top of page
379208.jpg

เสี่ยงที่จะลงต่อมากกว่าดีดขึ้น


เตรียมลงอีก !

ต้องเรียนว่าผลการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้น เนื่องจากพรรคที่ได้อันดับที่ 1 และ 2 มีคะแนนใกล้เคียงกันมาก รวมทั้งมีโอกาสสูงที่ไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ แต่รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีเสียงเกินครึ่งไปไม่มาก และรัฐบาลจะมีปัญหาด้านเสถียรภาพแน่นอน

ดังนั้นโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงหลังการเลือกตั้งตามสถิติที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

“นายหมูบิน” ขอย้ำอีกครั้งว่าสถิติ 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง 6 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมา พบว่า SET ปรับตัวลงหนักเกือบทุกครั้งเฉลี่ย 9.4% ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 16.7% เท่านั้น โดยที่กลุ่มที่ปรับตัวลงแรงๆ โดยเฉลี่ยในช่วงเวลาดังกล่าวจากสถิติคือกลุ่มหลักทรัพย์ 20.8%, ธนาคาร 17.2%, วัสดุก่อสร้าง 17.6%, ปิโตรเคมี 15.5%, อิเล็กทรอนิกส์ 18.1% และบันเทิง 10.3%

ในจำนวนนี้มีเพียงกลุ่มหลักทรัพย์กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง มีการปรับตัวขึ้น 1 ใน 6 ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มที่เหลือปรับตัวลงตลอดทั้ง 6 ครั้ง

ทั้งนี้ความเสี่ยงในประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยที่นักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติกังวลมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งแล้ว สะท้อนออกมาจากการที่ 1 สัปดาห์ก่อนวันที่ 24 มี.ค. 2562 พบว่าระดับ Credit Default Swap Spread หรือ CDS Spread อายุ 1 ปีของประเทศไทยปรับตัวขึ้นมา 0.30 bps ขึ้นมาอยู่ที่ 13.00 bps

ดังนั้น “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันในทางเทคนิคว่าในช่วงหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 กรอบแนวต้าน 1,670-1,700 จุดของ SET มีความแข็งแกร่งมาก โดยที่บริเวณดังกล่าวจริงๆถ้า SET ปรับตัวขึ้นไปถึงได้ก็เป็นโอกาสในการขายออกมาก่อนด้วยซ้ำ

ในทางตรงกันข้าม “นายหมูบิน” มองว่า SET ยังคงมีโอกาสหลุด 1,620 จุดมากกว่าการทะลุ 1,670 จุดขึ้นไป หลังจากที่ Indicator ระยะสั้นอย่าง RSI และ Modified Stochastic ยังคงมีสัญญาณลบ หรือ Negative Signal ต่อเนื่อง

หลังจากชนเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น และถอยตัวลงมา ซึ่งในกรณีที่ SET ถอยตัวลงไปต่ำกว่า 1,620 จุด มีความเป็นไปได้ที่ SET จะหมุนลงไปต่ำกว่า 1,580 จุดอีกครั้งในช่วง 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง

ตลาดหุ้นสหรัฐป่วนโลก : ต้องเรียนว่าสำหรับตลาดหุ้นไทยนอกจากจะถูกกดดันด้วยปัจจัยจากการเมืองภายในประเทศแล้ว ปัจจัยกดดันที่ “นายหมูบิน” มองว่าใหญ่ไม่แพ้กันคือสถานการณ์ และทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐที่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงในช่วงต้นสัปดาห์นี้กดดันตลาดหุ้นโลกอย่างหนัก หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐเกิดรูปแบบที่เราเรียกกันว่า “Inverted Yield Curve” หรือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว สะท้อนออกมาจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐอายุ 1 ปีอยู่ที่ระดับ 2.45% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐอายุ 3 ปีอยู่ที่ระดับ 2.26% เท่านั้น

ในทางทฤษฎีการเกิด “Inverted Yield Curve” หรือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่านักลงทุนกังวลต่อการเกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจ หรือ Recession อีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ส่งสัญญาณ Dovish มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25-2.50% หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีที่แล้ว

นอกจากนี้เฟดยังได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิมที่ระบุในการประชุมเดือน ธ.ค. 2561 ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ค่า Dot Plot หลังการประชุมครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเลยในปี 2562 และในปี 2563 เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้เฟดยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้สู่ระดับ 2.1% จากระดับ 2.3% ที่ระบุไว้ในเดือน ธ.ค. 2561 และปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้าสู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่ 2.0%

ขณะที่สถานการณ์ในยุโรปก็ดูทีท่าว่าจะแย่ลงอีก หลังจากที่สถานการณ์ Brexit กลับมามีความไม่แน่นอนอีกครั้ง จากการที่สหภาพยุโรป หรือ EU ขยายเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย. 2562

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ใช้โอกาสที่ SET ดีดตัวขึ้นไม่ผ่าน 1,670 (+/-5) จุด เป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไร” ในลักษณะ “Short-Against” ไปรอ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO, TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

6 views
bottom of page