top of page
312345.jpg

ปรับคาดการณ์แย่ลงอีก ! ในภาพใหญ่ยังคงเปราะบางมากในการดีดตัว


ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากความกังวล Second wave หรือการเกิดการระบาดในรอบ 2 ของเชื้อไวรัส COVID-19 จะส่งผลกับเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้แย่กว่าที่คาดการณ์ หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแนวโน้มผู้ติดเชื้อสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย นอกจากรัฐ Florida แล้ว ยังมี Texas, California, Arizona ที่กำลังเจอการระบาดแบบก้าวกระโดด โดยที่ CDC หรือหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา เพิ่งออกมารายงานว่าอาจมีผู้ติดเชื้อในไวรัส COVID สูงถึง 8% ของประชากรในสหรัฐ หรือราว 26.4 ล้านคนเลยทีเดียว (สหรัฐมีประชากร 330 ล้านคน)

ความกังวลดังกล่าว สะท้อนมายังผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นขาขึ้น หรือ Bullish ลดลง 0.2% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 24.1% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ากำลังกลับเป็นขาลง หรือ Bearish ที่เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 48.9%

นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจาก สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอาจพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน และเยอรมนี ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3.1 พันล้านดอลลาร์ โดยจะเป็นสินค้าในประเภทรถบรรทุก, เครื่องบิน, มะกอก, เบียร์, จิน, ชีส และโยเกิร์ต ซึ่งเกิดจากการที่สหรัฐต้องการตอบโต้การที่ทางยุโรปอาจมีการช่วยบริษัท Airbus อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคู่แข่งของทางบริษัทประกอบเครื่องบิน Boeing ของสหรัฐ

ขณะที่ตัวเลขแรงงานของสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงอ่อนแอ โดยตัวเลข Initial jobless claim เพิ่มขึ้น 1.48 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 1.35 ล้านราย โดยตัวเลข Initial jobless claim มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 14 สอดคล้องกับตัวเลข GDP ของสหรัฐประจำไตรมาส 1 ปี 2563 ที่หดตัวลง 5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัวลง 4.8%

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ในเดือน เม.ย. 2563 ว่าจะหดตัวลง 3% นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือน เม.ย. 2563 ว่าจะขยายตัว 5.8% โดยทาง IMF ได้ออกมายอมรับว่าตลาดหุ้นในปัจจุบันนั้นไม่ได้สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงเลย ส่งผลให้ดัชนี MSCI ACWI ของตลาดหุ้นโลก ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.77% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นที่ Outperform ได้แก่ตลาดหุ้น Asia ex Japan และจีน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.11% และ 2.34% ตามลำดับเมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดหุ้นที่ Underperform ได้แก่ตลาดหุ้นไทย, สหรัฐ, ญี่ปุ่น และยุโรป ที่ปรับตัวลดลง 3.43%, 1.01%, 1.34% และ 1.01% ตามลำดับเมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามตัวเลขของทาง IMF ที่ปรับลด GDP โลกปีนี้ลงมาติดลบ -4.9% นั้นยังดีกว่าตัวเลขที่ทางองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ออกมาคาดการณ์ไว้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนว่า GDP โลกจะหดตัวลง -6% หากไม่เกิดการระบาดในรอบ 2 แต่ถ้าหากจะเกิดระบาด Wave 2 นั้นจะทำให้ GDP โลกหดตัวลงที่ -7.6% เลยทีเดียว

เศรษฐกิจไทยยังกดดันตลาดหุ้นต่อ ! ล่าสุดแม้ว่าองค์การการค้าโลก หรือ WTO จะออกมาคาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าทั่วโลกจะปรับตัวลดลง 18.5% ในไตรมาสสองของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดยปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ปรับตัวลดลง 3%

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นโลกยังคงมีปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside Risk ได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่นักลงทุนกลับมาคลายความกังวลบ้างเล็กน้อย หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดได้ออกมาระบุว่าผลการทดสอบในภาวะวิกฤต หรือ Stress Test ของระบบการเงินของสหรัฐออกมายังค่อนข้างดี และเชื่อมั่นว่าระบบการเงินของสหรัฐจะสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

ถึงแม้ว่าเฟดจะกำหนดว่าห้ามจ่ายเงินปันผลเกินระดับที่เคยจ่ายไปแล้วในไตรมาสที่ 2 และงดซื้อหุ้นคืน ขณะที่ Larry Kudlow ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เชื่อว่าสหรัฐจะไม่เผชิญกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัส COVID-19 และเชื่อว่าจะไม่มีการชัตดาวน์เศรษฐกิจทั่วประเทศ สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของ COVID -19 ระลอกใหม่ในกรุงปักกิ่งของจีน ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน (Daily new cases) ลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่ Steven Mnuchin รัฐมนตรีคลังสหรัฐออกมาระบุว่ามาตรการเยียวยารอบใหม่จะมุ่งผลักดันให้ประชาชนกลับเข้าทำงานได้เร็วขึ้น และอาจมีการพิจารณาเลื่อนเวลาการยื่นชำระภาษี เป็นอีกปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยให้นักลงทุนชะลอการขายหุ้นออกมาได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ดีในส่วนของตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากผลกระทบหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยลง และทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกลง รวมถึงไทยด้วย

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังถูกกดดันจาก ธปท. ได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 และงดซื้อหุ้นคืนชั่วคราว ขณะที่สถานการณ์ดูแย่ลงไปอีกหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP 63 เหลือ -8.1% จาก -5.3% และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ 5% ในปี 2564 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 รุนแรงกว่าที่คาดไว้ และรัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก สอดคล้องกับการที่กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ค. 2563 ออกมา โดยตัวเลขการส่งออกติดลบ 22.50% เป็นอัตราขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 130 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2552 จากตลาดคาดว่าจะหดตัว -5.8 ถึง -6.0% ส่วนตัวเลขการนำเข้าหดตัว -34.4% จากตลาดคาดติดลบ -18.0% ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล 2,694.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังกลับไปยืนเหนือ 1,430 จุด (+/-) ไม่ได้ เน้น “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” เพื่อรอกลับมาทยอยสะสมหุ้น CPALL, BJC, BEM, EGCO, BCH, GPSC, BTS, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

17 views
bottom of page