Interview : คุณสมชาย พรจินดารักษ์
ประธานสมาพันธ์สมาคมอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย)
และรองประธานที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ
แจงตัวเลขส่งออกอัญมณีไทย เฉลี่ยปีละเกือบ 5 แสนล้าน สูงเป็นอันดับ 3 ของการส่งออกไทย ทั้งระบบ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มีผู้ประกอบการร่วมล้านคนตั้งแต่ระดับครัวเรือน เอสเอ็มอี ธุรกิจรายกลางไปจนถึงรายใหญ่ ในภาวะปกติถือได้ว่าธุรกิจอัญมณีเป็นดาวรุ่งจรัสแสง มาแรงกว่าสิ่งทอ อีกทั้งยังเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกในกระบวนการผลิต ออกแบบ เจียระไนพลอย เผาพลอย แต่สุดท้ายต้องมาตกม้าตายเพราะโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปิดตัวกันระนาว ล่าสุดโรงงานขนาดใหญ่มีคนงานกว่า 2,000 คน ยังต้องปิดโรงงาน หากรัฐยังไม่ยื่นมือมาช่วย มีหวังล้มหายตายจากอีกมาก วอนรัฐอย่ามองธุรกิจอัญมณีเป็นธุรกิจฟุ่มเฟือย ให้คิดว่าเป็นอีกเสาหลักของเศรษฐกิจไทยที่นำรายได้มหาศาลเข้าประเทศ มีการสร้างงานในประเทศจำนวนมาก
ผลกระทบจากโควิด-19 ต่อธุรกิจอัญมณีไทย
แกร่งแต่ตัวเพชร แต่คนที่ถือเพชรไม่แกร่ง สำหรับเมืองไทยเคยได้เรียนนายกรัฐมนตรีและได้นั่งคุยกันประมาณ 40 นาที และได้บอกกับนายกรัฐมนตรีว่าประเทศไทยยังมีตัวดาวเด่นเป็นดาวรุ่ง ไม่เหมือนสินค้าบางตัวที่จบไปแล้ว ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็ถามว่าตัวที่จบไปแล้วมีสินค้าอะไร ก็ตอบไปว่าสิ่งทอถูกจีนแย่งไปหมดแล้ว ขณะที่เครื่องประดับ ยังเป็นดาวรุ่งและมีโอกาสไปไกลกว่านี้อีกเยอะ เมืองไทยเก่งเรื่องการผลิต การออกแบบ เรื่องเจียระไนพลอยเป็นที่หนึ่งของโลก รวมถึงเผาพลอย ซึ่งคนที่ไม่อยู่ในธุรกิจจะไม่รู้
ทั้งนี้ 7 ปีย้อนหลังมา เรามีการส่งออกอัญมณีเป็นอันดับสามของการส่งออกไทย รองจากรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่เราจะขายส่ง สิ่งที่เราถูกกระทบหนัก ขณะนี้เพราะเราปิดสนามบิน อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าเครื่องประดับในประเทศไทยมีการบริโภคไม่เกิน 5% คนไทยจะนิยมซื้อทองคำ แต่ที่เราส่งออกล้วนๆ คือต่างประเทศ ฝรั่งไม่ใช้เกิน 18 เค เพราะทองบริสุทธิ์มันนิ่ม เพราะถ้านิ่มแล้วมันจะเกาะพวกเพชร พลอย ตัวมีราคาทั้งหลายไม่อยู่ แล้วเขาไม่นิยมทองสีแดง อยากได้ทองเหลืองอ่อนๆ เหลืองมะนาว เพราะฉะนั้นทองเคของเราขายดีทั่วโลก เราส่งไปสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน อินเดีย เราส่งเยอะ ขณะที่จีนกับอินเดียก็เป็นคู่แข่งเรา แต่เราสามารถส่งไปขายเขาได้ เพราะฝีมือ แรงงาน การออกแบบเราเหนือกว่า เมื่อก่อนเราเป็นรองอิตาลี แต่วันนี้เราแข่งกับอิตาลีได้
