top of page
379208.jpg

ราช กรุ๊ป ประกาศกำไรไตรมาสแรก 1,741 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้โครงการเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่นในไตรมาส 2

นนทบุรี – บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิมบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562 มีกำไรจำนวน 1,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.6% จากงวดเดียวกันของปี 2561 ซึ่งเป็นผลจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไร จากโครงการโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 35% ในเดือนมิถุนายน ศกนี้

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ยังรักษาการเติบโตของกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยที่ส่งเสริม คือรายได้จากการขายของโรงไฟฟ้าหลัก และส่วนแบ่งกำไรกิจการร่วมทุนที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

“บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า ให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ครบถ้วนตามสัญญา พร้อมทั้งกำกับติดตามโครงการที่กำลังดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งในเดือนมิถุนายน ศกนี้ โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้งรวม 99.23 เมกะวัตต์ จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่ากิจการให้ถึง 200,000 ล้านบาท หรือ 10,000 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปี 2566” นายกิจจากล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 11,230.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5% โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ และบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำนวน 9,245.06 ล้านบาท (คิดเป็น 82.3% ของรายได้รวม) และรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุนจำนวน 1,081.13 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความก้าวหน้าในการพัฒนาโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินสวิลล์ กำลังผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ในออสเตรเลียที่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว กำลังผลิตติดตั้งรวม 275 เมกะวัตต์ในอินโดนีเซีย มูลค่า 222 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 7,104 ล้านบาท) และเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเลกเตอร์ ในออสเตรเลีย มูลค่า 179 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (หรือประมาณ 4,117 ล้านบาท) และโครงการโรงไฟฟ้าเบิกโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้ง 99.23 เมกะวัตต์ ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างทดสอบการเดินเครื่อง โดยมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน ศกนี้

3 views
bottom of page