ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหืดจับ 3-4 เดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติลดฮวบ 40% เม็ดเงินหายวับ 2 พันล้านบาท หนักสุดคือนักท่องเที่ยวจีนที่หันไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง มากขึ้น ขณะที่เพื่อนบ้านทั้งสิงคโปร์ มาเลย์ เวียดนาม พม่า ต่างมาแรง เอาใจนักท่องเที่ยวจีนสุดๆ ชี้...มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว 21 ประเทศช่วงปลายปี 61 ต่อต้นปี 62 จะเป็นยาแรงที่ทำให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากจีนกลับมาเมืองไทยคับคั่งเหมือนก่อน แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยจะกลับสู่สภาวะปกติได้ ต้องรอช่วงตรุษจีนไปแล้ว
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยรวม 21 ประเทศ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ถึง 31 มกราคม 2562 ว่า รัฐบาลต้องการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% ซึ่งผู้ประกอบการเชื่อว่าจะเป็นยาแรงที่ ทำให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วขึ้น หลังจากที่ตัวเลขตกลงมาติดต่อกัน 3-4 เดือน โดยในส่วนของแอตต้าประเมินว่าในช่วง 3-4 เดือนหลังนี้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงถึง 40%
“เป็นมา 3-4 เดือนแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศที่ปกติขายทัวร์มาไทยเป็นหลัก ก็ขาดความเชื่อมั่น เพราะสภาพสถานการณ์ทางด้านการตลาดไม่มีตัวกระตุ้นหรือไม่มีเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นการออกนโยบายนี้ก็ถือว่าทำให้เกิดบรรยากาศในการชี้นำให้นักท่องเที่ยวอยากจะกลับมาเที่ยวเมืองไทย และที่สำคัญคือเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศ มีกำลังใจในการขายทัวร์เพื่อเที่ยวเมืองไทยกลับมา และตัวนี้จะเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้ไฟล์ทหรือเที่ยวบินที่ช่วงนี้แทบไม่มีผู้โดยสารต่างประเทศบินเข้ามา โดยเฉพาะจากจีนที่ล่าสุดเข้ามาค่อนข้างต่ำ ก็จะทำให้เที่ยวบินเหล่านี้กลับมาฟื้นคืน และอนาคตจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ”
สำหรับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ากับ 21 ประเทศดังกล่าวนั้น นายอดิษฐ์กล่าวว่า จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจาก 21 ประเทศสามารถบินมาทำวีซ่าหน้าด่านในไทย ซึ่งที่ผ่านมา 21 ประเทศดังกล่าวถือเป็นตลาดหลักที่ไทยต้องการให้เข้ามาท่องเที่ยวอยู่แล้ว
“จำนวนวันที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ารวม 60 วัน ถ้าพูดถึงในลักษณะการตลาด ภาคเอกชนก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ว่าสั้นไปนิด แต่เราเข้าใจว่าก็ต้องใช้งบประมาณอยู่พอสมควรในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวมา และการยกเว้นค่าธรรมเนียมช่วง 2 เดือนหรือ 60 วันนั้นก็ถือว่าเป็นการลองตลาดดูส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ต้องมาดูด้วยคือเรื่องความกังวลในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เดิมทำวีซ่าในประเทศตนเอง ก็จะเทมาทำวีซ่าหน้าด่าน ก็อาจจะทำให้เกิดคอขวดที่หน้าด่านได้ คิดว่ามาตรการช่วง 2 เดือน ก็อยู่ในความเหมาะสมของภาครัฐที่ดูในหลายมิติ ขณะที่เราเองก็พร้อมสนับสนุน”
ส่วนที่มีการมองว่าให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวหลักจาก 21 ประเทศไปเลยจะดีหรือไม่นั้น ไปเลยจะดีหรือไม่ นายอดิษฐ์กล่าวว่า ในแง่ของธุรกิจถือว่าดี แต่ว่าการยกเว้นวีซ่าจะเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ภาครัฐคงต้องดูในหลายมิติ ต้องมีองค์กรหลายองค์กรเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา ขณะที่ภาคเอกชนเองก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากนัก แต่ถ้ากล่าวเฉพาะมุมมองของเอกชนในเรื่องของการตลาด แน่นอนการยกเว้นวีซ่าจะทำให้ทำตลาดได้ง่ายขึ้น กว้างและแรงขึ้น
