Interview: คุณสุรวัช อัครวรมาศ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)
เทศกาลสงกรานต์ยังมีมนต์เสน่ห์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเนืองแน่นทั้งกรุงเทพฯ-ภูเก็ต แต่เชียงใหม่อาจคึกคักน้อยกว่าทุกปี เหตุอากาศพิษทำนักท่องเที่ยวผวา ส่วนภาพรวมท่องเที่ยวไทยมีอาการน่าเป็นห่วง หลังนักท่องเที่ยวจีนหนีไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น-เวียดนามแทน อีกทั้งคนไทยเองยังแห่ไปเที่ยว ตปท. เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่าเที่ยวในประเทศ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝากถึงรัฐบาลใหม่ให้สร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยเทียบเท่าญี่ปุ่น ดึงศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวไทยที่ได้เปรียบคู่แข่งมาเป็นจุดขายที่เด่นชัด
- สงกรานต์ที่จะถึงนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางเข้ามาเมืองไทยขนาดไหน
ต่างชาติมาสม่ำเสมอ แต่เป็นห่วงทางเชียงใหม่มากกว่า เพราะข่าวที่ออกไปมันเป็นลบ ติดอันดับโลกในเรื่องของอากาศเป็นพิษ บ้านเราเคยมีจุดขายเรื่องของอากาศอยู่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ประเทศจีนเขามีปัญหาเรื่องของอากาศมานาน ทีนี้พอเราเอาตรงนี้เป็นจุดขาย กลับกลายเป็นจุดบอดเรา ก็เหนื่อยหน่อย เลยคิดว่าเชียงใหม่น่าจะได้รับผลกระทบพอสมควร แต่กรุงเทพฯ ภูเก็ตไม่น่าจะมีปัญหาสักเท่าไหร่ ส่วนขอนแก่น อีสานไม่มีปัญหา ซึ่งเดิมต่างชาติก็ไปไม่ค่อยเยอะ ประเทศเราทำไมเราต้องพูดถึงนักท่องเที่ยวจีนบ่อย เพราะนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 30% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาบ้านเรา แล้วอยู่ใกล้บ้านเรา ฉะนั้นจะทำอะไร จะปรับเปลี่ยนอะไรมันไว ที่สำคัญคือจีนเขาใช้เงินเยอะ เขาเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเยอะ ขณะเดียวกันเวียดนามก็มาไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดแถบอาเซียนก็มาไทยเยอะขึ้น ตรงนี้น่าสนใจมาก อย่างเวียดนามมาไทย ด้วยอัตราการเติบโตของเขาที่มาบ้านเรา ตรงนี้เรามีคู่แข่งก็คือญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาทำตลาดเยอะ มีการดึงคนอาเซียนไปญี่ปุ่นเยอะ อีกส่วนหนึ่งก็คือคนจีนไปเวียดนามก็มีจำนวนมากขึ้น ตรงนี้คือประเด็นแข่งขันกัน
- คนจีนไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี มากเหมือนกัน
ถ้าจีนไปเกาหลีถือว่าเยอะ ปีที่แล้วเพิ่ม 30% คนจีนไปเกาหลีเหนือมากกว่ามาไทยอีก เดิมจีนกับเกาหลีเหนือมีปัญหาเรื่องการเมืองนิดนึง ตอนที่มีบริษัทไปให้สหรัฐอเมริกาเช่าฐาน เลยทำให้จีนบอยคอต ไม่ไปเกาหลี 1-2 ปี แล้วเพิ่งมาเปิดปีที่แล้ว ก็เลยทำให้ยอดกระฉูดขึ้นมา 30%