อย่างไรก็ดี จากที่เราปิดสนามปิด จึงถูกกระทบ ซึ่งบายเออร์ทั่วโลก จะใช้ออนไลน์ แต่จะออนไลน์ได้เฉพาะของถูกๆ ส่วนของที่มีมูลค่าแพงๆ และจำนวนเยอะๆ เพชรเม็ดหนึ่งเป็นหลายๆ แสนดอลลาร์ จะต้องบินมาดู พอปิดสนามบินก็จบเลย เพราะคนไทยซื้อขายกันเองไม่เท่าไหร่ ต้องเน้นส่งออกเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน เราก็มีแรงโมเมนตัมมา คือปี 2563 ที่ผ่านมา เรามีออร์เดอร์ที่ค้างจากปี 2562 แล้วก็เหวี่ยงโมเมนตัมมา มันอยู่ในเกณฑ์ดี ปี 2562 ก็ดี ปี 2563 ก็ดี ส่งออกได้เกือบ 5 แสนล้าน โดยปี 2563 เราเริ่มได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนมีนาคม เราเริ่มปิดเดือนเมษายน ซึ่งโมเมนตัมของออร์เดอร์มันมาก่อนล่วงหน้า 1 ปี ฉะนั้นก็เลยทยอยส่งไปเรื่อยๆ พอมาปี 2564 แป้กเลย โควิด-19 ระบาดรอบสอง การไปมาหาสู่กันไม่มี ขณะที่คนก็หยุดรักสวยรักงาม ใช้ของจำเป็นก่อน ก็กระทบกับเรา ทำให้ผู้ประกอบการระดับกลางและล่างโดยเฉพาะเอสเอ็มอีเหนื่อยมาก และปิดตัวไปเยอะ
มองปี 2564 อย่างไร
สำหรับปี 2564 นี้ จากที่มีวัคซีนเราก็คาดหวังว่าจะดีขึ้น ได้เพียงแค่คาดหวัง ซึ่งในปีนี้อาจจะติดลบนิดหน่อย ไม่เยอะ คือปลายปี 2564 จะดีขึ้นเล็กน้อย อาจจะไปตีตื้นช่วงไตรมาสสามและสี่ อาจจะดันกลับมาได้ และติดลบเพียง 5-10% คือการเทียบเราจะไปเทียบก่อนเกิดโควิด-19 ไม่ได้ แต่เราเทียบหลังเกิดโควิด-19 หากจะกลับไปดีเหมือนเดิมก็น่าจะเป็นปี 2565-2566 ตอนนี้ออร์เดอร์เริ่มมา แต่ไม่เยอะ
ที่ผ่านมาก็เรียกร้องให้ภาครัฐบาลช่วยมาตลอด เพราะผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยตาย เห็นว่ามีซอฟต์โลนช่วยเอสเอ็มอี ก็ได้มาไม่เท่าไหร่ พอไปผ่านระบบแบงก์ ทางแบงก์ก็สกรีน ปล่อยกู้ไม่ได้ เพราะเงื่อนไขเยอะ ซึ่งผู้ประกอบการระดับกลางและล่างจะไม่เหมือนรายใหญ่ โดยรายใหญ่นั้น ระบบบัญชีต่างๆ มีมาตรฐานอยู่แล้ว แต่รายกลางรายย่อยจะต่างกัน และอย่าลืมว่าที่ทำธุรกิจแบบครอบครัวระดับแฟมิลี่มีเยอะมาก