เรื่องดีๆ ยังมี !
“นายหมูบิน” มองว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ในกรอบการแกว่งตัวขึ้นได้ แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ต่อทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐในฐานะตัวแทนของตลาดหุ้นโลก พบว่าสัดส่วนนักลงทุนที่มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้ายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Bullish ปรับตัวลดลง 11.1% มาอยู่ที่ระดับ 48.7% แต่ระดับดังกล่าวยังคงสูงกว่าสัดส่วนนักลงทุนที่มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างกำลังกลับสู่แนวโน้มขาลง หรือ Bearish ที่ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 25.1%
“นายหมูบิน” มองว่าแรงกดดันที่เข้ามาจากความกังวลว่าหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐจะตกอยู่ในความเสี่ยงถูกชัตดาวน์ หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยอาจยกเลิกข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายรับคนเข้าเมืองของสหรัฐที่จัดทำขึ้นบนความรอมชอมระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน จะเป็นเพียงปัจจัยกดดันระยะสั้นเท่านั้น และสุดท้ายรัฐบาลสหรัฐจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้อีกครั้งเหมือนปีที่ผ่านๆ มา
ในทางตรงกันข้าม มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงมีปัจจัยหนุนรออยู่จากการประกาศผลการดำเนินงาน หรือ Earnings Season ของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยที่ Fact Set ประเมินว่าบริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 11.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และหุ้นทั้ง 11 กลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 จะมีผลกำไรและรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 ที่หุ้นทุกกลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 มีผลกำไรและรายได้เพิ่มขึ้นภายในไตรมาสเดียวกัน
นอกจากนี้แนวโน้มของเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางของตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับการที่ล่าสุด นายเจค็อบ ลิว อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในวงกว้าง แม้เผชิญกับความเสี่ยงทางการเมืองบางประการ โดยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีบทบาทสำคัญต่อทั้งโลก
ขณะที่ประเด็นที่นักลงทุนในตลาดส่วนหนึ่งกังวล คือแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งในประเด็นนี้ “นายหมูบิน” มองว่าถ้าเป็นไปตามที่ นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส ระบุว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะร้อนแรงจนเกินไป น่าจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อทิศทางของตลาดหุ้นโลก เนื่องจากตลาดรับรู้ความเสี่ยงนี้ไปแล้ว และเชื่อว่าตลาดมองว่าการที่เฟดค่อยๆ ถอนตัวออกจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน จะช่วยให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ยั่งยืน
ดังนั้นในเชิงแนวโน้มทางเทคนิคของตลาดหุ้นไทย แม้ว่า SET ในระยะสั้นจะถอยตัวลงมาบ้าง แต่ตราบใดที่กรอบการย่อตัวจาก 1,810 จุด ในรอบนี้ SET ยังคงไม่ถอยตัวลงไปต่ำกว่าบริเวณ Fib Node .618 ที่ 1,761 จุด “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการย่อตัวลงของ SET ในรอบนี้ จะเป็นเพียงแค่การพักตัวในระยะสั้น ก่อนกลับขึ้นไปแกว่งตัวเหนือ 1,810 จุดอีกครั้ง
ตัวช่วยยังมีอีกเยอะ : แน่นอนว่า “ “นายหมูบิน” ” มองทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาค แต่ยังคงมองว่าปัจจัยอื่นๆ หรือจากภูมิภาคอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นตัวฉุด ในทางตรงกันข้ามกับเป็นปัจจัยที่ทำให้แนวโน้มที่สดใสมีความชัดเจนขึ้นด้วย เช่นสถานการณ์ในยุโรป ที่ล่าสุดดูมี Story สนับสนุนออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ร่วมทั้งพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว โดยที่ข้อตกลงที่แกนนำทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกัน ตกลงกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษี และจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งตกลงที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหภาพยุโรป (EU) ด้วยการให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น ทำให้ภาพใหญ่ของยุโรปนิ่งขึ้นเยอะทั้งในทางการเมือง และเศรษฐกิจ
ขณะที่ล่าสุด มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยในรายงานว่าแนวโน้มความน่าเชื่อถือของยูโรโซนในปี 2561 มีเสถียรภาพ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามวัฏจักร ซึ่งจะสามารถชดเชยการปฏิรูปที่เป็นไปอย่างจำกัด
มูดี้ส์คาดการณ์ว่าการขยายตัวโดยเฉลี่ยของเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 2561 จะอยู่ที่ 2.0% ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2562 พร้อมระบุว่า อุปสงค์ภายในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในเยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี ในส่วนของภูมิภาคเองก็มีปัจจัยหนุนไม่ต่างกันจากพี่ใหญ่อย่างญี่ปุ่น และจีน
ในส่วนของญี่ปุ่น พบว่าล่าสุดดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ปรับตัวขึ้น 2.4% ในปี 2560 ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนด้านพลังงาน ขณะที่ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนความสำเร็จของมาตรการผ่อนคลายการเงินของ BOJ
สำหรับ จีน พบว่าล่าสุดนักเศรษฐศาสตร์ประจำศูนย์การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนจะเติบโตที่ระดับ 6.9% ในปี 2560 ขณะที่ธนาคารกลางจีนยังคงอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านทางการดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations - OMO) โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องให้มีเสถียรภาพ
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ตราบใดที่ SET ไม่ถอยตัวลงไปปิดต่ำกว่า 1,761 (+/-5) จุดอีกครั้ง การถอยตัวลงระหว่างวันให้ใช้เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, SAWAD, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิคราย 60 นาที (60 Mins)
Source: Wealth Hunters Club
Commentaires