ที่มา: บริษัท เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง จำกัด
นักลงทุนรุ่นใหม่ ประเมินสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ลุกลามทั่วโลก แนะนักลงทุนปรับพอร์ตทั้งยังต้องประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด มอง “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์น่าสนใจลงทุน ในเวลานี้แม้ระยะสั้นถูกเทขาย แต่เพราะนักลงทุนสถาบันปรับพอร์ต ระยะกลางถึงยาวยังมีโอกาสทดสอบ 1700 เหรียญ ส่วนสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังคงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก บีบให้ธนาคารกลางทั่วโลกผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยภาพขาลงชัดเจน
นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ กลุ่มสถาบันการเงินจากประเทศอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ประเมินสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลกในเวลานี้ว่า นอกจากจะส่งผลกระทบกับสถานการณ์สาธารณะสุข และเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อต่อตลาดการเงินและการลงทุนอย่างมาก โดยระยะเวลาที่ผ่านมานักลงทุนทยอยปรับพอร์ตการลงทุนทั่วโลกอย่างหนัก สะท้อนจากการลดลงของตลาดหุ้น และตลาดการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกมองว่าปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ คือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เห็นได้จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกอยู่ในภาวะไม่ต้องการเสี่ยง (Risk Off)
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ได้ออกมาส่งสัญญาณแล้วว่าจะมีการใช้นโยบายการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก ซึ่งจะกดดันไปยังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้สินทรัพย์ที่จัดว่าเป็นสินทรัพย์มั่นคง (Safe Haven) อย่าง “ทองคำ” จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น แม้วันศุกร์ที่ผ่านมาจะถูกเทขายอย่างหนัก
“การเทขายทองคำกว่า 55 เหรียญหรือ 3.37% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นเพียงการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกที่ขาดทุนจากการลงทุนในตลาดหุ้น ใครที่มีทองคำในพอร์ตจึงต้องเทขายเพื่อชดเชยผลขาดทุน ระยะสั้นราคาทองคำน่าจะกลับมาจากแรงซื้อที่มีเข้ามาอีกครั้ง เพราะนาทีนี้ทองคำคือ Safe Haven ที่น่าสนใจที่สุด” นายณพวีร์ กล่าว
จากกราฟเทคนิค ทองคำยังยืนเหนือเส้น EMA89 ได้จึงยังไม่พลิกกลับเป็นขาลง และแนวรับสำคัญที่ 1566 เหรียญยังรับอยู่ หากไม่หลุดลงไปจากนี้ ราคาทองคำยังมีโอกาสกลับไปทดสอบระดับใกล้เคียง 1700 เหรียญ อีกครั้ง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมองเป็นโอกาสที่จะซื้อลงทุน เพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังรายงานผลกำไรที่เติบโต ซึ่งช่วยค้ำยันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไว้ได้ หากความกังวลเรื่องไวรัสโควิด-19 จบลง น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
นอกจากนี้นักลงทุนระดับโลกยังออกมาให้มุมมองเชิงบวกต่อทองคำ โดย Ray Dalio ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater ยังมองราคาทองคำถึงระดับ 2000 เหรียญ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินอย่าง Citi ที่ยังมองว่าราคาทองคำจะทะลุจุดสูงสุดเดิมไปได้
ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ภาพทั้งระยะสั้น กลางและยาว ยังคงเป็นขาลงที่ชัดเจน และสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าความวิตกกังวลต่อไวรัสโควิด-19 คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่หุ้นจะกลับมาเป็นขาขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งค่า P/E ในปัจจุบันยังเทรดสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14-16 เท่า จึงยังมีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูง
“ตอนนี้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทย ลงมาที่ระดับ 1.6% ซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว และมีโอกาสที่ กนง.จะต้องลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อพยุงเศรษฐกิจ เท่ากับว่าตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยตอนนี้ไม่น่าสนใจในการลงทุน ยังต้องรอสถานการณ์ให้แน่ชัด ในขณะนี้การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์มั่นคงอย่างทองคำจึงน่าจะป็นคำตอบที่ดีกว่า” นายณพวีร์ กล่าวปิดท้าย
Comments