ในอุตสาหกรรมนี้เรามีคนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ถึงล้านกว่าคน ท่านรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์ท่านก็ทราบว่าเรามีคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมล้านกว่าคน ส่วนตัวอยากให้คนเข้ามาในอุตสาหกรรมเยอะๆ เพื่อจะได้ดันตลาดเราโตขึ้นไป ซึ่งเราแข่งขันได้กับหลายประเทศ เรามีโอกาสมากๆ
ตอนนี้อยากให้รัฐบาลช่วยอะไรบ้าง
อันดับแรกคือเรื่องออกซิเจน คือการต่อลมหายใจ ทุกธุรกิจบนโลกใบนี้เบสิกแรกคือการเงิน ถ้าต่อให้หายใจได้มันก็ไปได้ พออะไรดีขึ้น ทุกอย่างก็ดีขึ้น เครื่องจักรมันก็เดิน ถ้าออกซิเจนขาดก็จบ เมื่อเร็วๆ นี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้วปิดไปโรงงานหนึ่ง มีคนงาน 2,600 คน ซึ่งเจ้าของมีสองโรงงานคือทางเหนือและอยุธยา ซึ่งระดับแบบนี้ยังมีอีกเยอะ ถึงได้บอกว่ามีคนเกี่ยวข้องอีกกว่า 1 ล้านคน ทั้งนี้ รัฐบาลอาจจะมองว่าเราเป็นเศรษฐกิจฟุ่มเฟือย แต่จริงๆ ไม่ใช่ ส่วนตัวได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีแล้วว่า อย่าไปเรียกอุตสาหกรรมนี้ว่าฟุ่มเฟือย เพราะเรามีเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องระดับล้าน ระดับแสนคน ต้องคิดว่าธุรกิจนี้คือหัวใจธุรกิจหนึ่งของประเทศไทย เป็นเสาหลักต้นหนึ่ง
ทำไมถึงมั่นใจว่าไตรมาสสามและสี่ จะตีตื้นขึ้นมาได้
เข้าใจว่าทุกคนหยุดสั่งซื้อมาร่วมๆ ปีครึ่ง เพราะฉะนั้นเหมือนคนหิว ก็ต้องมาซื้อบ้าง แล้วคนที่มาซื้อที่ไทย เป็นแหล่งที่เราขายส่งที่สำคัญ ย้ำว่าบีทูบี ขณะที่บีทูซียังน้อยมากจิ๊บจ๊อย แต่ว่าบีทูบีเราระดับเบอร์ใหญ่ของโลกเหมือนกันที่เราส่งออกจนมีชื่อเสียง ใครไม่อยู่อุตสาหกรรมนี้จะไม่รู้เรื่อง ส่วนตัวช่วงที่ผ่านมาเป็นนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีฯ และเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นประธานสมาพันธ์สมาคมอัญมณีฯ คือดูแลอุตสาหกรรมทั้งประเทศ จะมีสมาคมอัญมณีฯ 15 สมาคมอยู่ภายใต้สมาพันธ์สมาคมอัญมณีฯ
ช่วงที่ผ่านมาต้องเอาความจริงมาพูดว่าเราดีขึ้น ตัวเลขมันเยอะ เกือบ 5 แสนล้าน ถ้าเราไปพิจารณาดูจริงๆ เป็นเพราะทองคำมันขึ้นมาเยอะ โดยช่วง 8-12 เดือนที่ผ่านมา ราคาจะขึ้นตลอด ขึ้นถึงขนาดน้ำหนักทองคำหนึ่งบาทถึง 3 หมื่นบาท หรือกว่า 3,000 เหรียญต่อออนซ์ หากแยกตัวเลขทองคำออก เราก็โตประมาณ 5-6% แต่ถ้าไปรวมทองคำ จะโตกว่า 20% เพราะทองคำขึ้นมาเยอะ
