ไทยพาณิชย์ชี้ไตรมาส 1/63 ส่อแววดี หลังรายได้ค่าธรรมเนียมเดือน ม.ค.พุ่งกระฉูด เชื่อผลกำไรปีนี้ดีแน่นอน ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมโต 7-10% ส่วนสินเชื่อโต 3-5% เผยปี 62 ตั้งสำรองสูงหลังมองเศรษฐกิจชะลอจะส่งผลกระทบหนัก หากจะได้อานิสงส์ปีนี้ ล่าสุดตั้งบริษัทแม่ดูแลบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่มทั้งหมด ตั้งงบลงทุนสูง 2 หมื่นล้านใน 3 ปี หวังจูงใจผู้คิดค้นนวัตกรรมร่วมงานกันเพื่อพัฒนาเป็นผลลัพธ์ที่ดีกับแบงก์
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วงไตรมาส 1/2563 น่าจะออกมาในเกณฑ์ดี เนื่องจากหลังในช่วงเดือนมกราคมมองเห็นเห็นสัญญาณการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกัน (Bancassurance) และค่าธรรมเนียมจากการให้บริการการลงทุนของกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (Wealth Management) มีการเติบโตสูง ซึ่งธุรกิจธนาคารในปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะที่การขยายสินเชื่อให้ผลตอบแทนไม่ดีนักในภาวะดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและยังมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตของสินเชื่อไม่ได้ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ธนาคารได้เล็งเห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าอยู่แล้ว จึงมีการตั้งสำรองสูง ทำให้ผลกำไรสุทธิในปี 2562 จึงมีภาพที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม จากการตั้งสำรองล่วงหน้าสูงในปีที่ผ่านมา จะส่งผลดีให้ผลการดำเนินงานและผลกำไรของธนาคารในปี 2563 ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ส่วนทางด้านแผนธุรกิจของธนาคารในปี 2563 จะให้น้ำหนักกับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 7-10% โดยมาจากธุรกิจประกัน และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ขณะที่ทางด้านสินเชื่อตั้งเป้าหมายเติบโต 3-5% เน้นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งยังมีแนวโน้มเติบโตได้ ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี คงยังไม่เน้นมากนัก เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สำหรับหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.4% ทรงตัวจากก่อน
นายอาทิตย์ กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด ธนาคารได้จัดตั้งบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 1OX) ในรูปแบบ Holding Company เพื่อดูแลบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย ดิจิทัล เวนเจอร์ส (Digital Ventures) เอสซีบี อบาคัส (SCB Abacus) และมันนิกซ์ (MONIX) รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จะจัดตั้งหรือลงทุนในอนาคต โดยตั้งงบลงทุนรวม 2 หมื่นล้านบาท สำหรับใช้ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะเป็นงบเพื่อการลงทุนเช่นเดียวกับที่ธนาคารลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของธนาคาร ขณะที่การตั้งวงเงินไว้สูงเพื่อจูงใจให้ผู้คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ เห็นว่าไทยพาณิชย์มีความตั้งใจและจะดำเนินการทางด้านนี้อย่างจริงจังจนเกิดความสนใจที่จะร่วมงานด้วย
สำหรับ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัลเทคโนโลยี ทั้งการเข้าไปลงทุนเอง การลงทุนร่วมสร้าง และการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งการลงทุนในลักษณะนี้จะช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับธนาคารโดยทำให้ธนาคารมีขีดความสามารถทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้ารวมถึงสร้างมูลค่าจากธุรกิจใหม่ที่สามารถมาทดแทนและเพิ่มการเติบโตให้กับธนาคารได้อีกด้วย
ด้าน ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า SCB 1OX คือ การต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ ท่ามกลางโลกธุรกิจยุคปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ดังนั้น บทบาทหน้าที่ของ SCB 1OX จะมุ่งเน้นการสร้างขีดความสามารถใหม่ทางด้านเทคโนโลยีผ่านการลงทุนที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Invest in Exponential Opportunities) ภายใต้ภารกิจที่เรียกว่า “Moonshot Mission” (มูนช็อต มิชชัน) คือ การคิดและทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือมีมาก่อน มองเห็นความต้องการของตลาดในอนาคต และนำพาองค์กรไปถึงจุดนั้นก่อนใคร เพื่อไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผ่าน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่
1. Venture Builder (VB) คือ การลงทุนร่วมสร้างธุรกิจประเภทเทคสตาร์ทอัพใหม่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมธนาคาร และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักทางธุรกิจของบริษัทในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดย SCB 1OX จะให้การสนับสนุนผู้ที่มีความคิด หรือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่มองเห็นอนาคต ทั้งด้านการเงินเพื่อทดลองจนไปถึงจุดที่บริษัทสามารถสเกลและระดมทุนจากภายนอกได้ นอกจากนี้ยังร่วมสร้างธุรกิจผ่านการให้การสนับสนุนผู้มีความสามารถ (Talent) ทีมงาน การเข้าถึงเทคโนโลยี (Tech access) การนำเสนอธุรกิจสู่ตลาด (go-to market) รวมถึงแชร์เซอร์วิสอื่นๆ เพื่อให้เจ้าของไอเดียสามารถโฟกัสการสร้างธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และถ้าเจ้าของไอเดียหรือผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถสร้างไอเดียจนสำเร็จ จะมีโอกาสร่วมเป็นเจ้าของบริษัทด้วย (Share ownership)
2. Strategic Investment and Partnership คือ การร่วมลงทุนทางยุทธศาสตร์ และการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงมุ่งหาโอกาสในการสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาขีดความสามารถและสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
3. Venture Capital (VC) คือ การลงทุนในบริษัทเทคคอมพานี และสตาร์ทอัพทั่วโลก เน้นการลงทุนที่สามารถช่วยให้บริษัทหรือสตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตยิ่งขึ้น
“แม้ว่าการจะทำให้ Venture Builder ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัท SCB 1OX สำเร็จได้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้าง แต่เรายังคงเชื่อมั่นว่าสิ่งนี้จะสามารถสร้าง impact แบบก้าวกระโดดให้เกิดขึ้นได้ และเราไม่ได้มองการตั้งบริษัท SCB 1OX เพียงเพื่อแข่งขันภายในประเทศไทย แต่เรามุ่งหวังสู่การเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการลงทุนร่วมสร้างและการลงทุนดิจิทัลเทคโนโลยี ภายใน 5 ปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงรูปแบบลงทุนร่วมสร้างที่ยังไม่มีใครทำมาก่อนในประเทศการนำเอาเทคโนโลยีจากทั่วโลกมาปรับใช้ในไทย เป็นการให้โอกาสผู้มีความสามารถ (Talent) ได้เข้ามาร่วมพัฒนาและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้านการเติบโตให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดย SCB 1OX พร้อมเปิดรับไอเดียและทีมทำงานจากทั่วโลก เพื่อร่วมกันผลักดันภารกิจ Moonshot นี้สู่เป้าหมายที่ตั้งไว้” ดร.อารักษ์ กล่าว
Comments