PIMO-ไพโม่ ส่งสัญญาณผลงาน Q1/66 ทำได้ตามคาด
ขานรับบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเยี่ยม
PIMO-ไพโม่ ส่งสัญญาณผลงาน Q1/66 ทำได้ตามคาด ขานรับบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเยี่ยม หัวเรือใหญ่ “วสันต์ อิทธิโรจนกุล” ย้ำเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 5-10% หรือแตะ 1.3 พันล้านบาท จากปี 65 ทำได้ 1.19 พันล้านบาท ปักธง!! ตำแหน่งหุ้นให้เป็น Growth Stock และ Laggard ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุราคาหุ้นยังไม่แพง แนะนำซื้อ ให้เป้าหมาย 2.40 บาท
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO-ไพโม่ ผู้ประกอบธุรกิจหลักผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump,Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 มีแนวโน้มเป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากยอดขายสินค้าทุกผลิตภัณฑ์ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศและมีลูกค้ารายใหญ่จากออสเตรเลียเข้ามาสนับสนุนประกอบกับสามารถบริหารจัดการ การรับออเดอร์ให้เกิดความสมดุลได้เป็นอย่างดี เพื่อรักษาต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน
ส่วนเป้าหมายรายได้ในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงคาดว่าจะเติบโต 5-10% หรืออยู่ที่ 1,300 ล้านบาท จากปี 2565 ที่ทำได้ 1,195.50 ล้านบาท เพราะด้วยปัจจัยบวกและพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการวางแผนให้ผู้บริหารคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ไกล ขึ้นมาสานต่อการทำงานและบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังวางตำแหน่งหุ้น PIMO-ไพโม่ ให้เป็น Growth Stock และ Laggard ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในอนาคตอีกด้วย
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น PIMO-ไพโม่ โดยระบุว่าเบื้องต้นคาดกำไรปกติในไตรมาส 1/2566 ของ PIMO-ไพโม่ จะอยู่ที่ราว 27 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/2565 แต่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวในเดือนมกราคม 2566 ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก หลังผิดหวังกับผลประกอบการของบริษัททั้งในแง่ของยอดขายและอัตรากำไร รวมถึงการรับรู้รายได้จากมอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ EV ที่ล่าช้าออกไป เนื่องจากมอเตอร์ที่ลูกค้านำไปทดสอบไม่สามารถใช้งานบนพื้นผิวถนนของประเทศไทยได้ บริษัทจึงต้องส่งมอเตอร์อีกชนิดเพื่อส่งไปให้ลูกค้าทดสอบใหม่ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่รวมยอดขายจากมอเตอร์ EV เข้าไปในประมาณการ
ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER (อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น) ปี 66 เพียง 13.5 เท่า แต่ความเสี่ยงจาก Recession ที่สูงขึ้นทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลด PE Band ลงเป็น -1 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี คิดเป็น PER ที่ 16.6 เท่า ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2566 ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Upside ราว 24.7% และยังคงคำแนะนำซื้อ
Comments