ออกซิเจนที่บอก จะให้ช่วยอย่างไร
จริงๆ แล้ว เอสเอ็มอีจะมี บสย. เอสเอ็มอีแบงก์ แล้วก็มีออมสินที่เป็นเสาใหญ่คอยช่วยเหลือ แต่ว่าหลักการมันหยุมหยิมเกินไป หลักการมันเยอะ แล้วสกรีนสุดๆ และกลัวการปล่อย ต้องบอกว่าถ้าประสานโดยองค์กรเราจะรู้ว่ากลุ่มไหนลูกค้า A B C เกรดดี เกรดกลาง เกรดล่าง เพราะฉะนั้นมากันครั้งแรก ออมสินก็ไม่ค่อยรู้จักอุตสาหกรรมเรา เพราะส่วนใหญ่ออมสินก็รับฝากอย่างเดียว พอจะทำแบงก์เป็นพาณิชย์ คุณต้องเชื่อองค์กร องค์กรไม่อยากให้เสียชื่อหรอก สมาคมที่ส่วนตัวเคยนั่งเป็นนายกสมาคมตั้งมา 50 กว่าปี สมาพันธ์เราตั้งมา 15 ปี อย่างน้อยชื่อเสียงมันการันตีได้ในอุตสาหกรรม เราคงไม่เอาลูกค้าเน่าๆ ไปให้
ดังนั้น ก็ต้องเชื่อเรา เราก็เสนอไปแล้วว่าเราจะคัดเกรดลูกค้าให้ พอไปถึงขนาดเอาเกรด A ไปให้ ก็ยังไม่ผ่าน คือเงื่อนไขของแบงก์มันหยุมหยิมมากเลย ทั้งๆ ที่เป็นกิจการที่มีแล้วกำไรติดต่อกันในอดีตที่ผ่านมา 3 ปีซ้อน กำไร 3 ปีติดต่อยังไม่เอา แล้วจะไปเอาอะไร ถ้าคุณขาดทุนสักปีเขาก็ไม่เอา ก็ดีดออก แล้วคนที่สกรีนปล่อยเงินเป็นระดับกลาง ล่างหมด พวกนี้ไม่รู้ กลัวตัวเองผิดหมด ผู้ใหญ่ๆ ก็ไม่ผ่าน เวลาติดต่อให้ระดับล่างมาคุยกับเรา ที่ดูไม่ดีก็ดีดออก ที่เหลือไปถึงข้างบนน้อยมาก มันก็กลายเป็นว่าไม่ซัคเซส
ฉะนั้น รัฐบาลก็ได้แต่คุย บอกตรงๆ ว่าได้แต่คุย ตัวนี้คุณต้องเปิดตาข้างปิดตาข้าง แล้วคุณให้องค์กรเขารับรองไปเลยว่าดีจริง แต่จะให้ไปการันตีเรื่องการเงิน เราคงการันตีไม่ได้ แต่เราจะบอกว่าลูกค้าเกิดมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี เขาบอกว่าเขาไม่ได้ดีดออก เอามารอก่อนแล้วรออีก 6 เดือน ซึ่งรอ 6 เดือนส่วนตัวว่าก็ไปหมดแล้ว คือคุณไม่ช่วยตอนที่ฝนกำลังตก แล้วยังมาดึงร่มออกไป มันก็เปียก คุณก็ช่วยกางร่มตอนฝนตกสิ ถ้าจะให้รออีก 3-6 เดือน ผมก็ไม่ต้องใช้เงินพวกคุณหรอก
ทำธุรกิจส่งออก ทำไมไม่ไปเอ็กซิมแบงก์
นี่ไงเอ็กซิมแบงก์ ไปทำ MOU กันด้วย สมมุติส่งไป 100 ราย เขาปล่อยแค่ 10 รายเอง เขาก็กลัวโควิด-19 ครั้งนี้ยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 คิดว่าถ้าเกิดสงครามจริงๆ มันยิงกันก็จบ แต่นี่ลากยาวมาปีครึ่ง คนที่หายใจรวยรินมันขาดใจตายไป คือเอ็กซิมแบงก์ส่วนตัวได้ไปทำ MOU แล้ว แต่ก็ปล่อยนิดเดียว
วัตถุดิบที่ใช้ ใช้จากพม่าเยอะหรือไม่
