นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) เผยในงานเสวนา โอกาสเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางวิกฤต สู่ความท้าทายระดับสากล ในงาน ‘ฟินันเซีย อินเวสเมนท์ คอนเฟอเรนท์ 2019’ ที่จัดขึ้นโดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) “ในปีนี้เศรษฐกิจโลกยังได้รับผลกระทบและชะลอตัวจากสงครามการค้าจีน และอเมริกา รวมถึงนโยบายการเงินแบบตึงตัวด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การเดินหน้าเรื่อง Brexit (เบร็กซิท) ล้วนแต่สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักธุรกิจทั่วโลก แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกจาก FED น่าจะขึ้นดอกเบี้ยไปมากพอแล้ว อัตราการจ้างงานก็ฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจและรายได้ในประเทศกำลังพัฒนาก็ขยายตัวทำให้การบริโภคในประเทศเติบโตขึ้น ช่วยรองรับความสามารถในการเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก”
นายประเสริฐ กล่าวว่า “นอกจากนี้หลายสำนักยังคาดการณ์ว่าถ้าเศรษฐกิจของอเมริกาและจีนหดตัวโดยที่ 2019 GDP growth ลดลง 1% เศรษฐกิจโลกในปี 2019 ก็จะหดตัวในอัตราที่เท่ากัน การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของประเทศที่พัฒนาแล้วอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจาก Emerging markets ความไม่แน่นอนทำให้การประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้ถูกต้องเป็นไปได้ยาก การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในปี 2019 ถูกปรับลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนอย่างมากในปี 2018 น่าจะเข้าสู่สภาวะคงที่มากขึ้นในปี 2019 ดังนั้นเศรษฐกิจในประเทศอาจจะชะลอตัวตาม แต่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและ EEC จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ รวมถึงความชัดเจนหลังการเลือกตั้งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ทางด้านการใช้พลังงานในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม คิดเป็น 80% ส่วนต้นทุนพลังงานอยู่ที่ 2 ล้านล้านเทียบเป็น 14% ของ GDP ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น สัดส่วนพลังงานต่อจีดีพีสูง สะท้อนให้เห็นการใช้พลังงานยังถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และเรามีพลังงานไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็ยังพึ่งพาการนำเข้าพลังงานประมาณ 60% การใช้พลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียน จะมีบทบาทมากขึ้น อย่างไรก็ตามในระยะยาว อุตสาหกรรมพลังงานไทยจะสอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานโลก โดยมีการใช้พลังงานสะอาด และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายประเสริฐกล่าว