลลาร์
CoinMarketCap เว็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ตลาดเงินคริปโต พยากรณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะเคลื่อนไหวระดับ 4,000-5,000 เช่นนี้ไปจนถึงตุลาคม จากนั้นจะเริ่มไต่ระดับ
ปี 2020 จะเป็นปีทองของบิตคอยน์และคอยน์อื่นๆ โดยบิตคอยน์จะข้ามเส้น 10,000 ขึ้นไป แล้วจะไม่ลงมาอีก
เม่าทั้งหลายที่ลงจากยอดดอยมาได้ ถ้ายังไม่เข็ด งานนี้มีโอกาสลุ้น