เหตุเรือล่มที่ภูเก็ต สร้างผลเสียต่อการท่องเที่ยวมากกว่าปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือแก้ปัญหา ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวคืนมาโดยเร็ว พร้อมย้ำ...หยุดคิด หยุดปลูกฝังความคิดเรื่องนักท่องเที่ยวจีนว่าไม่มีคุณภาพ ไม่มีเงิน เพราะนักท่องเที่ยวจีนคือนักช็อปตัวจริง ซื้อจริง จ่ายจริง กินจริง มากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ
นายชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ อุปนายกและเลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน เปิดเผยกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ก่อนเกิดเหตุมีแผนเดินทางมาภูเก็ตอยู่แล้ว แต่บังเอิญเกิดเรื่องจึงยกเลิกภารกิจ และเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมผู้ที่บาดเจ็บทั้ง 2 แห่ง คือโรงพยาบาล อบต. กับ โรงพยาบาลวชิระ โดยบรรยากาศค่อนข้างเศร้าสลด
“มีการให้กำลังใจกับผู้ที่รอดชีวิต และจะหาวิธีกับภาครัฐช่วยในการเยียวยาให้กับผู้ได้รับความเสียหาย ตอนนี้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทยเยอะ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ คาดว่าจะมีผลกระทบตามมาแน่นอนเพราะเป็นการเกิดเหตุกับคนจำนวนมาก เหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน เท่าที่ได้รับทราบว่าในเร็ววันนี้ทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกได้ว่าเราให้ความสำคัญกับเขา ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในไทยจะท่องเที่ยวตามหัวเมืองหลักของแหล่งท่องเที่ยว จะเห็นว่ามีครบหมด หลายคนเข้าใจว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมาสร้างรายได้แล้วไม่ได้กระจายรายได้สู่ทั่วประเทศ แต่ที่จริงแล้วรายได้ผ่านหัวเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร นับว่าเป็นกำลังสำคัญที่สร้างรายได้สู่ประเทศเป็นอย่างมาก...
ถ้าเราทุกภาคส่วนให้ความสำคัญอย่างที่เป็นอยู่ คิดว่าน่าจะช่วยกู้สถานการณ์ ทำให้มีความรู้สึกที่ดี เพราะเข้าใจได้ว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความประมาทของคน แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องสร้างความรู้สึกดีต่อกันด้วย คือไม่ปล่อยปะละเลย ซึ่งได้เห็นคนในพื้นที่ได้ทำในสิ่งที่อบอุ่นใจ ภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคธุรกิจต่างๆ มีจิตอาสาเต็มที่ เห็นแล้วซาบซึ้งใจ อย่างเครือข่ายโทรศัพท์ต่างๆ ให้บริการโทรฟรีกับญาติ แน่นอนว่าตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ก็สับสนอลหม่าน แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ต่างๆ ก็เข้าที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการตั้งศูนย์ช่วยเหลือได้อย่างดีมาก”
นายชนะพันธ์กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประธานาธิบดีของจีนมีการเรียกร้องทางการไทยให้ใช้ความพยายามในการค้นหาผู้สูญหาย การที่ผู้นำจีนลงมาสั่งการด้วยตัวเองเป็นเพราะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
“ในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ความเสียหายจะไม่เยอะเท่านี้ อย่าง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเที่ยวเกาหลีเหนือแล้วรถบัสตกสะพานเสียชีวิตไปกว่า 30 ราย ถึงขนาดประธานาธิบดีของเกาหลีเหนือส่งร่างผู้เสียชีวิตขึ้นรถด้วยตัวเอง เพื่อแสดงถึงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง เรื่องนี้ก็ทำให้ความรู้สึกของคนจีนดีขึ้น...