“ใน 21 ประเทศที่ได้รับการยกเว้น เรามองว่าจีนเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะอย่าลืมว่านักท่องเที่ยว 35 ล้านคนปีที่แล้ว เป็นนักท่องเที่ยวจีนเกือบ 10 ล้านคน ถือเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 และช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตลาดที่กระทบหนักก็คือตลาดจีน เพราะฉะนั้นการที่เรายกเว้นค่าธรรมเนียมครั้งนี้ก็จะชี้และเน้นไปที่ตลาดจีนเพื่อให้พลิกฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมา แต่อาจจะไม่เร็วเท่ากับที่เราอยากจะให้เป็น คงต้องใช้ระยะเวลานิดนึง เพราะว่าไฟลท์ปกติแล้วจะบินจากเมืองใหญ่เข้ามา ปีที่แล้ววอลุ่มใหญ่ของเราจะมีเที่ยวบินพิเศษที่บินจากเมืองรองของจีนเข้ามาด้วย แต่ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์การตลาดไม่ดี เที่ยวบินพิเศษเหล่านี้ถูกยกเลิกไป เปลี่ยนเส้นทางไป เมื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางไปแล้ว กว่าเขาจะกลับมาก็ต้องใช้เวลาสัก 3 เดือน เพราะจะเปลี่ยนทุกซีซั่น ก็ต้องดูว่าตรงนี้ต้องใช้เวลาในการพลิกฟื้น เพราะฉะนั้นมองว่าถ้าจะกลับมาเป็นปกติ เราก็หวังว่าหลังช่วงตรุษจีนปีหน้าแล้วน่าจะเป็นปกติได้สักช่วงมีนาคมและเมษายน 2562
ทั้งนี้ นายอดิษฐ์กล่าวด้วยว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยมาไทยจะเปลี่ยนไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างสิงคโปร์ และมาเลเซีย
“อย่างเวียดนามซึ่งเวียดนามถือว่ามาแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนน้องใหม่ที่เริ่มมาแรงคือพม่าซึ่งมีการยกเว้นวีซ่าให้กับคนจีนแล้ว ถือว่าคู่แข่งเยอะแยะไปหมดทั้งใกล้ตัวและไกลตัว อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าช่วง 2 เดือนจากนี้ จากที่เรามีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า มองว่าน่าจะกระตุ้นเพิ่มนักท่องเที่ยวจากจีนได้ 1-2 แสนคน มีเงินสะพัดเข้าไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินที่เราสูญเสียจากที่ถูกเว้นวรรคไปคิดเป็นเงินประมาณ 2 พันล้านบาท”
ส่วนที่มีการมองกันว่าในระยะหลังประเทศไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวจากตะวันตกเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจีนนั้น นายอดิษฐ์กล่าวว่า ไทยยังคงให้ความสำคัญนักท่องเที่ยวจากตะวันตก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปติดเพดานมาหลายปีแล้ว และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะแต่ละทริปมาพักนานถึง 14 วัน ซึ่ง 70% เป็นนักท่องเที่ยวที่มาแล้วมาอีก
“เราก็ให้ความสำคัญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจำนวนหรือปริมาณของนักท่องเที่ยวยุโรปนั้น ปัจจุบันตลาดไม่ใหญ่เท่าตลาดเอเชียใกล้บ้านเรา และอย่าลืมว่าตลาดใกล้บ้าน เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็น่าจะเป็นตลาดที่สามารถสร้างรายได้เราได้มากกว่า โดยธุรกิจท่องเที่ยวของไทยในภาพรวมปีนี้มองว่ายังเป็นบวกและยังมีความสดใสอยู่”
อนึ่ง สำหรับ 21 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าได้แก่ ประเทศ อันดอร์รา, บัลแกเรีย, ภูฏาน, จีน, ไซปรัส, เอธิโอเปีย, ฟิจิ, อินเดีย, คาซัคสถาน, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มัลดีฟส์, มอลตา, มอริเชียส, ปาปัวนิกินี, โรมาเนีย, ซานมารีโน, ซาอุดีอาระเบีย, ไต้หวัน, ยูเครน และอุซเบกิสถาน