แต่ญี่ปุ่นนี่น่ากลัว ญี่ปุ่นไปเสิร์ฟเรื่องความรู้สึกของนักท่องเที่ยวคนจีนที่มีมาตรฐานสูงขึ้น บ้านเราก่อนหน้านั้น เราขายจีนที่เป็นแมสเยอะ หมายความว่ามาเที่ยวไทยเราขายครึ่งราคา ทีนี้ตลาดแมสเมื่อปีที่แล้วก็ถูกเวียดนามเอาไปเยอะ กลายเป็นว่าเราต้องปรับกลยุทธ์ทำทัวร์ให้มาตรฐานมากขึ้น แต่มาตรฐานของเราคือเรามีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเราสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ ทั้งความปลอดภัยในเรื่องทรัพย์สิน ความปลอดภัยในชีวิตคน เรื่องการเดินทาง เราสู้ญี่ปุ่นไม่ได้จริงๆ เราต้องปรับ และถ้าเกิดเราปรับได้ด้วยทรัพยากรทางท่องเที่ยวของเรา บอกเลยว่าเราเหนือกว่าหลายประเทศ ยังไงญี่ปุ่นก็หนาว คนจีนเวลาเขาหนีหนาว เขาไม่หนีไปญี่ปุ่นหรอก ด้วยหลักความเป็นจริง เขาก็ต้องหนีเข้าไทย
ดังนั้น ก็อยากสื่อถึงรัฐบาลใหม่ แขนขาเราเยอะ แต่เราก็สร้างปัญหาเอง ทั้งๆ ที่เรื่องท่องเที่ยวจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และลงทุนน้อย แต่อย่าให้แหล่งท่องเที่ยวกระจุกเยอะเกินไป ต้องกระจายไปต่างจังหวัดเยอะๆ แล้วเราก็ต้องไปควบคุมที่นั่น ไม่ใช่ว่าพอต่างจังหวัดโต ทุนจากอะไรก็เข้าไปแล้ว ต้องให้เจ้าของถิ่นเขาสร้างตัวขึ้นมา แล้วไปสร้างมาตรฐานให้เขา
แต่ที่กลัวๆบางทีที่เราเคยเจอ พอที่ไหนดี มีคนเอาเงินมาให้ปั๊บ ก็รีบขาย เขาต้องรู้ เขามีจุดเด่นเยอะ บางทีเรามีวัฒนธรรมบางอย่างในท้องถิ่นเรา เราต้องสร้างมาตรฐานเราให้สูงขึ้น แล้วอย่าให้คนอื่นเขามาช่วงชิงไป
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องออนไลน์ ให้ระวังนิดนึง เพราะอย่างไรเราก็สู้ต่างประเทศเขาไม่ได้ ถ้าเปิดมากเกินไปเราอาจจะเสียหาย อย่างแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เดี๋ยวนี้มีการจองเข้ามา พวกนี้ที่มันมาตามแพลตฟอร์มต่างๆ จะเป็นของต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ ไม่ว่าการจองโรงแรมอะไรพวกนี้ แล้วพวกนี้เวลาเข้ามาจองโรงแรมเสร็จปุ๊บ รายได้จริงๆไม่ได้เข้ามาประเทศไทย เวลาเราจองโรงแรม พอรูดเงิน ในส่วนเงินไปออกที่ต่างประเทศ ตรงนี้คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงว่าเรามีจุดเด่นเยอะ กลายเป็นว่าครึ่งนึงไปจองกับแพลตฟอร์มต่างประเทศเยอะเกินไป ทำให้โรงแรมเรามีปัญหา เดิมชาร์จคอนเนกชันไป 30-40% ซึ่งโรงแรมอาจจะยังอยู่ได้ แต่ก็ถูกพวกนี้บีบไปเรื่อยๆ
