top of page
image.png

จับตา SPDR ลุยซื้อเข้าพอร์ต...'ทองคำ' ยังคงเป็นพระเอกตัวจริง


‘ทองคำ’ ยังคงเป็นพระเอกตัวจริง ยืนหยัดท่ามกลางข่าวลบรุมเร้า ล่าสุดกองทุน SPDR ที่ขายทองคำมาตลอดปี 64 กลับลำซื้อทองคำเข้าพอร์ตวันเดียวมากถึง 27 ตัน อีกทั้งช่วงเทศกาลตรุษจีนมีแรงซื้อทองคำจากคนจีนทั่วโลก รวมทั้งคนจีนในไทยที่ซื้อทองคำรูปพรรณกันมากขึ้น เชื่อ...3 เดือนแรกของปีนี้เป็นนาทีทองของทองคำอย่างชัดเจน แนะ...นักลงทุนทองคำที่ติดดอยอย่าเพิ่งถอดใจ มีโอกาสได้ลงจากดอยแน่ๆ ส่วนที่ยังมีกำไรเล็กๆ น้อยๆ มีสิทธิ์ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ พร้อมประเมินราคาทองคำระหว่างนี้อยู่ที่ 1,750-1,850 เหรียญ เข้า-ออกดูจังหวะทิศทางของเฟดเรื่องดอกเบี้ย เงินเฟ้อ เป็นหลัก


Interview : คุณพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ


สถานการณ์ทองคำตอนนี้

เป็นสิ่งที่เราพอคาดเดาได้บ้างว่าเมื่อใดก็แล้วแต่ที่มีแรงขายจากสินทรัพย์อื่นๆ แล้วมองว่าตลาดทั่วโลกทุกอย่างเป็นลบหมด แน่นอนว่าพระเอกตัวจริงจะต้องมา คือทองคำจะต้องเขียว ข้อสังเกตในช่วงที่ราคาทองปรับตัวเบรกตัว 1,800 เหรียญขึ้นไป แล้วไปถึง 1,845 เหรียญแถวๆ นั้น ช่วงนั้นเราจะเห็นว่ามีแรงขายจากตัวบิตคอยน์ออกมาค่อนข้างเยอะ ขายติดต่อกันมา 3-4 วัน ลงไปแถวๆ 3 หมื่นกว่าเหรียญจากประมาณ 4.5 หมื่นเหรียญแถวๆ นั้น และลดลงมาประมาณ 50% แล้ว

ส่วนทองคำหลังจากที่เขาวิ่ง sideway สักพักหนึ่ง คืออยู่แถวๆ 1,780 เหรียญ ไปจนถึง 1,830 เหรียญ อยู่แถวๆ นี้มา 2-3 เดือนแล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์ต่างๆ รวมๆ แล้วหลายๆ เรื่อง จริงๆ แล้วทองคำเองก็ถูกกดดันจากเรื่องลดปริมาณ QE และเมื่อไม่นานมานี้เองทางเฟดเองได้ให้สัมภาษณ์ว่าน่าจะมีการปรับลดปริมาณ QE จนเสร็จสิ้นเร็วกว่าที่คาดคิดก็คือประมาณมีนาคม จากที่ตอนแรกคาดเดาว่าจะอยู่ช่วงเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นจะขึ้นดอกเบี้ยทันที ตรงนี้ก็เป็นแรงกดดันต่อราคาทองเพราะมีการขายทำกำไรออกมา จนไปต่ำสุดแถวๆ 1,770 เหรียญ

แต่ต่อมาแรงซื้อกลับเข้ามาเมื่อมีเรื่องการขายบิตคอยน์ออกมา ตลาดหุ้นตกใจในเรื่องของการจะขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นก็โดนแรงขายออกมา น้ำมันมีแนวโน้มขึ้นไปนิวไฮแถวๆ 90 เหรียญ โดยรวมๆ กลายเป็นผลบวกต่อราคาทองคำทั้งหมด เพราะตัวน้ำมันเองก็ส่อให้เห็นในเรื่องของภาพเงินเฟ้อของโลกที่กำลังจะมารุนแรงอีกครั้งหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ราคาทองเด่นขึ้นมา ราคาวิ่งขึ้นไปแถวกรอบด้านบนคือ 1,830-1,850 เหรียญ แต่บังเอิญว่าตัวเงินบาทของเราเองก็เป็นไปตามค่าเงินดอลลาร์คืออ่อนค่าลงแรงพอสมควร สอดคล้องกับตัวผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ตอนแรกนั้นปรับตัวสูงขึ้นเยอะมากแล้วก็ปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า เงินบาทแข็งค่า ก็เลยทำให้ราคาทองไทยบวกได้ไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าบวกได้ดีก็คือจาก 28,450 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท ขึ้นมาอยู่แถวๆ 28,750 บาทในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน


