บสย. จัดสรรวงเงิน 1 แสนล้านบาท เยียวยาเอสเอ็มอีเร่งด่วน เปิด 6 โครงการ กระจายความช่วยเหลือทั้งกลุ่มเปราะบางและทุกกลุ่ม ยอมรับความเสี่ยงการเคลมสูงสุด 40% ด้าน 7 แบงก์ขานรับปล่อยสินเชื่อแล้ว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม บสย.จึงได้เร่งดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยนำโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รวม 175,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS 9) วงเงิน 150,000 ล้านบาท แบ่งวงเงินค้ำประกันออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก วงเงิน 1 แสนล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ทั้งรูปแบบนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ส่วนที่ 2 วงเงิน 50,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และ 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) วงเงิน 25,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ พ่อค้าแม่ค้า แผงลอย ผู้ประกอบการธุรกิจฐานราก และกลุ่มอาชีพอิสระ มาจัดสรรวงเงินให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่แพร่ระบาดระลอกใหม่
ทั้งนี้ ล่าสุด บสย.เปิดตัว 6 โครงการค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับธนาคารพันธมิตรช่วยเหลือเร่งด่วน จัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางและผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบาง สู้ภัย COVID-19 จำนวน 2 โครงการ คือ
1. โครงการ “บสย. SMEs ไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรายละ 2 แสนบาท-20 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท MAX CLAIM สูงสุด 35%
2. โครงการ “บสย. รายย่อยไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อราย 1 หมื่นบาท-1 แสนบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท MAX CLAIM สูงสุด 40%
“ทั้ง 2 โครงการถือเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ตามประกาศพื้นที่เสี่ยงของ ศบค. โดย บสย.จะเปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 ” ดร.รักษ์ กล่าวและเผยต่อไปว่า
ในส่วนของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป มีจำนวน 4 โครงการ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี ระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ 10 ปี คือ
1. โครงการ “บสย. SMEs ดีแน่นอน” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 20,000 ล้านบาท
2. โครงการ “บสย. SMEs บัญชีเดียว” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท-100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท 3.โครงการ “บสย. SMEs ที่ได้รับสินเชื่อหนังสือค้ำประกัน (LG)” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท-100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 2,000 ล้านบาท
4. โครงการ “บสย. รายย่อย ทั่วไป” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 1 หมื่นบาท-5 แสนบาท วงเงินจัดสรร 3,000 ล้านบาท
ดร.รักษ์ กล่าวว่า ทั้ง 6 โครงการ บสย. จะรับความเสี่ยง ตั้งแต่ 20-40% ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการรับความเสี่ยงระหว่าง บสย. กับ ธนาคาร เช่น เกณฑ์การเคลม โดยกำหนดสัดส่วนการรับความเสี่ยงแบบร่วมกัน (Sharing) ระหว่าง บสย. และธนาคาร ในสัดส่วน 70 : 30 กรณีที่ธนาคารยื่นเคลมก่อนระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยดูแลลูกหนี้ในด้านต่างๆ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ จัดหนี้ หรือปรับปรุงเงื่อนไขให้ยืดหยุ่น เพื่อช่วยลูกหนี้ให้ไปรอด และมีกระแสเงินสดเพียงพอ
ขณะเดียวกัน ในด้านการดำเนินงานโครงการ “บสย. SMEs รายย่อยทั่วไป” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ต้องพึ่งเงินทุนนอกระบบ จากการที่ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ในส่วนนี้ บสย. มีนโยบายส่งเสริมให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ SMEs ลดการใช้เงินกู้นอกระบบ โดย บสย.ได้ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย เป็น 500,000 บาทต่อราย และรับความเสี่ยงค้ำประกันสินเชื่อเต็มจำนวน 100% เพื่อให้ บสย. เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการค้ำประกันสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บสย. ยังได้ร่วมค้ำประกันสินเชื่อในโครงการ Soft Loan Plus ของธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 55,000 ล้านบาท และโครงการ บสย. SMEs ไทยชนะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท
ส่วนทางด้านสถาบันการเงินให้ความสนใจร่วมลงนามพร้อมปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มเปราะบางและกลุ่ม SMEs ทั่วไป ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS9) จำนวน 7 ธนาคาร ได้แก่ 1. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย 3. ธนาคารกรุงไทย 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารกสิกรไทย 6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 7. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) จำนวน 7 ธนาคาร และ 1 ลีสซิ่ง ได้แก่ 1. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย 3. ธนาคารกรุงไทย 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารกสิกรไทย 6. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 7. ธนาคารทิสโก้ 8. บริษัท ไฮเวย์ จำกัด
“บสย. และสถาบันการเงินพันธมิตรมีความห่วงใยและอยากช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ จึงเร่งจัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อให้ครอบคลุมมากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปก็มีความต้องการ ยืด ลด หด และ ขยายหนี้ (DR) และมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) ต้องการเติมเงินทุนใหม่ เพื่อพยุงธุรกิจ และต้องการหลุดพ้นปัญหาหนี้นอกระบบ โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอรับบริการการค้ำประกันสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ดร.รักษ์ กล่าว
Comments