top of page
327304.jpg

ขึ้นต่อเป็นโอกาสดีที่จะขายของแพง


มีเหตุมีผลของมัน !

ต้องเรียนว่าตั้งแต่ SET มีการดีดตัวกลับขึ้นมาจากบริเวณ 1,556 จุด ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2560 ที่ผ่านมา มีคำถามเข้ามาที่ “นายหมูบิน” มากพอสมควรว่าเป็นการดีดตัวขึ้นที่มีเหตุมีผลหรือไม่ และจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน

ในเบื้องต้นสำหรับคำถามแรกต้องเรียนว่า “นายหมูบิน” มองว่าการดีดตัวขึ้นของ SET จากบริเวณ 1,556 จุดในรอบนี้ถือว่ามีเหตุมีผลพอสมควรในเชิงของเทคนิค โดยมีเหตุผลที่พอจะสรุปได้เป็น 2 ประเด็นร่วมกันดังนี้ 1) ในเชิงของคลื่นตามหลัก Fibonacci การปรับตัวลงมาที่บริเวณ 1,556 จุดของ SET ถือว่าเป็นการปรับตัวลงมาราว 50% หรือที่ภาษาเทคนิคเรียกว่า “One Half” เมื่อเทียบกับกรอบการปรับขึ้นรอบล่าสุดจาก 1,531-1,591 จุด (15 พ.ค.-27 มิ.ย. 2560) และ 2) ในเชิงของ Trend Line ถ้าเรามองว่ากรอบขาลงของ SET ในรอบนี้เริ่มต้นจากการถอยตัวลงหลังขึ้นไปทดสอบ 1,556 จุด แล้วไม่ผ่าน ดังนั้นในเชิงของ Trend Line การดีดตัวขึ้นของ SET จาก 1,556 จุด จึงเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ดี เมื่อกลับไปดูที่คำถามที่ 2 ที่ถามว่าแล้วการดีดตัวกลับขึ้นมาจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน ในเบื้องต้นผมขอสรุปสั้นๆว่าตราบใดก็ตามที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน บริเวณ 1,670 จุดอีกครั้ง ผมจะตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่าการแกว่งตัวขึ้นในรอบนี้ยังไม่จบ โดยเป้าหมายการดีดกลับในระยะไม่เกิน 1 เดือนจะมีบริเวณ 1,720 จุดเป็นจุดหมุน โดยกรณีที่ SET สามารถปิดเหนือบริเวณดังกล่าวได้อย่างมั่นคงกรอบการแกว่งตัวของ SET จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,720-1,770 จุด ตรงกันข้ามกรณีดีดขึ้นแล้วไปปิดเหนือ 1,720 จุดไม่ได้ กรณีดีที่สุด SET จะแกว่งในกรอบ 1,670-1,710 จุดต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่กรณีแย่คือ SET หมุนตัวลงไปปิดต่ำกว่า 1,670 จุดอีกครั้ง 1,630 จุด จะทำหน้าที่เป็นแนวรับถัดไปอย่างรวดเร็ว

ตลาดหุ้นโลกยังดี แต่ภูมิภาคนี้ไม่ใช่เป้าหมายหลัก : ในภาพใหญ่ของตลาดหุ้นโลก แม้ว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 2560 จะมีสูงมาก แต่ยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อความเชื่อมั่น (Sentiment) และการเหวี่ยงตัว (Momentum) ของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาค โดยที่ในด้านของความเชื่อมั่นสะท้อนออกมาจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ระบุว่ามีสัดส่วนนักลงทุนสหรัฐที่ประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Bullish ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 35.6% เท่านั้น เพิ่มขึ้น 2.3% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และยังคงสูงกว่าสัดส่วนนักลงทุนสหรัฐที่ประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลับสู่แนวโน้มขาลง หรือ Bearish ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.8%

ขณะที่ในเชิงของ Momentum ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังคงไม่มีความน่ากังวลมากนัก สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ และ HSI VIX Index ของตลาดหุ้นฮ่องกงล่าสุดยังคงแกว่งตัวอยู่ต่ำกว่าบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน สอดคล้องกับการที่ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐ และอาเซียนยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญอย่าง EMA 200 วันด้วยเช่นกัน ขณะที่ในด้านของทิศทางเงินทุน ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ Emerging Market กลับมามีเงินทุนไหลเข้าราว 629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่มพัฒนาแล้วมีเงินทุนไหลเข้าถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดีประเด็นที่ “นายหมูบิน” ค่อนข้างกังวลต่อสถานการณ์ปัจจุบันก็คือโอกาสที่ตลาดหุ้นภูมิภาคจะเป็นเป้าหมายอันดับต้นในการขายลดความเสี่ยงของ Global Fund Manager ในกรณีเกิด Sell-Off ขึ้นอีกครั้งในกลุ่มตลาดสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากถ้าพิจารณาจะพบว่าในปี 2560 เทียบ YTD แม้ว่าตลาดหุ้นตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ Emerging Market ยังคงมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสุทธิราว 51.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นกลุ่มพัฒนาแล้วที่มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิราว 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเป้าหมายหลักของ Global Fund Manager สำหรับตลาดหุ้นยังคงเทความสนใจไปที่ตลาดหุ้นกลุ่มพัฒนาแล้วมากกว่า

ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่มกำลังพัฒนาคงใช้เป็นเพียงเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงเท่านั้น ทำให้ “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการไปต่อของ SET เหนือ 1,720 จุดแบบมั่นคงในช่วงที่เหลือของปี 2560 โดยการคาดหวังว่าจะเห็นการเข้าซื้อต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักมีความเป็นไปได้น้อยมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาในทางเทคนิค “นายหมูบิน” พบว่าการที่ Indicator สำคัญอย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ยังคงอยู่ในภาวะ Negitive Divergance กับดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,660 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น. ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily

Source: Wealth Hunters Club

19 views
bottom of page