ลักษณะแบบนี้ค่อนข้างจะไม่ถาวรหรือไม่ อนาคตคนจะทิ้งทองไหม

ทองเองก็เป็นสินทรัพย์อันหนึ่ง ซึ่งลักษณะพิเศษของเขาก็คือว่าเขามีข้อเสียอย่างหนึ่งคือไม่มีผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยหรือว่าเป็นเงินปันผล เขาเป็นแค่ที่พักเงิน ฉะนั้นถ้าสภาวะเศรษฐกิจดูแนวโน้มดีขึ้น บริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกามีผลประกอบการอะไรที่ดีขึ้น อันนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะมีแรงขายจากทองออกมา แล้วไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีลักษณะของการปันผลมากกว่า หรือถ้ามีการขึ้นดอกเบี้ยจากทางเฟดเอง ก็จะมีแรงขายของทองคำกลับมา

ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลานี้ของโลก ในช่วงปลายปีที่แล้วต่อมาถึงต้นปีนี้ก็เป็นช่วงที่เราเห็นชัดส่งผลกระทบมาถึงไทยพอสมควรในเรื่องภาวะเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะเป็นตัวราคาน้ำมันเองหรือราคาสินทรัพย์โภคภัณฑ์อื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมีนาคม ทำให้มีแรงเทขายทองออกมา แต่ขณะเดียวกันก็มีคนสนใจในเรื่องสภาวะเงินเฟ้อจึงเข้าไปซื้อทอง ทำให้การลงของทองลงได้ไม่เยอะมาก ส่วนหนึ่งจะเป็นลักษณะนั้น

ดังนั้นสภาวะช่วงนี้ถือว่าทองเองยังมีแนวโน้มน่าจะไปต่อได้ อีกเรื่องหนึ่งคือเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 มกราคม เห็นได้ชัดว่ามีแรงซื้อกลับมายังทองคำจากตลาดของสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเยอะ ก็คือกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซื้อวันเดียว 27 ตัน ถือว่าซื้อหนักที่สุด เป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างว่าสินทรัพย์อื่นๆ ที่เคยเป็นคู่ต่อสู้ ที่เคยเป็นคู่ปรับกับทอง เช่นคริปโตหรือว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเองเริ่มมีปัญหา ซึ่งจะมีคนไม่ค่อยอยากวัดใจกับคู่เปรียบของทองคำแล้ว ก็เลยทำให้เงินนั้นไหลมาเข้าทองคำ ตรงนี้เงินมาจากนักลงทุนของสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้ซื้อทองเป็นแท่งๆ แบบบ้านเรา เขาซื้อผ่านกองทุน SPDR ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของคนที่มีทองคำอยู่ว่าตัว SPDR เองที่เมื่อปีที่แล้วเขาขายมาตลอด ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วเขาขายมาตลอดจนถึงสิ้นปีเลย ก็เลยทำให้ราคาทองคำ อยู่ในระยะที่ทำกำไรได้ไม่มากเท่าไหร่ในปีที่แล้ว แต่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคมเริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง เริ่มจะมีกระแสเงิน fund flow วิ่งเข้ามาหาทองเป็นก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งถือว่าเป็นท็อปทรีของการซื้อในวันเดียวของกองทุน SPDR

อีกเรื่องหนึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของต้นปี เป็นการเข้าสู่ฤดูกาลที่เรียกว่าฤดูกาลของทองคำอย่างแท้จริง คือปีใหม่จีนหรือตรุษจีน ซึ่งแน่นอนว่าแรงซื้อจากผู้บริโภคทางจีนเองก็มีเรื่อยๆ ฝั่งของไทยก็เริ่มมองเห็นแรงซื้อเข้ามาในทองรูปพรรณมากขึ้น ถือว่าเป็นเทศกาลของทองคำ โดยรวมในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ส่วนตัวมองว่าราคาทองคำยังเป็นภาพบวกอยู่


มองเรื่องความตรึงเครียดของโลก อย่างรัสเซียบุกยูเครนอย่างไร จะมีผลต่อราคาทองคำไหม

จริงๆ แรงต้านสำคัญของเขาทองคำคือ 1,830 เหรียญ แต่ขึ้นไปเป็น 1,840 เหรียญ ช่วงนั้นมีกระแสของข่าวดีกับทองคำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันสูงขึ้น รวมถึงข้อพิพาทระหว่างรัสเซียกับยูเครนเองในวันเดียวเลย ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเร็วและแรง วันนั้นถ้าซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สของไทย กำไรสนุกเลย 30 กว่าเหรียญ หลังจากนั้นก็เริ่มมีความชัดเจนจากท่านประธานาธิบดีปูตินเอง ถึงแม้ว่าจะมีการส่งทหารไปตามชายแดนบ้าง แต่ก็ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีนโยบายที่จะบุกยูเครน ฉะนั้นส่วนหนึ่งแรงขายทองในช่วงหลังกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา จาก 1,840 กว่าเหรียญ เทขายลงไปประมาณ 60 เหรียญ ก็คงจะเป็นการคลายความกังวลในเรื่องที่ว่ารัสเซียจะเปิดสงครามกับยูเครน

