top of page
327304.jpg

ไปได้ไม่เกิน 1,800 จุด


ยังไม่มีอะไรแย่ !

“นายหมูบิน” มองว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ถอยตัวลงมาปิดต่ำกว่า 1,730 จุดอีกครั้ง จะยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เพราะแม้ว่าในภาพรวมของตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะชะลอการปรับตัวขึ้น โดยดัชนี MSCI ACWI ซึ่งเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตลาดหุ้นทั่วโลก จะปรับตัวลง 0.13% แต่ตลาดหุ้นสำคัญส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในทิศทางของการปรับตัวขึ้นได้

โดยตลาดหุ้นในกลุ่มที่ Outperform ได้แก่ยุโรป, ญี่ปุ่น, Asia ex Japan, จีน และไทย ปรับตัวขึ้น 0.98%, 0.70%, 0.85%, 3.16% และ 0.05% ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวก จากการที่รัฐบาลอิตาลีเห็นพ้องให้มีการกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปีหน้าไว้ที่ 2.4% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งอยู่ในกฎการคลังของสหภาพยุโรปที่ไม่ให้งบประมาณขาดดุลมากกว่า 3% ของ GDP

ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ นายชินโซ อาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแอลดีพี ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายซึ่งยังคงส่งผลตีต่อเนื่องต่อตลาดหุ้น รวมถึงผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการประชุมทวิภาคระหว่างสหรัฐ และญี่ปุ่นเป็นไปในทิศทางบวกโดยมุ่งเน้นไปที่รถยนต์สินค้า และสินค้าการเกษตร โดยยังคงต้องติดตามผลการประชุมต่อไป

ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเป็นตัวกดดันตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาแทน หลังจากที่การประชุม FOMC ครั้งที่ผ่านมา นอกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มขึ้น 0.25% จากระดับ 2.00% สู่ระดับ 2.25% แล้ว ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน ส่วนการขยายตัวของการจ้างงานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น โดยเฉลี่ยมีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2561 สู่ระดับ 3.1% จากเดิมที่ 2.8% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในปี 2562 สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่ 2.4%

ขณะที่เฟดคาดตัวเลขเงินเฟ้อรายปี ทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงานว่าจะยังคงอยู่ใกล้ระดับ 2% ทำให้ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอีกครั้ง สะท้อนออกมาจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐที่อยู่ที่ 3.1% ใกล้เคียงกับตัวเลขที่สูงที่สุดของปีนี้ ที่ 3.12%

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าโอกาสที่ SET ในช่วงที่เหลือของปี 2561 จะขยับขึ้นไปเหนือ 1,800 จุดยังคงเป็นไปได้ยาก และถึงจะทำได้จริง ”นายหมูบิน” มองเป็นโอกาสในการขายมากกว่า

เริ่มกลับมากังวลการขึ้นดอกเบี้ย : ปัจจัยกดดันสำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป “นายหมูบิน” มองว่าจะอยู่ที่ความกังวลของตลาดต่อการเคลื่อนไหวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากที่ล่าสุด ธปท. ออกมาระบุว่ามีความกังวลในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากพบว่าสถาบันการเงินบางแห่งมีการปล่อยสินเชื่อในปริมาณที่สูงเมื่อเทียบกับมูลค่าของที่อยู่อาศัยของผู้กู้หรือพบว่ามีการปล่อยสินเชื่อสูงกว่ารายได้ของผู้กู้ โดยกรณีการปล่อยสินเชื่อเกินมูลค่าบ้าน (Loan to value) ที่เป็นปัญหาบางรายสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อถึง 120%

ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะออกมาตรการมาเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ผลจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง กนง. มีมติ 5:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% จากเดิมที่มติ 6:1 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มเห็นสัญญาณของโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นภายในต้นปีหน้าอย่างน้อย 1 ครั้ง ในทิศทางเดียวกับประเทศในกลุ่ม TIP ที่ล่าสุดธนาคารกลางอินโดนีเซียได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.75% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 แล้วในปีนี้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสัญญาซื้อคืนพันธบัตรอายุ 7 วัน สอดคล้องกับความพยายามในการปรับลดยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ

ในขณะเดียวกันธนาคารกลางฟิลิปปินส์มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็น 4.5% ด้วย เพื่อควบคุมการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ และดูแลเป้าหมายเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบของนโยบาย ซึ่งแน่นอนว่ามุมมองต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยดังกล่าว จะส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสที่จะถูกกดดันจากทั้งปัจจัยการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยในอนาคต ซึ่งจะกระทบทั้งฝั่งผู้ประกอบการ และกำลังซื้อของลูกค้า รวมถึงหากมีการปรับกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อโดย ธปท.จริง จะเป็นปัจจัยสำคัญอีกตัวที่กดดันต่อยอดขายของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยรวมได้

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ดีดตัวขึ้นไม่ผ่าน 1,800 (+/-5) จุด เป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไร” ในลักษณะ “Short-Against” ไปรอ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

109 views
bottom of page