top of page
327304.jpg

สหรัฐเล็งลดขาดดุลการค้า..หวยออกเหล้า-ไวน์ สินค้าเกษตรไทย


ผู้นำภาคอุตสาหกรรมไทย “เจน นำชัยศิริ” ไม่ห่วงการส่งออกไทยไปสหรัฐอเมริกาหลังเจอลีลาประธานาธิบดีทรัมป์สั่งศึกษาเหตุขาดดุลการค้าไทย กับชาติอื่นๆ รวม 16 ประเทศ ตีแผ่ไทยได้เปรียบดุลการค้ามะกันกว่า 20,000 ล้านเหรียญ ล้วนเป็นสินค้าเป็นประโยชน์ต่อคนมะกันช่วยเสริมธุรกิจ/อุตสาหกรรมและการจ้างงานเพิ่ม ส่วนธุรกิจอาหารก็ไม่น่าห่วงเพราะได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่สหรัฐแล้ว เผยที่น่าเป็นห่วงคือไทยต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรกับแอลกอฮอล์มะกันเพิ่ม เพื่อช่วยลดการขาดดุล

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวผ่านรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” จัดขึ้นโดยทีมข่าวหนังสือพิมพ์ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสั่งให้มีการศึกษากรณีที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้า 16 ประเทศ โดยเฉพาะต่อไทยนั้นว่าเป็นประเด็นที่ไทยต้องติดตาม จากที่ไทยทำการค้ากับสหรัฐอเมริกาคิดเป็น 10% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ประเด็นหลักๆ คือต้องหาข้อมูลว่าสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกามีอะไรบ้าง ปรากฏว่า 40% เป็นสินค้ากลุ่มฮาร์ตดิสก์ไดรฟ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

“ในความเป็นจริงอุปกรณ์พวกนี้เป็นของบริษัทของสหรัฐอเมริกาที่มาตั้งโรงงานในไทย แล้วผลิตส่งกลับไปสหรัฐอเมริกา ตรงนี้มองว่าสหรัฐอเมริกาก็น่าจะได้ประโยชน์ บริษัทของสหรัฐอเมริกาก็ได้ประโยชน์ สินค้าเหล่านี้ก็ไม่ได้ไปทำให้คนสหรัฐอเมริกาตกงาน ตรงกันข้าม กลุ่มสินค้าเหล่านี้ที่ส่งไป ก็ยังต้องไปประกอบ ไม่ว่าจะเป็นพวกโน้ตบุ๊ก ตรงนี้ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ส่วนอีก 60% จะเป็นกลุ่มสินค้ายางพารา ตรงนี้จะเป็นวัตถุดิบ เมื่อส่งไปก็จะนำไปทำถุงมือยาง ยางรถยนต์ เหล่านี้ก็ไม่ได้ไปทำให้คนสหรัฐอเมริกาตกงานแต่อย่างใด กลุ่มนี้ก็ไม่น่าเป็นห่วง และยังทำให้มีการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นได้” นายเจนกล่าวและว่า ยังมีกลุ่มสินค้าที่ส่งไปสหรัฐอเมริกาแล้วบริโภคได้ทันทีอย่าง กลุ่มอาหารบางบริษัทที่เป็นบริษัทผลิตอาหารในไทย ตอนนี้ก็ไปตั้งฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกาแล้วดูว่าเหมือนมีการเตรียมการไว้เหมือนกันในกรณีที่ไทยอาจจะถูกกีดกันทางการค้า ในส่วนนี้ไม่น่าจะเป็นกังวลสักเท่าไหร่

“แต่มีกลุ่มสินค้าอัญมณี ที่ในสหรัฐอเมริกาเองไม่ได้มีการผลิต จะใช้วิธีการซื้อ ตรงนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าฝีมือคนไทยดี ส่วนนี้ไทยเกินดุลแน่นอน เพราะส่วนนี้ไทยไม่ได้ซื้อจากสหรัฐอเมริกา โดยไทยใช้วัตถุดิบในประเทศบ้าง นำเข้าบ้างจากพม่า อัฟริกา ประกอบเป็นตัวเรือนแล้วนำส่งไปขายในสหรัฐอเมริกา ถือว่าไทยไปได้ดีทีเดียว เมื่อจะมีมาตรการกีดกันการค้าขึ้นมา ก็เป็นห่วงเหมือนกันว่าจะมีภาษีเพิ่มขึ้น แต่สินค้าของไทยถือว่าได้เปรียบคือในเรื่องของฝีมือดี และเรื่องคุณภาพดี ทำให้ไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่”

ภาพรวมการส่งออกของไทยไปสหรัฐอเมริกา นายเจนเปิดเผยว่าอยู่ที่ประมาณกว่า 24,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ ในขณะที่ไทยเกินดุลสหรัฐอเมริกาเกือบ 20,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ แสดงว่าไทยซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง ตรงนี้ต่างหากที่น่าเป็นห่วง เพราะเวลาที่ไทยพูดเรื่องการขาดดุลการค้า ทางสหรัฐอเมริกาก็อาจจะหมายความว่าไทยควรซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น แปลว่าไทยจะต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกามากขึ้น จากที่พิจารณาจะมีสินค้าทางการเกษตร กลุ่มปศุสัตว์ เนื้อสัตว์ นม เหล่านี้ถ้าไทยจะนำเข้ามากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการของไทย ตรงนี้น่าเป็นห่วง และควรพิจารณาให้ดีว่าจะโต้แย้งประเด็นนี้อย่างไร

