top of page
347550.jpg

ตลาดหุ้นไทย ไม่ได้ประโยชน์จากเพื่อนๆ


หุ้นโลกยังไปต่อ !

ก่อนอื่นต้องเรียนก่อนว่าสถานการณ์ล่าสุดทิศทางของตลาดหุ้นโลกยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นนะครับ สะท้อนออกมาจากการที่ตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาอ้างอิงจากดัชนี MSCI ACWI ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7 % (YTD +0.12%) นำมาด้วยตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ดัชนี S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้น 2.36 % (YTD +0.9%), ตลาดหุ้นยุโรปที่ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.29 % (YTD +0.84%), ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ดัชนี TOPIX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08 % (YTD -2.46%) และตลาดหุ้นจีนที่ดัชนี CSI300 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.87 % (YTD -3.95%) สอดคล้องกับดัชนีสะท้อนความกลัวของสหรัฐ หรือดัชนี VIX Index ที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 15.97% (YTD +21.56 %) โดยที่ปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี สอดคล้องกับในฝั่งยุโรป ที่ดัชนี VIX EU ลดลง -1.3% (YTD -1.7%) ซึ่งปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีเช่นกัน

ขณะที่ในดัชนีสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน จัดทำโดยสมาคมนักลงทุนรายย่อยแห่งสหรัฐฯ AAII ในสัปดาห์ที่ผ่านมา 33.5% เชื่อว่าตลาดหุ้นจะ Bullish ในอีก 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 5.1% ขณะที่ 25.5% มองว่ามีแนวโน้มเป็น Bearish ลดลง 4.7% โดยปัจจุบัน AAII Bullish 8-week average อยู่ที่ 32.8%

อย่างไรก็ดี “นายหมูบิน” มองว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ได้ประโยชน์มากนักจากสถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนออกมาจากการที่ล่าสุดตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 1.91 % (YTD +0.18%) โดยที่ปัจจัยกดดันสำคัญยังคงอยู่ที่การแข็งค่าเงินดอลลาร์ ที่ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี US Dollar Index แข็งค่า 0.57% สวนทางกับค่าเงินเอเชีย ที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Asian Dollar Index อ่อนค่า -0.54%

ตลาดหุ้นไทยไม่ไปต่อแบบมีเหตุผล : ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงความน่าสนใจในการลงทุน โดยพิจารณาจากราคา ณ ปัจจุบันในแต่ละ Asset class เทียบกับ Target Price ที่ประมาณการโดย Bloomberg Consensus ณ สิ้นปี 2018 จะพบว่าสินทรัพย์ที่มี Potential Upside Gain มากที่สุดได้แก่ตลาดหุ้นจีนราว 16% ตามมาด้วยตลาดหุ้นสหรัฐ 14%, ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 13%, ตลาดหุ้นไทย 11%, ตลาดหุ้นยุโรป 9% และทองคำมีระดับ Potential Upside Gain ที่ 0% ซึ่งจากการข้อมูลเบื้องต้นก็จะพบว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจน้อยกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นขนาดใหญ่ และเมื่อไปพิจาณามุมมองเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรที่นักวิเคราะห์มองเข้าไปในแต่ละตลาดหุ้นยิ่งสามารถช่วยยืนยันความเชื่อดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง

ล่าสุดข้อมูลการประมาณการณ์การเติบโตกำไรสุทธิปี 2018 และผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ของแต่ละประเทศจาก Bloomberg consensus พบว่าตลาดหุ้นโลกจะมีกำไรสุทธิปี 2018 เพิ่มขึ้น 16.2% (ROE = 12.1%) ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้น 21.5% (ROE = 14.1%), ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น 10.1% (ROE = 12.6%), ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.6% (ROE = 10.5%), ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 14.5% (ROE = 12.6%) และตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 9.4% (ROE = 11.7%) ซึ่งถือว่าเป็นรองคู่แข่งสำคัญอย่างตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้น 13.8% (ROE = 10.8%) ขณะที่ในแง่ของระดับราคา ปัจจุบันราคาของตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีความน่าสนใจน้อย เพราะเมื่อพิจารณาจากส่วนต่าง P/E Ratio ระหว่าง SET และ MSCI Asia ex. Japan อยู่ที่ระดับ 3.19 เท่า แม้ว่าจะลดลง 0.29 WoW (+0.34 YTD) แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ระดับ 2.95 เท่า เช่นเดียวกับในส่วนของส่วนต่างของ PBV Ratio ระหว่าง SET และ MSCI Asia ex. Japan อยู่ที่ระดับ 0.39 เท่า ที่แม้จะลดลง 0.03 WoW (+0.06 YTD) แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ระดับ 0.29 เท่า

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดเหนือ 1,850 (+/-5) จุดอีกครั้ง เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

65 views
bottom of page