top of page
image.png

กระตุ้นเศรษฐกิจฉบับ สอท. : หนุนลดภาษี + เพิ่มกำลังซื้อ


Interview: คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

เร่งรัฐบาลบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ป้องกันได้ทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม เพื่อช่วยลดปัญหาและต้นทุนภาคการเกษตรและอุตฯ การเกษตร รวมถึงลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน กระตุ้นเม็ดเงินให้หมุนเวียน ส่วนแนวคิดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรระงับไว้ก่อน เพราะเศรษฐกิจโลก-ไทย เป็นขาลง และปัญหา Trade War ปัญหาความขัดแย้งเกาหลี-ญี่ปุ่น ยังอีนุงตุงนังไปอีกนาน และโครงการ EEC แม้ต้องพึ่งเม็ดเงินลงทุน-นวัตกรรมจากต่างชาติ แต่ต้องให้ใช้ Local Content ของไทย และให้ SME ไทยทั้งรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ได้รับผลประโยชน์จากโครงการ EEC ร่วมกัน

งบประมาณอัดฉีดของรัฐบาล 3.1 แสนล้านบาทที่กระตุ้นก๊อกแรกไป ดูแล้วเข้าตาไหม

3.1 แสนล้าน ก็มีบางส่วนลงถึงรากหญ้า แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นรูปแบบนโยบาย ซึ่งการให้ SME เรื่องของเงินกู้ การปล่อยซื้อเครื่องจักรได้ภาษี 1.5 เท่า ตรงนี้จริงๆ ไม่ถึงแสนล้าน แต่อย่างน้อยลงไปกระตุ้นในตลาดได้ในระดับหนึ่ง

ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่ม

เราเคยคุยไว้ในส่วนของประกันราคาสินค้าเกษตร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็เริ่มออกมาแล้วในเรื่องปาล์ม ข้าว ถ้าส่งผลจริงได้ก็จะช่วยได้พอสมควรสำหรับระยะสั้นที่จะเพิ่มกำลังซื้อจากภาคการเกษตร และยังมียาง มันสำปะหลัง ที่จะทยอยออกมา ก็น่าจะเป็นประโยชน์ในส่วนของระยะสั้น ทำอย่างไรที่จะให้เกษตรกรลดต้นทุนลงได้ ช่วงนี้น้ำท่วมอีกแล้ว ทั้งนี้ก่อนนี้มีปัญหาน้ำแล้ง ดังนั้น ระบบชลประทานเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะต้องลงทุนในระยะยาว เห็นจีนไหมลงทุนเรื่องเขื่อน ชลประทานค่อนข้างเยอะใน 10 ปีที่ผ่านมา สามารถกักเก็บน้ำและป้องกันน้ำท่วมแถวแยงซีเกียงที่เคยท่วมทุกปี เดี๋ยวนี้เขาป้องกันได้ระดับหนึ่งและพืชผลการเกษตรเขาก็ดีขึ้น อันนี้เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดต้นทุนของภาคการเกษตรลง

เรื่องภาษีควรลดลงอีกไหม

ทางรัฐมนตรีคลังเคยพูดถึงภาษีเงินได้ ผมว่าก็ช่วยได้ระดับหนึ่งในภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งวันนี้ก็เขย่งกับรายได้ภาษีนิติบุคคลอยู่ อย่างประธานาธิบดีทรัมป์เศรษฐกิจดีขึ้นทันส่วนหนึ่งเพราะเขาลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาค่อนข้างเยอะ ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อขององค์กรหรือผู้ที่ทำงานมีมากขึ้น อันนี้ก็เป็นประโยชน์ ดูว่าอะไรที่เหมาะสมและกระตุ้นให้คนมาเสียภาษีโดยถูกต้อง ก็จะได้ทั้ง 2 ฝ่าย คนมาเสียภาษีถูกต้องและได้ส่วนลดหย่อน สิ่งที่ตามมาคือมีกำลังซื้อมาหมุนเวียนขึ้นอีก เป็นการช่วยให้เศรษฐกิจหมุน กระตุ้นสภาพคล่องให้ดีขึ้น