อย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซียและยูเครนเองก็ยังไว้ใจไม่ได้ เพราะคุยกันมานานแล้วแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ฉะนั้นยังถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับตัวราคาทองคำอยู่ดี ตอนนี้ท่านที่ถือทองคำอยู่ ถ้าติดดอยอยู่ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ถ้าซื้อแล้วยังกำไรไม่เยอะมากคิดว่าคงจะถือรอได้ ส่วนหนึ่งในช่วงนี้น่าจะมีการประชุมของเฟด ก็ดูความชัดเจนในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย แต่โดยรวมแล้วถือว่าราคาได้ตอบสนองกับข่าวเรื่องดอกเบี้ยไปหมดแล้ว ทุกคนเข้าใจว่ามีนาคมนี้น่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อน

มองว่าโอกาสที่ทองจะลงมาในแนวรับต่างๆ ยังพอมี 1,830 เหรียญ ซึ่งเมื่อวันศุกร์ 21 มกราคมก็มีครั้งหนึ่ง ถ้าเกิดทางนักลงทุนที่มีการตั้งซื้อไว้ก็ซื้อได้แถวๆ 28,550 บาท และแถวๆ 1,820 เหรียญ และ 1,800 เหรียญ เป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ ถ้าคิดเป็นเงินไทยคือ 28,450 บาท แถวๆ นั้น 28,250 บาท ลองถือดูสักพักหนึ่ง ถ้ามีความชัดเจนเรื่องของดอกเบี้ยเราก็ค่อยๆ ดูขายทำกำไรออกมา ต้องติดตามเรื่องของข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสภาวะเงินเฟ้อ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเรื่องการประชุมเฟด ถ้อยแถลงต่างๆ ของประธานเฟด


ช่วงที่ผ่านมามีบางคนออกมาบอกว่าทองคำมีความเสี่ยง เพราะคนหันไปเล่นบิตคอยน์เล่นอะไรต่างๆ

ก็เห็นหลายท่าน อาจจะเตือนผู้ที่ลงทุนในทองคำว่าจะมีแรงขายออกมา ถ้าเกิดมีเงินไหลเข้าบิตคอยน์ ทองอาจจะลงไปถึง 1,500 เหรียญอะไรแบบนั้น เท่าที่ส่วนตัวมองทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ก็จะมีแรงซื้อกลับมาทุกครั้ง อย่างเช่นช่วงที่ทองลงเยอะๆ ประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ลงไปถึง 1,100 เหรียญ ต่ำสุด 1,080 เหรียญ ช่วงนั้นจะมีกูรูออกมาพูดว่าทองไม่มีค่าเหลือแล้ว จะลงไปเหลือ 500 เหรียญ แต่หลังจากนั้นทองกลับมา จาก 1,080 เหรียญกลับขึ้นไปสูงสุด 2,050 เหรียญ ฉะนั้นก็คาดเดากันได้ แต่เราดูพื้นฐานทองหลักๆ แล้วเขามีข้อเสีย 2 อย่างคือเขาไม่มีดอกเบี้ย เขาไม่มีเงินปันผล เขาอาศัยการทำกำไรโดยการปรับเปลี่ยนราคาเท่านั้น ตรงนี้คือข้อเสียของเขา แต่ว่าทำไมเขาอยู่มาได้เป็น 100 ปี ตลาดทองไทยเกิดมาเป็น 100 ปี และคนไทยก็ให้ความนิยม คนรุ่นใหม่เองถึงแม้ว่าจะไปเทรดคริปโตกันมากขึ้น ก็ยังนิยมทองอยู่ดี บางท่านเอากำไรจากคริปโตเอามาซื้อเป็นทองแท่งเก็บ ก็เป็นลักษณะการลงทุนชัดเจนว่าทองเป็นสินทรัพย์ที่มีไว้เพื่อนำมาค้ำพอร์ตเอาไว้ประกันตัวเงินเฟ้อ ดังนั้นที่จะบอกว่าทองจะลงไปจนไม่มีค่านั้น เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ธนาคารแห่งชาติต่างๆ ทั่วโลกยังให้เขาเป็นหนึ่งในตะกร้าเงินอยู่ ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก

แต่ในช่วงหลังคู่แข่งเขามีเยอะ ช่วง 10 ปีหลังนี้ คริปโตออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ฉะนั้นโอกาสที่ขึ้นกันแรงนั้นก็ต้องดูเรียกว่า fund flow จริงๆ อีกครั้งหนึ่งว่าถ้าตัวเฟดมีการขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ จริงๆ โอกาสที่ทองคำจะทำนิวไฮก็ยากพอสมควร แต่ว่าในขณะที่ค่าเงินเฟ้อยังเฟ้อขนาดนี้ โอกาสที่ทองจะลงไปเยอะๆ ก็ยังมองไม่ออก ยังมองไม่เห็น เพราะฉะนั้นเราต้องมองเป็นลักษณะของการดูเป็นกรอบ ณ ตอนนี้ศูนย์วิจัยทองคำเองได้สำรวจความคิดเห็นผู้ค้ารายใหญ่ 3 ท่าน เขาก็ให้ราคาในช่วงเดือนนี้อยู่แถวๆ 1,750-1,850 เหรียญ

22 views

Comentários


bottom of page