“ส่วนเหตุที่ภูเก็ตนั้นแน่นอนว่าค่อนข้างชุลมุน เราต้องคิดถึงก่อนว่าตัวเลขต่างๆ ถูกต้องแล้วหรือยัง ซึ่งยังต้องพิสูจน์ให้ทราบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พิสูจน์หลักฐานที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ทำงานกันอย่างเต็มที่ เข้าใจว่าทำงานกันตั้งแต่หน้างานเริ่มจากช่วงเวลากลางวันจนถึงเที่ยงคืน และจนถึงตอนเช้าขณะที่เกิดเหตุขึ้น และยังมีการประชุมหารือกันทุกเรื่อง ให้การเอาใจใส่เป็นอย่างดีมาก”
อย่างไรก็ตาม นายชนะพันธ์ให้ความเห็นถึงเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตว่าในระยะแรกจะมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมาเมืองไทย เพราะต่างอยู่ในช่วงตกใจ เศร้าสลด และคงกระทบในด้านจิตใจ ซึ่งทุกภาคส่วนของไทยที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น ร่วมกันป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
“ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาแสดงให้เห็นรูปธรรมอย่างชัดเจนออกมา ไม่ใช่แค่เสียใจ จบไป แล้วก็มาอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ การที่นักท่องเที่ยวมาแล้วเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เราอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าคนมาเที่ยวเมืองไทยแล้วต้องตายก็แย่เลย ซึ่งคนเราจะตายห้ามไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ควรเกิดจากความประมาท...
“ตอนนี้เราจะไปแก้ปัญหา อันดับแรกต้องเยียวยาจิตใจก่อน หลังจากนั้นต้องร่วมมือกันหาแนวทางปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเชื่อใจ มั่นใจว่าเมื่อมาเมืองไทยแล้วจะปลอดภัย ต้องลบภาพร้ายๆ เหล่านี้ให้หมด ก็หวังว่าสิ่งที่เราแก้ไขจะมีผลให้เขาเห็นใจเราส่วนหนึ่ง อยากประชาสัมพันธ์ว่าขอขอบคุณจิตอาสาไม่ว่าจะเป็นสมาคมธุรกิจของคนไทย บริษัทผู้ประกอบการต่างๆ ที่ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือเยียวยาได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหน่วยงานทุกหน่วยด้วย”
ส่วนในเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น นายชนะพันธ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นระบบที่ขัดขวางการเจริญเติบโตอย่างถูกต้องทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่เสียหายถึงขั้นมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต
“แต่ถามว่าทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นปัญหาหรือไม่ คำตอบก็คือเป็นปัจจุบันเรามีกฎหมายมาตราต่างๆ ก็จริง แต่กลไกที่ควบคุมอย่างมีระบบยังไม่ครบเครื่องเท่าที่ควร ยังไม่สามารถสกัดได้ 100% ก็ยังมีประปราย เข้าใจว่าหน่วยงานราชการก็ดำเนินการอยู่ตลอด...
“ทุกวันนี้ทัวร์จีนที่เข้ามาเมืองไทย มีหลายคนมองว่าเป็นทัวร์ที่ไม่ค่อยมีเงิน กำลังซื้อน้อย มารยาทไม่ค่อยดี ซึ่งคนที่ให้ข่าวตั้งแต่ต้นเขาไม่เข้าใจบริบทของนักท่องเที่ยวชาวจีน นักท่องเที่ยวชาวจีนซื้อทัวร์ในราคาถูก ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีคุณภาพ ยกตัวอย่าง คนไทยจะไปเที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวเกาหลี ในช่วงราคาที่ถูกมาก เวลาเราไป เขาบอกได้ไหมว่าเราไม่มีเงิน ซื้อของถูก ใครก็ชอบใครก็นิยม คนจีนก็เช่นกัน ซื้อทัวร์มาถูกแต่พอมาถึงเมืองไทย เราลองสังเกตดูจะเห็นมีปรากฏการณ์เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ คือคนจีนเวลาซื้อของแล้วไปขอคืนภาษีในสนามบินนั้นจะเข้าแถวยาวมาก ทั้งในสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นประจำทุกวัน เวลามีเที่ยวบินของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับจีนในเวลาใกล้เคียงกัน จะมีแถวสะสมยาวมากในการขอคืนภาษี ถามว่าถ้านักท่องเที่ยวชาวจีนไม่มาใช้จ่ายซื้อของแล้วจะเอาอะไรไปขอคืนภาษี เรายังไม่เคยเห็นฝรั่งเข้าแถว เราเห็นแต่ชาวจีนที่ยืนเข้าแถว เพราะฉะนั้นการพูดว่านักท่องเที่ยวจีนไม่มีศักยภาพนั้น เป็นคนที่พูดโดยไม่มีข้อมูล ไม่ต้องเชื่อให้ไปดูด้วยตาด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องมารยาทคนจีนเขาก็เป็นธรรมชาติของเขาอยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องเสียงดัง”