ในเชิงของ Momentum “นายหมูบิน” มองว่าทิศทางของตลาดหุ้นโลก และตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยงนะครับ โดยมองว่าการดีดตัวกลับไปเลยของตลาดหุ้นโลกยังคงมีความเป็นไปได้น้อยในระยะสั้น และการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นอาจเป็นเพียงแค่การ Technical Rebound เท่านั้น
เนื่องจากล่าสุดดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HIS VIX Index ของฮ่องกงยังคงมีอยู่ใน Momentum ของการปรับตัวขึ้น สะท้อนออกมาจากการที่ดัชนีทั้ง 2 ตัว กลับมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทุกเส้น สอดคล้องกับผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจาก AAII ที่ระบุว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา 29 มี.ค. – 4 เม.ย.2561 สัดส่วนนักลงทุนที่ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Bullish ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 31.9% เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 38.5% สวนทางกับสัดส่วนนักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลับสู่แนวโน้มขาลง หรือ Bearish ที่เพิ่มขึ้น 1.3% WoW มาอยู่ที่ระดับ 36.6% เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 30.5% ส่งผลให้อัตราส่วน Bull-vs-Bear Index ติดลบที่ -4.7% ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ +8.0%
แน่นอนว่าข้อมูลในเชิง Sentiment ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดีดกลับของตลาดหุ้นสหรัฐด้วย เพราะเมื่อพิจารณาผ่านปัจจัยที่มาจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตลาดพันธบัตรของสหรัฐประกอบด้วย จะพบปัจจัยลบต่อทิศทางของตลาดหุ้นโลก และสหรัฐเช่นกัน เนื่องจากล่าสุดแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเหมือนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.2561 แต่การที่ล่าสุดส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 3 ปี หรือที่เรียกกันว่า Short-End Spread ซึ่งในทางสถิติมีความสัมพันธ์ที่เป็นลบ หรือ Negative Correlation กับตลาดหุ้น กลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา สนับสนุนทิศทางการพักตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐในระยะสั้นๆนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดกลับน้อยกว่า : ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเอง “นายหมูบิน” ยังคงมองว่ามีโอกาสที่จะดีดกลับจริงจังน้อยกว่าตลาดหุ้นโลกโดยเฉลี่ย เพราะนอกจากประเด็นความเสี่ยงด้านการเมืองในประเทศแล้ว มุมมองต่อการขยายตัวของผลการดำเนินงานในปี 2561 ของตลาดหุ้นไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจน้อยมากๆ ในสายตาของ Global Fund Manager โดยที่ล่าสุด Bloomberg Consensus ประเมินการขยายตัวของกำไรตลาดหุ้นไทยในปี 2561 ไว้ที่ 10.5% YoY ยังคงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐ, ญี่ปุ่น และเอเชียที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 16.5%, 12.9% และ 13.9% YoY ตามลำดับ และยังคงไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับการขยายตัวของผลการดำเนินงานในปี 2561 ของตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ที่เหลืออย่างอินโดนีเซีย และฟิลลิปินส์ที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 13.9% และ 11.5% YoY
นอกจากนี้ในส่วนของความสามารถในการทำกำไรที่วัดจากระดับ ROE ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของตลาดหุ้นไทยมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด Bloomberg Consensus ประเมินระดับ ROE ปี 2561 ของตลาดหุ้นไทยไว้ที่ 11.6% เท่านั้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 12.2% และต่ำกว่าระดับ ROE ของตลาดหุ้นสหรัฐ และเอเชียที่ระดับ 13.6% และ 12.0% ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าระดับความสามารถในการทำกำไรที่แย่ลงเป็นปัญหาสำคัญของตลาดหุ้นเอเชียไม่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น สะท้อนออกมาจากการที่ Bloomberg Consensus ประเมินระดับ ROE ปี 2561 ของตลาดหุ้นเอเชียโดยเฉลี่ยไว้ที่ 12.0% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 12.7% ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ที่เหลืออย่างอินโดนีเซีย และฟิลลิปินส์ที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 11.5% และ 10.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 13.9% และ 14.6% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลของราคาในปัจจุบัน ผ่าน PEG และ PBV to ROE Ratio พบว่าล่าสุดตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ PEG ที่ 1.6 เท่า เทียบกับของสหรัฐ และเอเชียที่ระดับ 1.0 และ 1.0 เท่าตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าระดับราคาในปัจจุบันของ SET ที่พิจารณาผ่านมุมมองของ PEG ดูเหมือนว่าจะไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของผลการดำเนินงานในปี 2561 โดยที่ SET ไปตกอยู่ในกลุ่มของตลาดหุ้นที่ High PER and Low EPS Growth สอดคล้องกับการพิจารณาผ่าน PBV to ROE Ratio ที่พบว่าล่าสุดตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ PBV to ROE Ratio ที่ 0.18 เท่า เทียบกับของเอเชียที่ระดับ 0.14 เท่าตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าระดับราคาในปัจจุบันของ SET ที่พิจารณาผ่านมุมมองของ PEG ดูเหมือนว่าจะไม่สอดคล้องกับความสามารถในการทำกำไรในปี 2561 โดยที่ SET ไปตกอยู่ในกลุ่มของตลาดหุ้นที่ High PBV and Low ROE
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดเหนือ 1,850 (+/-5) จุดอีกครั้ง เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, SAWAD, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club