เพิ่มค่าแรงเป็น 400 บาท ยังไม่สมควร

อันนั้นคงยังไม่เหมาะสม เพราะวันนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี มันถดถอยกันหมด ยกเว้นไม่กี่ประเทศที่เห็นอยู่ โดยรวมเราเองยังอยู่ในภาพขาลงอยู่บ้าง ยังต้องกระตุ้นกันอยู่ เรื่องค่าแรงคงไม่ช่วยให้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น

เท่าที่ดูดัชนีภาคผลิตอุตสาหกรรมตอนนี้ลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมา จากนี้ไปจะเป็นอย่างไง

การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงนั้นต้องยอมรับว่าเรื่อง Trade War ส่งผลเยอะมาก ตัวเลขส่งออกเราตกเยอะมาก มันเป็นธรรมดา และมีสถานการณ์ธรรมชาติที่เพิ่มเข้ามาในช่วงที่ผ่านมา เช่น เรื่องภัยแล้ง สถานการณ์การเมือง ตอนนี้อาจจะดีขึ้น แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ค่อยดี ตัวเลขความเชื่อมั่นก็ลดลง ส่วนแนวโน้ม 3 เดือนข้างหน้าส่วนใหญ่มองว่าน่าจะดีขึ้นเพราะกลไกของรัฐบาลหลังเลือกตั้งเริ่มขยับ จะเห็นว่ารัฐมนตรีฟิตกันหมด น่าจะมีโครงการอะไรออกมาผลักดันเพิ่มขึ้นดีกว่าในช่วงที่ผ่านมา

ในฐานะเป็นภาคเอกชนในสภาอุตสาหกรรมเริ่มมีความหวัง

เรามองว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าน่าจะมีรูปแบบอะไรดีขึ้น ตอนนี้ปัญหาอีกตัว คือ เรื่องของงบประมาณในช่วงนี้ยังออกไม่ค่อยได้ แต่ยังเห็นโครงการที่รัฐมนตรีแต่ละท่านพยายามผลักดันออกมาในทุกเรื่อง อย่างรัฐมนตรีคลังผลักดันโครงการ 300,000 กว่าล้านออกมาร่วมกับรัฐมนตรีท่านอื่น ประกันเรื่องสินค้าเกษตร สาธารณสุขมีเรื่องกัญชา ทุกคนมีโครงการระลอกๆ ออกมา มันก็น่าช่วยบรรเทาหลายๆจุด ปัญหานี้ทุกคนทำการบ้านมานานเพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน

ในฐานะที่ใกล้ชิดกับบรรดาสมาชิกผู้ประกอบการ คิดว่าอุตสาหกรรมไหนควรเข้าไปช่วยเหลือเร่งด่วนก่อน

ที่เราเคยคุยก็คืออุตสาหกรรมด้านการเกษตรมีผลกระทบกันเยอะ ยอมรับว่ามีปัญหามากพอสมควร ขณะที่ภาคการก่อสร้างน่าจะมีโครงการใหญ่ๆ เข้ามาก็เริ่มดีขึ้น อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงเพราะมีการย้ายฐานไปเวียดนามกันเยอะ ตัวเลขส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ก็แย่ลงค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นมีผลกระทบเยอะในตลาดอิเล็กทรอนิกส์

