top of page
379208.jpg

วิกฤตมลภาวะโลกสร้างโอกาส...ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเติบโต

เอ็มเอฟซี ตั้งกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี (MRENEW) เป็นทางเลือกให้นักลงทุนเพิ่มโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนจากวิกฤตมลภาวะโลก

ท่ามกลางวิกฤตมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (climate change) ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลกนั้น ได้มีแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐ และภาคประชาชนที่ตระหนักถึงความต้องการลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลกและนำไปสู่ความต้องการพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ของพลังงานหมุนเวียน มีความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์มากขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่คาดว่าจะเติบโตอีกกว่า 7 เท่าในอีก 20 ปีข้างหน้า และ เชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะสร้างมูลค่าอย่างมหาศาล และทำให้เงินลงทุนเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าของโลก

บลจ.เอ็มเอฟซี จึงออกแบบจัดตั้ง กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี(MRENEW) เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานยั่งยืน และเป็นการลงทุนเพื่อลดวิกฤตของระบบนิเวศของโลก

MRENEW เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนใน BGF Sustainable Energy Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ กองทุนหลักบริหารจัดการโดย Blackrock บริษัทจัดการชั้นนำของโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่คำนึงและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยกองทุนหลัก จะเน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจพลังงานยั่งยืน ใน สามกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Power) การขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Transport) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจ ESG ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน

อนึ่งกองทุนหลัก ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว และ 5 globe Morningstar sustainability rating

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกจากโรคระบาดโควิด-19น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและกำลังฟื้นตัวภายใต้บริบทใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ และปัญหามลพิษ ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีต้นทุนลดลงจนถูกว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในปัจจุบัน BP Energy Outlook คาดว่าความต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในอีก 20 ปีข้างหน้า และ Next Green Car คาดว่าการขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด เช่นรถยนต์ไฟฟ้าจะขยายตัวเฉลี่ย 20% ต่อปีไปจนถึงปี 2583 รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เช่น บ้านอัจฉริยะ (Smart home) ดังนั้นบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้กระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่สามารถสร้างผลกำไรสูงในระยะยาว ในภาวะที่สภาพคล่องในระบบการเงินให้อยู่ในระดับสูง

“กองทุนเปิด MRENEW เหมาะสำหรับผู้สนใจลงทุนในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ สามาถรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน”

ทั้งนี้จะมีการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก IPO: 21-28 สิงหาคม 2563 ผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง โดยกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 7

9 views

Comments


bottom of page