Interview : คุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล
ผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศ และนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย
หวัง...ทรัมป์ไม่คัมแบ็ก ถ้าพลิกล็อก ทรัมป์กลับมาอีกรอบโลกจะวุ่นวายไม่จบ ปัญหา Trade War อเมริกา-จีนจะยืดเยื้อยาวนาน ส่วนปัญหาฮ่องกงที่ประเทศตะวันตกหวังกระทบชิ่งจีน ไม่มีผลต่อไทยโดยตรง ไทยควรวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ควรเตรียมตัวเพื่อรับมือกับโลกยุคใหม่ที่ปริมาณการค้าโลกจะลดลง ภาคธุรกิจต้องปรับตัว ไม่สติแตก ต้องทำยุทธศาสตร์ใหม่ กลยุทธ์ใหม่ ระบบการเงินแนวใหม่ คาดการณ์ใหม่ บริหารโดยคนรุ่นใหม่ มั่นใจ...ธุรกิจอาหาร-การเกษตรจะสดใสขึ้น กระทรวงเกษตรฯ ควรบริหารจัดการในมุมมองที่รอบด้านและกว้างขึ้นเพื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในฐานะคนค้าขายที่ติดตามสถานการณ์ต่างประเทศตลอด เครียดหรือกังวลไหมกับสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับจีน
กังวลเพราะเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐก็หาเสียงไว้อย่างนั้น พอหาเสียงเสร็จก็ทำตามที่หาเสียง ทำให้เราบาดเจ็บกันระนาวมา 2 ปีแล้วตั้งแต่เดือน 7 ปี 2018 ตอนนี้ปัญหายังไม่จบ เผอิญมีโควิดศัตรูร้ายเข้ามาอีกตัวนึงทำให้ภาคแรกของสงครามการค้าเงียบไป ไม่อย่างนั้นจะรุนแรงกว่านี้ แต่ผลของมันยังอยู่ ตัวเลขตกระเนนระนาดกันหมด ระยะหลังมีปัญหาในสหรัฐมาก สำหรับประธานาธิบดีท่านนี้ผมวิเคราะห์แล้วเขาคงใช้เวลาที่เหลือนี้สร้างวิกฤตเพิ่มขึ้น อย่างปิดสถานกงสุลของจีนที่เมืองฮุสตันนั้น ความเห็นผมคือเขาทำเพื่อหาเสียงเท่านั้นเอง ตอนนี้เหลือเวลาประมาณ 100 วันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ ยังเดาไม่ออกว่าจะเกิดอะไรอีก ขอให้มีแค่นี้ คิดว่าน่าเป็นห่วงแล้วถ้าทรัมป์รับเลือกตั้ง ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เดาไม่ออกเราคงต้องรอดูกันต่อไป
เศรษฐกิจของเราเวลานี้อย่างที่เราคุยกันมาค่อนข้างเยอะแล้วเรามีปัญหามาก ประเด็นหลักคือจะทำอย่างไรถึงจะรักษาตัวเองรอดให้ได้ในช่วงนี้ ขณะนี้เสียหายเยอะในหลายส่วน ของเราเสียหายไปแล้ว ทีนี้ถ้าไม่ฟื้นกลับมาต้องอยู่เฉยๆ ครึ่งปีหรือปีนึงเพื่อรอวัคซีน ถ้าวัคซีนมา ทุกอย่างก็มั่นใจขึ้น ก็จะดีขึ้น แล้วถ้าทรัมป์ไม่มา ทุกอย่างจะดีขึ้นเร็วเลย บังเอิญถ้าทรัมป์มาอีกผมว่าเราก็เหนื่อยต่อ ภาพมันจะเป็นแบบนี้
ในใจลึกๆ ทรัมป์จะมาไหม