ทีนี้คือนักท่องเที่ยวเราเยอะ เราก็สร้างๆๆ คือเรามีประเด็นปัญหาอยู่ 2 เรื่อง คือ 1. เราสร้างโรงแรมโดยไม่ได้คำนึงอะไรเยอะ แล้วก็สร้าง 2. เราไปเอาที่ซึ่งไม่ใช่โรงแรมมาทำโรงแรม มาทำที่พัก อาจจะผิดกฎหมาย ซึ่งบ้านเรา 70% ที่ผิดกฎหมาย ก็เลยเป็นปัญหา ทีนี้พวกนี้ต้องอาศัยพวกออนไลน์ มันก็เลยไปกันใหญ่ เราดูเหมือนว่าดี ปีที่แล้วเราบอกว่าเราได้เงินจากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท จริงๆเงินตกอยู่ที่บ้านเราเท่าไหร่ มันต้องช่วยๆกันดู เรื่องนี้จะฝากรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้หรอก ทุกคนสำคัญหมด รวมทั้งสื่อ ทั้งพวกผมที่ให้ข้อมูลสื่อ ยังไงเรื่องพวกนี้ก็ฝากไว้
ส่วนสงกรานต์ที่จะถึงนี้ น่าจะมีปัญหาไม่เยอะ แล้วเศรษฐกิจมันก็รันไปเรื่อย อย่างที่บอกที่บอกว่าดีๆๆ ตกที่เราเท่าไหร่
- คนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศปีนี้เป็นอย่างไร
จริงๆคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศก็สูงขึ้นนะ โดยเฉลี่ยสูงขึ้น เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายถูกลง ค่าตั๋ว ค่าอะไรต่างๆ มีเงิน 3 หมื่นกว่าบาทก็เที่ยวได้แล้ว ขณะที่คนไทยเที่ยวไทยกลับแพง แต่ไปเที่ยวต่างประเทศกลับถูกกว่า ก็เลยไปเที่ยวต่างประเทศกันเยอะ คือมันเป็นเรื่องของระบบ อาจจะไม่ใช่ค่าโรงแรมเพียงอย่างเดียว มันเป็นระบบของสายการบินที่ไปทำตลาดเรื่องตั๋ว และการจองไปเที่ยวกันเองก็เยอะขึ้น สังเกตว่าคนไทยไปเที่ยวกันเองเพิ่มขึ้น ส่วนต่างชาติมาเที่ยวไทยกันเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์ก็เยอะ ทีนี้ปัญหาก็คือว่า ถ้ามาเที่ยวกันเยอะ เกิดปัญหาขึ้นคนต่างชาติไม่มีใครดูแล ซึ่งใครจะดูแลเมื่อเกิดปัญหา ถ้าเกิดเรือล่มปุ๊บไม่มีใครดูแลเขานะ ก็ต้องเอาเงินของภาครัฐ ซึ่งต่อไปเราจะมีการเก็บที่เรียกว่าค่าประกันของคนต่างชาติที่มาเที่ยวในไทย เรื่องนี้เห็นด้วยเพราะพอมันมีตรงนี้ขึ้นมา มันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เราเอาไปดูแลเขาได้โดยไม่ต้องใช้ภาษีประชาชน มันเป็นเงินที่เขาจ่ายออกมา แล้วเราเก็บเป็นกองทุนเพื่อเอากลับไปดูแลเขา ตรงนี้คือไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เดี๋ยวรัฐบาลใหม่มาก็เอาไปโยงว่าเป็นผลงานของรัฐบาลเก่า เดี๋ยวก็มีปัญหาหมด คืออะไรที่ดีๆก็เก็บเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าดี ต้องชื่นชมรัฐมนตรีวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ท่านผ่าเรื่องนี้เลย เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ตรงนี้เป็นผลงานของท่านเลย
- ช่วงสงกรานต์เงินจะสะพัดแค่ไหน จากที่เชียงใหม่มีปัญหา
สะพัดมันสะพัดอยู่แล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีคนดูอยู่ว่าเชียงใหม่มีปัญหามั้ย แต่ก็มีการตอบมาว่ายังไม่เห็น ส่วนตัวก็คุยกับหน่วยวิจัยของจุฬาฯ เขาก็บอกว่ายังไม่เห็น แต่ว่ามันเป็นเรื่องของก่อนหน้านั้น