“สินค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มองว่าสหรัฐอเมริกาอยากให้ไทยนำเข้ามากขึ้น คือเรื่องของแอลกอฮอล์ มีวิสกี้ ไวน์ ตรงนี้แน่นอนไทยจะมีภาษีสรรพสามิตเป็นกำแพงภาษีที่ไทยตั้งขึ้นไม่ใช่ปกป้องทางการค้า แต่เป็นการไม่สนับสนุนให้บริโภคและเป็นการส่งเสริมสุขภาพคนไทยมากกว่า ประเด็นเหล่านี้ ต้องคุยต้องเจรจากันว่าเรามีเหตุผล คิดว่าคงอีกนาน อีก 90 วันที่สหรัฐอเมริกาจะศึกษาเรื่องนี้ และจะสรุปมาเป็นมาตรการต่างๆ ที่เขาจะมาดำเนินการต่อไป ส่วนหนึ่งของมาตรการพวกนี้ คือการเจรจาตัวต่อตัว และถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ควรเตรียมข้อมูล เตรียมเหตุผลที่จะไปคุยว่าเหล่านี้ ไทยไม่ได้ไปทำอะไรที่กระทบกับการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน ไทยกลับทำให้ประชาชนหรือผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาได้สินค้าดี ราคาเหมาะสมมากกว่า”

ส่วนเรื่องแทรกแซงค่าเงินนั้น นายเจนกล่าวว่า ไทยจัดการได้ดีพอสมควร โดยส่วนตัวมองว่าแบงก์ชาติดูแลเรื่องของการความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนของไทยได้ดี ไม่ได้บอกว่าค่าอ่อน ตรงนี้เองผู้ประกอบการเองต่างหากที่พยายามบอกแบงก์ชาติ ว่าเงินบาทต้องค่าอ่อนกว่านี้ แสดงว่าทางแบงก์ชาติไม่ได้ฟังทางผู้ส่งออกเพียงฝ่ายเดียวแปลว่ามีการบริหารจัดการที่ดี ตรงนี้ไทยมีหลักฐาน มีหลักวิชาที่จะไปชี้แจงได้อยู่แล้ว ทำให้ไม่ห่วงมากนัก

“ในเรื่องค้าขายไม่เป็นธรรม เรื่องลิขสิทธิ์ เรื่องนี้จะมีประเด็นอยู่บ้าง แต่รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปหลายอย่าง และหลายส่วนที่ออกมามีความชัดเจน อย่างสินค้าปลอมแปลง เรามีการยึดและทำลาย ส่วนกลุ่มสินค้าทรัพย์สินทางปัญญา เรามีเรื่องสิทธิบัตรยาเป็นต้น และเรื่องของซอฟต์แวร์ ซึ่งทั้ง 2 ส่วน ทางรัฐบาลไทยก็มีมาตรการออกมาดูแล โดยที่เทปผีซีดีเถื่อน ระยะหลังก็มีน้อย เพราะจะว่าไป ปัจจุบันคนไทยก็ดูผ่านออนไลน์ แทบจะไม่ต้องไปซื้อแผ่นอะไรแล้ว ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์น้อยลง” นายเจนกล่าวและพูดถึงเรื่องที่มีนักวิชาการแนะนำว่าถ้าไม่ให้สหรัฐอเมริกาเขม่นไทย ไทยเองก็อย่าทำตัวสนิทกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มากนักนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องทำให้เกิดบาลานซ์กัน เพราะไทยอยู่ในจุดตรงนี้ต้องไม่เป็นศัตรูกับใคร และต้องเป็นพันธมิตรกับทั่วโลก และในความเป็นมิตร จะขึ้นอยู่กับท่าทีและเหตุผล คืออะไรที่ดูแล้วไร้เหตุผล ไทยจะให้การสนับสนุนไม่ได้ แต่อะไรที่อยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียม ตรงนี้มีความจำเป็น ก็ต้องสนับสนุน สิ่งที่สำคัญ คือเวทีโลก ไทยต้องสนับสนุนให้มีการเจรจา ถ้ามีข้อขัดแย้ง คิดว่าจุดยืนไทยคงไม่เปลี่ยน

“สถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไรนั้น ในภาคผลิตต้องให้ความใส่ใจ ตอนนี้สิ่งที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาคือแถวทะเลจีนใต้ และเรื่องเกาหลีเหนือก็เริ่มมีความรุนแรงขึ้นมา เรื่องเกาหลีเหนือ เข้าใจว่ามันจะกระทบในเรื่องการขนส่งไม่มากนัก คือไม่เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ตรงนั้นจะกระทบการขนส่งน้ำมัน พวกโลจิสติกส์ต่างๆ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทันทีในเรื่องราคาน้ำมัน แต่แถวนี้จะสังเกตว่าราคาก็เพิ่มขึ้นเหมือนกันแต่ไม่รุนแรง ส่วนตัวมองว่าราคาน้ำมันจะมีความเคลื่อนไหวที่จำกัด เพราะถ้าเพิ่มขึ้นมามากเท่าไหร่ เชลล์ออยล์ เชลล์แก๊สจะออกมาแน่ พวกนี้รอจังหวะอยู่แล้ว ถ้าราคาขยับขึ้นมาก็ขายเลย ราคาน้ำมันยังคอนโทรลได้อยู่ ความกังวลก็จะน้อยกว่าเมื่อก่อน โดยเรื่องกำลังการผลิตยังไปตามความต้องการของตลาด เพียงแต่ว่าตอนนี้ถ้าเราพูดถึงเรื่องการลงทุนใหม่ หรือเรื่องเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ ตรงนี้อาจจะชะลอ เพราะต้องดูท่าทีก่อนว่าจะไปทิศทางไหน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะขยายวงหรือทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่”

40 views
bottom of page