ผมตามมาตลอด 3-4 ปี ที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีมาตั้งแต่ต้น ผมเห็นนโยบายแกแล้วน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ถึงวันนี้โดยลักษณะท่าทางแกคงไม่น่าจะกลับมา ตัวโพลล์เป็นตัวเลข 2 หลักซึ่งตามหลังคู่แข่ง ปกติถ้าเป็น 4 ปีที่แล้ว ตามหลังคลินตันหลักเดียว ประมาณ 5-6% วันนี้ตามหลังไปถึง 13% คิดว่ายาก แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะมีคนเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าโพลล์ไม่แน่ไม่นอน
เขาคงมีทีเด็ดอยู่ใช่ไหม
ต้องดู 2 เดือนนี้ ถ้าไม่มีอะไรออกมาอีก ลูกเล่นคงไม่มีแล้ว เพราะการจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจกลับมามันจะยากมาก ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลัก เวลานี้คนตกงาน 20-30 ล้าน เดือนที่แล้วยังตกงานแค่ 1.6 ล้าน ตัวเลขนี้ไม่ได้ช่วยทรัมป์ได้เลย ที่ผ่านมาทรัมป์อ้างตัวเลขว่ามีคนจ้างงานเพิ่ม 3 ล้าน พอดีบังเอิญโควิดเข้ามาทำให้แกดิ่งลงไปเลย โชคไม่เข้าข้างแก บังเอิญตัวแกจัดการไม่ดี ก็เป็นปัญหาอยู่ วันนี้ตัวเลขคนว่างงานในสหรัฐพุ่งไม่เลิกเลย ถ้าเขาไม่ดีขึ้นเราก็แย่ไปด้วย ไม่ใช่เราทำดีแล้วจะอยู่ได้ เพราะเศรษฐกิจเขายังย่ำแย่ ก็จะลากยาว และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ดี อินเดีย บราซิล ตัวเลขใหญ่ๆ ยังไม่ดีหมดเลย ก็เหนื่อยไปอีกสักพัก ผมยังเป็นห่วงว่าจะลามถึงการเมืองบ้านเราด้วยที่กำลังฮึ่มๆ กันอยู่ มันต้องแยกกันช่วงนี้เพราะการจัดการเรื่องวิกฤตที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้และไม่มีใครปราบมันได้ ก็ต้องช่วยกันตรงนี้ ไม่อย่างนั้นปัญหาจะมากขึ้น
อย่างที่อเมริกาหรือโลกตะวันตกลงมือลงไม้หนักกับฮ่องกงจะกระเทือนไทยไหม
คงไม่กระเทือนอะไรมาก ถ้าพูดถึงเรากับจีนเราก็ค้าโดยตรงอยู่แล้ว ในทางการเมืองเราคงทำอะไรไม่ได้ คนอื่นที่เล่นงานก็เล่นงานจีนโดยใช้ฮ่องกงเป็นเหยื่อล่อ ก็เป็นเรื่องของประเทศเหล่านั้นไป ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาฮ่องกงก็ค้าขายได้ดี แต่พอมีปัญหาแบบนี้ ฮ่องกงก็ย่ำแย่ไปอีก ผมมองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับไทย เกี่ยวกันระหว่างฮ่องกงกับชาติอื่นมากกว่า และเราไม่ควรให้ความเห็นอะไรทั้งนั้น
การที่ไทยค้าขายกับจีนโดยตรง แล้วอเมริกาเปิดสงครามการค้า เทคโนโลยี ปิดกงสุล แบบนี้กระเทือนถึงไทยไหม
