
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า จะถูกกำหนดด้วยปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เป็นหลัก ทั้งในส่วนของผลการเลือกตั้ง และผลที่จะตามมาหลังการเลือกตั้ง ขณะที่ในทางเทคนิค “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันมุมมองเดิมว่า SET ยังคงมีโอกาสหลุด 1,620 จุดมากกว่าการทะลุ 1,670 จุดขึ้นไป ในช่วงหลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 โดยมีเหตุผลสนับสนุนทั้งในด้านของเทคนิคเองที่ SET พยายามทดสอบแนวต้าน และจุดหมุนบริเวณ 1630 จุด (+/-) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย EMA 5, 10 และ 25 วันที่รวมกันอยู่ มาแล้วเกือบทุกวันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ ขณะที่ Indicator ระยะสั้นอย่าง RSI และ Modified Stochastic ชนเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ทำให้เกิดสัญญาณขายอีกครั้ง
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในเชิงของ Story ยิ่งทำให้โอกาสที่ SET จะหมุนลงโดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น ทั้งจากสถิติ SET ปรับตัวลงหนักหลังการเลือกตั้ง 3 เดือน จากการเลือกตั้ง 6 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมา โดยเกือบทุกครั้งลงเฉลี่ย 9.4% ด้วยระดับ Winner Percentage เพียง 16.7% เท่านั้น
จากเหตุผลหลักๆ คือความผิดหวังในรัฐบาลใหม่ ซึ่งกลุ่มที่ปรับตัวลงแรงๆ โดยเฉลี่ยในช่วงเวลาดังกล่าวจากสถิติคือกลุ่มหลักทรัพย์ 20.8%, ธนาคาร 17.2%, วัสดุก่อสร้าง 17.6%, ปิโตรเคมี 15.5%, อิเล็กทรอนิกส์ 18.1% และบันเทิง 10.3% ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียงกลุ่มหลักทรัพย์เท่านั้นที่หลังการเลือกตั้ง 3 เดือนมีการปรับตัวขึ้น 1 ใน 6 ครั้งที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มที่เหลือปรับตัวลงทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมาตลอดหลังการเลือกตั้ง 3 เดือน
และยิ่งในครั้งนี้ที่โอกาสเกิดความไม่แน่นอนขึ้นสูงมากหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในด้านของเสถียรภาพของรัฐบาล และความชอบธรรมของการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทั้งนี้ในกรณีที่ SET หมุนตัวลงไปต่ำกว่า 1,620 จุดจริงๆ บริเวณ 1,580 จุด ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย EMA 200 สัปดาห์ (ย้ำ! 200 สัปดาห์) จะทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อไปครับ
สหรัฐจำกัด Downside Risk : ในเชิงของ Momentum พบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ที่ปรับตัวลดลง 0.28% ซึ่งดูแย่กว่า หรือ Underperform ตลาดหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้น 1.55% และตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น 2.89% ตามคาด โดยที่นอกจากจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นเอเชีย ที่ดัชนี MSCI Asia ex Japan ปรับตัวลง 0.10% แล้ว
การที่ SET ปรับตัวลงมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นเอเชีย มาจากปัจจัยการเมืองที่ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมา 4 ใน 5 วันทำการที่ผ่านมาราว 5,700 ล้านบาทเป็นหลัก
อย่างไรก็ดีการที่ Momentum ของตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย ยังคงเป็นขาขึ้นสะท้อนจากการที่ดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และเอเชียในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 19%, 2% และ 6% ตามลำดับ และทั้งหมดยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วันทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ Momentum ขาขึ้นชัดเจนมาก หลังจากที่ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ 10 ปีปรับตัวลงมา 4.87 bps มาอยู่ที่ 2.581% จนในทางเทคนิคเกิดสัญญาณ Dead Cross ครบทั้ง 5 ขั้นแล้ว สะท้อนแนวโน้มขาลงชัดเจน
สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ล่าสุดตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนในเดือน ก.พ. 2562 หลังจากทรงตัวเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน
อย่างไรก็ดีการเพิ่มขึ้นของตัวเลข CPI ในเดือน ก.พ. 2562 เป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือน ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2559 และน้อยกว่าที่คาดที่ 1.6% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีระดับเงินเฟ้อเป้าหมาย หรือ Inflation Targeting อยู่ที่ 2% ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟด จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งแนวโน้มขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐดังกล่าวน่าจะช่วยจำกัด Downside ให้กับ SET ได้ในระดับหนึ่งครับ
อย่างไรก็ดีกรณีที่ SET หลังการเลือกตั้งถอยตัวลงหลุดกรอบ 1,580-1,560 จุดอีกครั้ง อาจจะสะท้อนว่าการเมืองไทยหลัง 24 มี.ค. 2562 กำลังจะเดินไปสู่ทางตัน และการเลือกตั้งครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่ง SET จะมีสัญญาณขายเต็มตัวอีกครั้ง
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ใช้โอกาสที่ SET ดีดตัวขึ้นไม่ผ่าน 1,670 (+/-5) จุด เป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไร” ในลักษณะ “Short-Against” ไปรอ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO, TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club