ตอนนี้ปัญหา Trade War ยังมีอยู่ ไม่ใช่เงียบไปใช่ไหม

ยังมีอยู่ อย่างที่พูดไปเมื่อปีที่แล้ว Trade War ไม่มีทางหยุด จะมาๆหายๆ เพราะตราบใดที่จีนได้ดุลการค้าจากอเมริกามหาศาลแบบนี้ ถึงแม้อเมริกาจะขึ้นภาษีแล้วตัวเลขไม่ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบ มันยังเป็นตัวเลขที่ทางจีนได้เปรียบการค้าอยู่พอสมควร ก็จะยังมีการต่อรองอยู่แบบนี้เรื่อยๆ อยู่ที่หนักเบาแต่ละครั้ง อเมริกาทำให้หนักเบาอยู่ตลอดเวลาและส่งผลให้กับนานาประเทศ ตอนนี้ยังมีเรื่อง Brexit ของอังกฤษเข้ามาเกี่ยว อันนี้อาจจะกระทบไทยไม่เยอะมาก อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับ Trade War อเมริกากับจีน แต่ก็ไปกระทบเศรษฐกิจด้านยุโรปและอังกฤษ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบมาหลายชิ่ง เกาหลีหรือญี่ปุ่นก็มีปัญหากันอีก ทั้งหมดนี้ทำให้โลกไม่สดใส การทำธุรกิจลำบากมากขึ้น

เคยมีการห่วงกันว่าตอนนี้มีต่างชาติเข้ามาแย่งงานก่อสร้างจากผู้ประกอบการไทย มีการเรียกร้อง made in Thailand เช่น งบก่อสร้างรัฐจะจำกัดได้ไหมว่าประมูลงานเฉพาะบริษัทไทยเท่านั้น

คือเราอยากให้เป็น Local Content เยอะๆ เรื่องจัดซื้อจัดจ้าง เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องที่ส่งไปให้ภาครัฐ อยากผลักดันสินค้าที่ผลิตในไทย วันนี้จะเห็นว่าก่อสร้างจีนเริ่มเข้ามา บริษัทก่อสร้างจีนเริ่มใช้ของจีน ทำให้เราไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย ตอนนี้อาจจะยังไม่มาก แต่แนวโน้มเริ่มมีให้เห็นแล้วหลายโครงการที่เป็นของคนจีน ซึ่งเรากำลังมีเมกะโปรเจกต์เข้ามาทั้งเรื่องรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน เราอยากให้ใช้ Local Content สินค้าไทยเยอะๆ อุปกรณ์ทั้งหลาย ตู้โดยสาร และหลายเรื่องที่เราทำได้ถ้ารัฐบาลสนับสนุนอย่างจริงจัง เราอยากให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเราให้มากขึ้น

เห็นรัฐบาลบ่นน้อยอกน้อยใจ เปรียบเหมือนประเทศเป็นเครื่องบินลำนึง เครื่องยนต์ที่ทำงานเป็นรัฐลงทุนฝ่ายเดียว เอกชนนั่งนิ่งเงียบ ขนาดสร้างแรงจูงใจ เช่นการลงทุนสมมุติ 1 บาท เอาไปหักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า แต่ก็ยังไม่จูงใจเอกชน ค่าเงินบาทแข็งน่าจะเป็นโอกาสดีแต่ก็ไม่ทำกัน แสดงว่ายังมีปัญหาอะไร

เอกชนก็มีการลงทุนอยู่บ้างพอสมควร แต่เป็นเอกชนขนาดกลางและขนาดใหญ่ ส่วนขนาดเล็กตอนนี้ต้องยอมรับว่าต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องไฟแนนซ์ การสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือ การลงทุนเอกชนก็ไม่ได้ยิ่งหย่อน แต่เราต้องพึ่งสินค้านวัตกรรมเยอะ พึ่งสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆค่อนข้างเยอะเพื่อให้เราทันกับตลาดโลก ซึ่งสภาอุตสาหกรรมได้เสนอเรื่องกองทุนนวัตกรรมของภาคเอกชนไปเพื่อให้ผู้บริจาคเข้ากองทุนนี้สามารถลดหย่อนภาษี 3 เท่า และไปหักกับเอกชนเอง เงินก็เป็นเงินเอกชน รัฐดูแลแค่เรื่องภาษีเท่านั้น จะช่วย SME ได้ระดับนึง เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดัน SME ให้ขับเคลื่อนได้ จริงๆ เราต้องมาดูนวัตกรรมต่างๆ ระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา ต้องทำงานให้เยอะขึ้น ต้องยอมรับว่าท่านสุวิทย์ก็พยายามเอาอุดมศึกษาและกระทรวงวิทย์ฯ มาขับเคลื่อนมารวมกันแล้วเอาเอกชนเข้ามา อันนี้จะเริ่มค่อยๆเห็นผล แต่คงไม่ได้ทันทีทันใด เหมือนเมืองจีนใช้ภาคเอกชนและภาครัฐช่วยกันทำและทำออกมาเยอะแยะมากมาย