บางส่วนก็กระเทือน เรื่อง Trade War ก็เป็นประเด็นที่กลับมาพูดใหม่ ในตัวสินค้า ภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เครื่องมือต่างๆ อันนี้เรากระทบไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ Trade War ภาคที่ 1 ก็ต้องลากกันต่อไป ก็เป็นเรื่องใหม่ที่ว่ารัฐเริ่มการลงทุน การบล็อกบริษัทเขาก็จะเพิ่มมาตรการเพิ่มขึ้น แต่เรื่องแบบนี้ผมมองว่าหยิกเล็บเจ็บเนื้อ คือจะไปบล็อกแบบนั้นจีนก็บล็อกบ้าง คือบล็อกกันไปบล็อกกันมา ก็ไม่ได้อะไร ก็เจ็บทั้งคู่ เทคโนโลยีเวลานี้จีนก็ไปไกลมาก อย่าง 5G ก็ไปก่อนสหรัฐ เขาก็ไม่ห่วงอะไร พอฝุ่นตลบค่อยๆ จางลงก็คงจะหยุดและเริ่มต้นกันใหม่ได้ เอาเป็นว่าถูกกระทบแล้วในภาคการผลิต แต่บริการด้านนี้เราไม่มีเป็นบทบาทมาก เพราะฉะนั้นคงไม่เกี่ยวกันตรงนั้น ระหว่าง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ก็กระทบเรียบร้อยแล้ว เพราะเครื่องไม้เครื่องมือนี้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ยุคแรกที่เขาบล็อกกัน อยู่ที่เขาขึ้นภาษีกันเราก็โดนไปแล้ว
จะมีอะไรแนะนำคนที่ค้าขายกับทั้งอเมริกา จีน ว่าควรทำอย่างไร
ตอนนี้เราต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น คือจำนวนการค้าลดลง สินค้าที่เราส่งออกไปก็ลดลง ก็อาจจะอยู่ไม่ได้ ขาดทุนสายป่านอาจไม่ไหวแล้ว อันนั้นก็เป็นเรื่องปกติ เวลานี้เรื่องที่ 1 คือเรื่องการเงิน ถ้าเรามองว่าธุรกิจเราจะเดินหน้าต่อไปเมื่อเหตุการณ์ดีขึ้น ก็ต้องวางแผนว่าเราจะเดินไปทางไหน เราต้องรีบทำกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ก่อน หากเกิดมีอะไรสะดุดขึ้นมา มองไป 3 ปีข้างหน้า หลังจากที่หายป่วยแล้ว พอลุกขึ้นมาหน้าตาจะเป็นอย่างไร พูดกันเยอะแล้วว่าจะเป็น New Normal ยุคดิจิทัล ทุกบริษัทก็ต้องไปดูห่วงโซ่ตัวเองด้วย การแข่งขันเป็นทุกข้อต่อของห่วงโซ่ธุรกิจ จะต้องแข่งพร้อมกัน
ที่ผมแนะนำคือต้องทำยุทธศาสตร์ใหม่ กลยุทธ์ใหม่ ทำระบบการเงินใหม่ คาดการณ์ใหม่ คนใหม่ คือเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรข้างหน้า ต้องลงทุนเท่าไหร่ พูดง่ายๆ เราต้องมาตั้งต้นชีวิตกันใหม่ โลกมันเปลี่ยนแน่นอน อยู่ที่เราจะจัดการธุรกิจอย่างไร และ BOI เวลานี้ก็พร้อมที่จะช่วย อย่าตกใจ เพราะเป็นการเริ่มต้นกันใหม่ แต่จะเพี้ยนมากหรือน้อยอยู่ที่เรา อย่าไปนั่งเฉยๆ แล้วบ่น ไม่มีประโยชน์ โอกาสอาจจะเป็นของเราก็ได้ พวกเกษตรผมว่ารีบไปดูว่าจะต้องแข่งอย่างไร อาหารเกษตรผมมองเป็นโอกาส แต่มีรายละเอียดเยอะมาก อยากจะแนะนำกระทรวงเกษตรฯ ให้มองมากกว่านี้ มองภาพแบบกว้าง ต่อไปข้างหน้าอาจไม่ได้แข่งด้วย ราคาอาจจะแข่งด้วย อย่างอื่นก็ต้องดูต่อไป ความจริงไม่ได้ยากอะไร แนะนำอย่าเสียสติ ต้องคิดยุทธศาสตร์ใหม่
Comentários