เดี๋ยวนี้น้อย เพราะวัตถุดิบจากพม่าก็เริ่มน้อยลงๆ เราใช้จากแอฟริกาเสียส่วนใหญ่ เมื่อก่อนไทยมีวัตถุดิบเอง แต่มันหมดไป 20 กว่าปีแล้ว ปัจจุบันเราต้องนำเข้าทั้งนั้น ซึ่งการนำเข้าจากพม่ามีบ้างแต่น้อยมาก มีเรื่องหยกที่เยอะ พลอยแดง พลอยทับทิมนี่น้อยมาก คือเขามีปัญหา เราก็ไม่ถูกกระทบเท่าไหร่ ซึ่งเขาไม่ได้เพิ่งมีปัญหากับสหรัฐอเมริกา แต่สหรัฐอเมริกามีเรื่องกฎหมายของ Tom Lantos Block Burmese JADE Act 2008 เมื่อประมาณสัก 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเล่นหนัก ตอนนั้นเราส่งออกอัญมณีไปที่ไหนก็โดนกฎของสหรัฐอเมริกาล็อกเอาไว้ ทำให้เราส่งไปสหรัฐอเมริกาได้น้อยมาก แต่นั่นก็ยกเลิกไปนานแล้ว หลังจากพม่าเปิดแล้วมีเลือกตั้ง แต่เที่ยวนี้ สหรัฐอเมริกาเล่นหนักกว่าตอน Tom Lantos Block Burmese JADE Act 2008 อีก ซึ่งเราสะเทือนน้อย เพราะใช้ของพม่าน้อย เดี๋ยวนี้ซื้อจากพม่าไม่ไหว เพราะของแพงเกิน
เรื่องสินเชื่อจะบอกว่าแบงก์ดีแต่พูด
ใช่ ดีแต่พูด ส่วนตัวกล้าพูดเลย แล้วส่วนตัวไม่เคยกู้เงินแบงก์ด้วย แล้ววันนี้ด่าแบงก์ได้สบาย เดี๋ยวนี้พูดตรงๆ เลย ทำน้อย เพราะส่วนตัวรู้ว่าทุกๆ 10-15 ปีมันจะมีไซเคิลของธุรกิจ ก็มาดูตอนปี 2008 เราก็เจอสหรัฐอเมริกาแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ปี 1998 เราก็เจอต้มยำกุ้ง แล้วไข้หวัดซาร์สเราก็เจอ แต่ไม่หนักเท่าโควิด-19 เจอมาทุกประเภท แต่สงครามชีวภาพตัวนี้ร้ายนัก ตายกันเยอะแยะ
จริงๆ อัญมณีเป็นเศรษฐกิจที่ดีตัวหนึ่งของประเทศไทย แต่รัฐบาลต้องเข้าใจจริงๆ และต้องช่วยเราพีอาร์ คือเราไม่มีเงินไปพีอาร์ในระดับเทรด เราอยากขึ้นไปเป็นเบอร์ต้นๆ ตอนนี้เราอยู่อันดับ 16-17 ของโลก ซึ่งสมัยที่ท่านสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีท่านพูดให้เราบ่อย ตอนนั้นขายดีมาก พอท่านพูดนี่ข่าวไประดับโลก ทำให้คึกคักมาก เสียดายท่านสมัครเสียชีวิตไปแล้ว ตอนที่ท่านยิ่งลักษณ์อยู่ ส่วนตัวบอกท่านนายกเวลาไปไหน เวลาท่านเดินทางไปต่างประเทศ ช่วยสวมทับทิมหรือเครื่องประดับของเรา ท่านบอกไม่มี ไม่ได้ซื้อ เราก็บอกไม่เป็นไร เราให้ยืมเป็นชุดๆ เป็นเซ็ตๆ แล้วเอาไปโพรโมต ตอนนั้นก็ขายดี อย่างสหรัฐอเมริกาเขาโพรโมตโดยให้ดาราฮอลลีวูดใส่ แต่พวกนี้ใช้เงินหนัก ถ้าเราได้คนระดับผู้นำประเทศใส่ เราโพรโมตดี ไม่ต้องใช้อะไรเยอะด้วย ช่วงนั้นขายดีมาก
Comments