เรื่องของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อการลงทุนไหม

หลายวันก่อนมีคุยกับแบงก์ชาติ 2 เรื่อง เรื่องค่าเงินจะทำอย่างไรดี แบงก์ชาติก็ทำเต็มที่ ตอนนี้มีลดดอกเบี้ย แต่ก็ยังช่วยได้ไม่มากมาย แค่เป็นการชะลอเท่านั้น ค่าเงินเราแข็งอยู่ อาจจะต้องมีมาตรการอะไรอื่นๆเข้ามาเสริม อาจจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งหรือเปล่า เรื่องไฟแนนซ์ที่เราคุยกับแบงก์ชาติ เรื่องเครดิตบูโร ทำอย่างไรจะยืดหยุ่นให้กับบริษัท SME ทั้งหลายที่ตอนนี้ไม่มีปัญหาเรื่องหนี้แต่อาจจะติดเรื่องเครดิตบูโรที่ติดบัญชีมีปัญหาหนี้มาก่อน จะผ่อนคลายยังไง จะซัพพอร์ตยังไง SME Bank น่าจะช่วยบรรเทาได้ยังไง ก็เหมือน ธ.ก.ส.ที่สามารถปล่อยให้เกษตรได้หายใจ เพราะฉะนั้นโครงการที่เราเสนอเรื่อง Soft Loan เรื่องหนี้ SME วันนี้ SME มีจำนวนเยอะพอสมควรที่เขาไปรอด แต่เขามีภาระเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วที่มีเรื่องเหตุการณ์เยอะแยะไปหมดทำให้จ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว ถ้าพักดอกเบี้ยไว้ก่อนเขาก็สามารถรันธุรกิจได้ ค่อยๆแก้ระบบกันแบบนี้ SME จะกลับเข้ามาฟื้นได้มากพอสมควร

เรื่องของ EEC ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามามีมากหรือน้อย หรือนิ่ง

EEC คนสนใจลงทุนเยอะมาก เพราะวันนี้มีเรื่อง Trade War ที่มีเครือข่ายโรงงานมาจากจีน ไต้หวัน อเมริกา ก็สนใจมาลงทุนใน EEC ผมว่ามีโอกาสมากพอสมควร ท่านดร.สมคิดก็พยายามที่ผลักดันให้โครงการ EEC ออกมาเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาธารณูปโภค ขอบเขตการลงทุน เพราะเรื่องมาตรการการลงทุนตอนนี้ก็จะออก

มาตรการใหม่ออกมา เพื่อชักชวนต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่ก็อยากให้อุตสาหกรรมไทยมีโอกาสมีส่วนร่วมด้วยในซัพพลายเชน มีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กเข้ามาเชื่อมต่อกับ EEC เป็นการให้โอกาสอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กได้ประโยชน์ด้วย รวมถึงให้สถาบันการศึกษาเราได้เรียนรู้เรื่องนวัตกรรมเพื่อจะช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยได้อย่างไร อันนี้เป็นโจทย์ที่ควรจะเชื่อมกับ BOI ให้ได้

13 views
bottom of page